Thai VI

อยากทราบหลักการลงทุนหุ้นเพิ่งเข้าตลาดใหม่ เพราะสังเกตเห็นว่า หุ้นส่วนใหญ่เข้าตลาดมาใหม่ ๆ มักจะเปิดสูงกว่า ipo แต่หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ตกลงทุนวัน บางตัวต่ำกว่า ipo แต่หลังจากนั้นมีบางตัวที่ราคาค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนราคาสูงกว่าราคาที่เข้าตลาดวันแรก และดูเหมือนว่าราคาสูงเรื่อยๆ เช่น takuni

บางตัวก็สูงแล้วก็สูงกว่านั้น ไม่มีต่ำกว่า IPO
ที่จำได้มี BLA ตัวนี้ที่เข้ามาปุ๊บก็สูงกว่า IPO ตลอดเวลา

แต่ส่วนใหญ่ที่ต่ำกว่ามันมีหลายปัจจัย
1. ราคาที่เข้ามานั้น PE เท่าไร
2. การประกันการขาย
3. จำนวนผู้ได้หุ้น IPO
4. สัดส่วนของIPO ว่าอยู่ในมือใคร

พวกนี้เป็นปัจจัยเข้าไปด้วย ถ้ามองกันดีๆๆ
อาจจะมีชื่อโบรกเกอร์ด้วย

ผมเป็นมือใหม่ แต่ขอยกตำรามาตอบเผื่อจะมีประโยชน์บ้าง ถ้าตรงไหนผิดรบกวนพี่ๆช่วยแก้ด้วยนะครับ

- Buffett ไม่สนใจกลุ่มนี้เพราะ ข้อมูลไม่พอ และปู่จะบอกว่า การขาย IPO คือการขายหุ้นออกจาก มือเจ้าของ ได้อย่างแนบเนียนที่สุด ปู่คงจะซื้อถ้ามันอยู่นอกตลาดมานานและปู่มีข้อมูลพอ (แต่ผมไม่แน่ใจว่าปู่เคยทำแบบนั้นรึเปล่านะครับ เพราะผมเดาว่าถ้า ปู่เป็นผู้บริหาร ธุรกิจไหนที่ซื้อนอกตลาดได้แล้วดี ปู่ไม่เข้าตลาด)

- Lynch เคยเข้าจะซื้อหุ้นร้านอาหารที่ตัวเองถูกใจแซนวิสอยู่ โดยเงิน IPO จะเอาไปขยายสาขา สุดท้ายสาขาใหม่มันไม่เวิคเลย ลูกค้าน้อยมาก ก่อนเข้าต้องขายออกแบบขาดทุน เขาบอกว่า จริงๆควรให้การขยายสาขาเริ่มดูดีก่อนถึงเริ่มซื้อตอนนั้นก็ไม่สาย แต่จะมีหุ้นสายการเงิน S&L(ฝาก กู้) ที่ Lycnh จะสนใจเป็นพิเศษ โดยดูจาก ส่วนของเจ้าของ / สินทรัพย์ และอัตราความเสี่ยงการเกินหนี้ศูนย์ เป็นหลักครับ หรือ มันเป็นกิจการที่แยกออกมาและผู้ถือหุ้นเดิมจาก บ.แม่ ถืออย่างมากหน้าหลายตา เขาบอกด้วยว่าสถิติที่น่าซื้อ IPO มีแค่ 25% ของ IPO ที่เกิดขึ้น (ข้อมูลยุค 90's)

Prof. Damodaran ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ Valuation ได้เคยให้หลักการคร่าวๆ เกี่ยวกับการพิจารณาหุ้น IPO คือ ให้พยายามระมัดระวัง ตัวเลขที่อาจดูดีชั่วคราว และให้เทียบอัตราส่วนต่างๆ กับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันครับ

บริษัทเข้าใหม่หลายๆ บริษัท อาจจะเข้ามาในช่วงภาวะที่ตัวเลขต่างๆ ของธุรกิจดูสวยงาม เช่น ตัวเลข GPM, EBIT Margin, ROE, Growth Rate เหล่านี้มีค่าทีสูง หรือตัวเลขเช่น %NPL มีค่าที่ต่ำ Prof. Damodaran ให้ความเห็นว่าตัวเลขเหล่านี้อาจจะไม่ยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ มักไม่มี Competitive Advantage ที่มากพอ และยังไม่ได้เจอภาวะการแข่งขันอย่างจริงจัง ในอนาคตเมื่อเจอภาวะการแข่งขันที่มากขึ้น อัตราส่วนเหล่านี้ก็จะค่อยๆ เข้าสู่ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมครับ ดังนั้นเวลาเราประเมินมูลค่าบริษัทที่เข้าใหม่ มีข้อมูลไม่มากในระยะยาวอย่างระมัดระวัง เราควรปรับตัวเลขเหล่านี้ที่แม้จะดูสวยงามในปัจจุบัน ให้ไม่เกินตัวเลขเฉลี่ยอุตสาหกรรม

ผมว่าเลี่ยงได้ก็ดีครับ

ไม่ควรยุ่งเลยครับ รอเวลาเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพก่อนดีที่สุดครับ อย่าใจร้อนรีบสร้างผลตอบแทน มันได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

บางทีถ้าดูbusiness modelเค้าออกก็อาจจะได้รับผลตอบแทนในระดับสูงมากเลยครับ บางรายเข้ามาเพื่อปลดล๊อคมูลค่าหุ้นของตัวเองบ้าง หรือเพื่อเอาเงินไปขยายงานจริงๆบ้าง เหตุผลหลากหลาย

สำหรับผมจะดูเป็นเคสๆไป ส่วนตัวผมได้เรียนรู้ว่าการมองว่าหุ้นipoมันไม่น่าเล่นทำให้ผมพลาดหลายอย่าง ผมเลยคิดว่าหุ้นก็คือหุ้น ถ้ามันต่ำกว่ามูลค่าหรือว่ามันเพิ่มมูลค่าได้มากกว่าวันนี้มากและคนอื่นมองไม่เห็น ก็ซื้อครับ

แต่ทั้งนี้ต้องดูหลายๆอย่าง โดยเฉพาะงบว่ามันมีอะไรแปลกๆไหม กำไรดฟุดีเกินจริงหรือเปล่า เอ แล้วประเด็นว่าgrowthนี่ เป็นgrowth stageไหน ลงทุนinfraไปไมดหรือยัง สินค้าประเภทไหนถ้าbusiness modelเป็นแบบพวกร้านค้าปรับproduct mixเพิ่มมาร์จิ้นได้ไหม ปัจจัยเยอะครับ

ชาว VI จะหลีกเลี่ยง ตระกูล IPO ครับ
เพราะของที่คนตั้งใจเอามาประมูลขายมักจะไม่ถูก ส่วนดีรึเปล่าไม่แน่

แต่ก็มี นักลงทุนท่านนึง ที่ผมว่า เขียนบทวิเคราะห์หุ้น IPO ของไทย ได้ใช้ได้เลย
ลองไปลอกเลียนวิธีคิดดูได้ครับ
https://www.facebook.com/Wattana-Stock- ... ne/?ref=ts
(แต่ต้องมีข้อมูลเชิงโครงสร้างการ IPO และเจตนาของผู้ขาย IPO ประกอบด้วย)