TLHPF
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 08, 2015 5:12 pm
บลจ.วรรณ ออกกองทุนโรงแรมเกาะพีพี เปิดขาย 9-27 ต.ค.ชูผลตอบแทน 7-8%
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)
Thursday, October 08, 2015 16:36
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 58)--นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 9-27 ตุลาคมนี้ บริษัทจะเปิดเสนอขายครั้งแรกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยแลนด์ โฮสพีทาลิตี้ (TLHPF) มูลค่ากองทุน 1,720 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในสินทรัพย์ของโครงการโรงแรม พี พี ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท และจะนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับจุดเด่นของโรงแรม พี พี ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนเกาะพีพี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม บนเนื้อที่กว่า 31 ไร่ ติดชายหาด ซึ่งอัตราค่าเช่าห้องพักของโรงแรมอยู่ในระดับสูง โดยผลการดำเนินงานของโรงแรมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2553-2557 มีการเติบโตของกำไรขั้นต้นก่อนการหักภาษี (EBITDA Margin) อย่างต่อเนื่อง จากในปี 2553 EBITDA Margin อยู่ที่ 31.6% และในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ EBITDA Margin มีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 44.9% ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากห้องพักเฉลี่ยประมาณ 66% ค่าบริการอาหารและเครื่องดื่มเฉลี่ยประมาณ 25% และรายได้อื่นๆ ประมาณ 9% โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมาโรงแรม พี พี ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่า 80%
กองทุน LTHPF เน้นการคัดเลือกสินทรัพย์ที่ดีมีคุณภาพเพื่อเข้าลงทุน ซึ่งวิเคราะห์จากปัจจุบันนี้อุปทานการเพิ่มของโรงแรมบนเกาะพีพีมีไม่มากเพราะถูกจำกัดด้วยเนื้อที่ของที่ดินบนเกาะพีพี ซึ่งทำให้การออกใบอนุญาตก่อสร้างและให้ใบอนุญาตโรงแรมค่อนข้างเข้มงวด ดังนั้น โครงการขนาดใหญ่ที่กองทุน TLHPF จะลงทุน ซึ่งมีกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ และมีที่ดินติดหาดขนาดยาว 500 เมตรย่อมมีโอกาสที่มูลค่าของโครงการจะเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว
นอกจากนี้ กองทุน TLHPF จะให้สิทธิแก่บริษัท พี พี ฮอลิเดย์ จำกัด เป็นผู้เช่าโดยมี Inter-Continental Hotel Group หรือ IHG ภายใต้แบรนด์ Holiday Inn Resort เป็นผู้บริหารโครงการ ทั้งนี้ มีระยะเวลาการให้เช่ารวม 15 ปี โดยแบ่งเป็นสัญญาเช่า 3 ปี และจะต่ออายุสัญญาทุก 3 ปี จำนวน 4 ครั้ง ในส่วนของรายได้ของกองทุน TLHPF จะมาจากค่าเช่าคงที่ภายใต้สัญญาเช่าระหว่างกองทุนและผู้เช่าแต่เพียงอย่างเดียว และกองทุนมีนโยบายการจ่ายปันผลอย่างน้อย 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่งบริษัทจัดการมีความตั้งใจที่จะจ่ายเงินปันผล 2 ครั้งต่อปี โดยกองทุน TLHPF ได้ประมาณการเงินปันผลที่จ่ายในอัตรา 95% ของกำไรสุทธิ โดยมีอัตราผลตอบแทนอยู่ประมาณ 7 - 8% ต่อปี ตลอดอายุสัญญาค่าเช่าคงที่ 15 ปี
น.ส.ฟ้าประทาน จิตตรัตน์เสนีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีพี ฮอลิเดย์ จำกัด กล่าวเสริมว่า จากการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของทางรัฐบาล ทำให้แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น โดยสถิติที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวได้เลือกที่จะมาท่องเที่ยวภาคใต้มากขึ้น โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามัน ดังนั้น ในช่วง High season ที่จะถึงนี้ ทางผู้บริหารโรงแรมต่างๆ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกันและโรงแรมส่วนใหญ่ ในจังหวัดภูเก็ต และกระบี่รวมถึงโรงแรมบนเกาะพีพี ได้มียอดการจองเพิ่มขึ้นจากเดิมหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เกาะพีพีนับได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสงบของธรรมชาติ จนได้รับสมญานามว่า “อัญมณีแห่งอันดามัน"และในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เกาะพีพีได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อีกทั้ง โรงแรมบนเกาะพีพีที่เป็นโรงแรมมาตรฐานในระดับสากล (Chain International) ก็มีอยู่อย่างจำกัด ผนวกกับในปัจจุบัน ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในเกาะพีพีมีมากขึ้นดูได้จากรูปแบบการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวแบบ Day trip ที่นำนักท่องเที่ยวให้มาดำน้ำดูปะการัง และชื่นชมความสวยงามของโลกใต้ท้องทะเลเกาะพีพี ดังนั้น หากมองธุรกิจบนเกาะพีพี ในเชิงการท่องเที่ยวแล้ว บริษัทคาดว่าธุรกิจโรงแรมนับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะไม่ว่าจะเป็นช่วง Low Season หรือ High Season เกาะพีพีแห่งนี้ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
Source - IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (Th)
Thursday, October 08, 2015 16:36
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 58)--นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 9-27 ตุลาคมนี้ บริษัทจะเปิดเสนอขายครั้งแรกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยแลนด์ โฮสพีทาลิตี้ (TLHPF) มูลค่ากองทุน 1,720 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในสินทรัพย์ของโครงการโรงแรม พี พี ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท และจะนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับจุดเด่นของโรงแรม พี พี ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนเกาะพีพี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม บนเนื้อที่กว่า 31 ไร่ ติดชายหาด ซึ่งอัตราค่าเช่าห้องพักของโรงแรมอยู่ในระดับสูง โดยผลการดำเนินงานของโรงแรมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2553-2557 มีการเติบโตของกำไรขั้นต้นก่อนการหักภาษี (EBITDA Margin) อย่างต่อเนื่อง จากในปี 2553 EBITDA Margin อยู่ที่ 31.6% และในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ EBITDA Margin มีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 44.9% ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากห้องพักเฉลี่ยประมาณ 66% ค่าบริการอาหารและเครื่องดื่มเฉลี่ยประมาณ 25% และรายได้อื่นๆ ประมาณ 9% โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมาโรงแรม พี พี ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่า 80%
กองทุน LTHPF เน้นการคัดเลือกสินทรัพย์ที่ดีมีคุณภาพเพื่อเข้าลงทุน ซึ่งวิเคราะห์จากปัจจุบันนี้อุปทานการเพิ่มของโรงแรมบนเกาะพีพีมีไม่มากเพราะถูกจำกัดด้วยเนื้อที่ของที่ดินบนเกาะพีพี ซึ่งทำให้การออกใบอนุญาตก่อสร้างและให้ใบอนุญาตโรงแรมค่อนข้างเข้มงวด ดังนั้น โครงการขนาดใหญ่ที่กองทุน TLHPF จะลงทุน ซึ่งมีกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ และมีที่ดินติดหาดขนาดยาว 500 เมตรย่อมมีโอกาสที่มูลค่าของโครงการจะเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว
นอกจากนี้ กองทุน TLHPF จะให้สิทธิแก่บริษัท พี พี ฮอลิเดย์ จำกัด เป็นผู้เช่าโดยมี Inter-Continental Hotel Group หรือ IHG ภายใต้แบรนด์ Holiday Inn Resort เป็นผู้บริหารโครงการ ทั้งนี้ มีระยะเวลาการให้เช่ารวม 15 ปี โดยแบ่งเป็นสัญญาเช่า 3 ปี และจะต่ออายุสัญญาทุก 3 ปี จำนวน 4 ครั้ง ในส่วนของรายได้ของกองทุน TLHPF จะมาจากค่าเช่าคงที่ภายใต้สัญญาเช่าระหว่างกองทุนและผู้เช่าแต่เพียงอย่างเดียว และกองทุนมีนโยบายการจ่ายปันผลอย่างน้อย 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่งบริษัทจัดการมีความตั้งใจที่จะจ่ายเงินปันผล 2 ครั้งต่อปี โดยกองทุน TLHPF ได้ประมาณการเงินปันผลที่จ่ายในอัตรา 95% ของกำไรสุทธิ โดยมีอัตราผลตอบแทนอยู่ประมาณ 7 - 8% ต่อปี ตลอดอายุสัญญาค่าเช่าคงที่ 15 ปี
น.ส.ฟ้าประทาน จิตตรัตน์เสนีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีพี ฮอลิเดย์ จำกัด กล่าวเสริมว่า จากการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของทางรัฐบาล ทำให้แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น โดยสถิติที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวได้เลือกที่จะมาท่องเที่ยวภาคใต้มากขึ้น โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามัน ดังนั้น ในช่วง High season ที่จะถึงนี้ ทางผู้บริหารโรงแรมต่างๆ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกันและโรงแรมส่วนใหญ่ ในจังหวัดภูเก็ต และกระบี่รวมถึงโรงแรมบนเกาะพีพี ได้มียอดการจองเพิ่มขึ้นจากเดิมหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เกาะพีพีนับได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสงบของธรรมชาติ จนได้รับสมญานามว่า “อัญมณีแห่งอันดามัน"และในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เกาะพีพีได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อีกทั้ง โรงแรมบนเกาะพีพีที่เป็นโรงแรมมาตรฐานในระดับสากล (Chain International) ก็มีอยู่อย่างจำกัด ผนวกกับในปัจจุบัน ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในเกาะพีพีมีมากขึ้นดูได้จากรูปแบบการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวแบบ Day trip ที่นำนักท่องเที่ยวให้มาดำน้ำดูปะการัง และชื่นชมความสวยงามของโลกใต้ท้องทะเลเกาะพีพี ดังนั้น หากมองธุรกิจบนเกาะพีพี ในเชิงการท่องเที่ยวแล้ว บริษัทคาดว่าธุรกิจโรงแรมนับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะไม่ว่าจะเป็นช่วง Low Season หรือ High Season เกาะพีพีแห่งนี้ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--