มีคนวิเคราะห์ไว้ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 30, 2015 1:17 pm
พี่น้องครับ วันนี้เรามาวิเคราะห์งบการเงินว่าด้วยรางวัล Benz ชาเขียวกันดีกว่านะครับ ^^
บริษัทเครื่องดื่มแห่งหนึ่งจะแจก Benz 50 คัน สำหรับใครก็ตามที่ดื่มผลิตภัณฑ์ของเขาครับ ตรงนี้เราเลยลองมาดูกันว่าโอกาสถูกหวยชาเขียวจะมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตัวแปรที่ต้องการคือเขามียอดขายไตรมาสละกี่ขวด (เพราะแคมเปญนี้กินเวลาประมาณ 1 ไตรมาส) ซึ่งจากข้อมูลในงบการเงินบริษัทแห่งนี้มียอดขายประมาณ 6,179 ล้านบาทในปี 2557 ราคาขายส่งต่อขวดเท่ากับ 8 บาทโดยประมาณ ดังนั้น ก็แปลว่าจำนวนขวดที่ขายได้ต่อไตรมาสก็ประมาณ 191 ล้านขวด เมื่อหารด้วยจำนวน Benz ที่แจก 50 คันก็แปลว่าอัตราส่วนระหว่างจำนวนขวดชาเขียว : Benz 1 คันเท่ากับ 3.83 ล้านขวดต่อ 1 คันครับ !!!!
ถ้าเทียบกับการเล่นหวย โอกาสถูกรางวัลที่ 1 อยู่ที่ 1 ล้าน : 1 นั่นก็แปลว่าถ้าเราเล่นหวยก็ยังมีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 มากกว่าซื้อชาเขียวตั้ง 3.83 เท่าครับ
ยิ่งไปกว่านั้น หวยในแต่ละชุดมีรางวัลมูลค่ารวม 23 ล้านบาท จากมูลค่าหวย 1 ล้านใบ 40 ล้านบาท (ขายจริง 50 ล้านบาท) ซึ่งก็ยังมีอัตรารางวัลต่อเงินลงทุนเท่ากับ 46% ส่วนชาเขียวมีอัตราส่วนรางวัลต่อเงินลงทุนแค่ 5.44% ซึ่งไม่ว่าจะเล่นหวยหรือกินชาเขียว ถ้ามองในแง่สถิติก็ไม่คุ้มทั้งคู่ แต่ยังไงๆ เล่นหวยก็ยังคุ้มกว่าซื้อชาเขียวเกือบๆ 10 เท่าครับ
รู้แบบนี้จะทำไงดี? อันนี้ไม่ได้แนะนำให้เล่นหวยนะครับ แต่กำลังบอกถ้ามีแค่ 2 ทางเลือก แล้วอยากได้ Benz ผมว่าเอาเงินไปซื้อหวยคุ้มกว่า แถมยังลดความเสี่ยงจากการเป็นเบาหวาน หรือได้รับสารอาหารเกินความจำเป็นอีกด้วยครับ …. แต่ถ้าให้ดีก็เก็บเงินไว้ไปลงทุนอย่างอื่นที่มันเสริมสร้างคุณค่าให้กับตัวเองก็น่าจะดีที่สุดครับ
คำถามสุดท้าย ซื้อหวยชาเขียวแล้วใครรวย? อย่างที่วิเคราะห์ให้ดู ยอดขายชาเขียว 3.83 ล้านขวดต่อ Benz 1 คันมูลค่า 2.5 ล้านบาท ซึ่งบริษัทแห่งนี้มีอัตรากำไรสุทธิ 17% ของยอดขาย นั่นก็แปลว่ารถทุกๆ คันที่แจก จะสร้างกำไรให้กับบริษัทแห่งนี้เท่ากับ 3.83 ล้านขวด x 8.07 บาท x 17% = 5.25 ล้านบาท หรือแปลความง่ายๆ ว่าทุกๆ ครั้งที่บริษัทนี้แจก Benz 1 คัน คนกินชาเขียวจะคืน Benz ให้เขา 2 คันครับ !!!!
คราวนี้ทราบแล้วใช่ไหมครับว่าการดื่มชาเขียวในลักษณะนี้จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับใคร …. ก็เจ้าของกิจการชาเขียวไงล่ะครับ ซึ่งส่วนตัวผมเลิกดื่มชาเขียวนานแล้ว (และไม่เล่นหวยด้วย) เพราะคิดยังไงก็ไม่คุ้มครับ ^^
บริษัทเครื่องดื่มแห่งหนึ่งจะแจก Benz 50 คัน สำหรับใครก็ตามที่ดื่มผลิตภัณฑ์ของเขาครับ ตรงนี้เราเลยลองมาดูกันว่าโอกาสถูกหวยชาเขียวจะมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตัวแปรที่ต้องการคือเขามียอดขายไตรมาสละกี่ขวด (เพราะแคมเปญนี้กินเวลาประมาณ 1 ไตรมาส) ซึ่งจากข้อมูลในงบการเงินบริษัทแห่งนี้มียอดขายประมาณ 6,179 ล้านบาทในปี 2557 ราคาขายส่งต่อขวดเท่ากับ 8 บาทโดยประมาณ ดังนั้น ก็แปลว่าจำนวนขวดที่ขายได้ต่อไตรมาสก็ประมาณ 191 ล้านขวด เมื่อหารด้วยจำนวน Benz ที่แจก 50 คันก็แปลว่าอัตราส่วนระหว่างจำนวนขวดชาเขียว : Benz 1 คันเท่ากับ 3.83 ล้านขวดต่อ 1 คันครับ !!!!
ถ้าเทียบกับการเล่นหวย โอกาสถูกรางวัลที่ 1 อยู่ที่ 1 ล้าน : 1 นั่นก็แปลว่าถ้าเราเล่นหวยก็ยังมีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 มากกว่าซื้อชาเขียวตั้ง 3.83 เท่าครับ
ยิ่งไปกว่านั้น หวยในแต่ละชุดมีรางวัลมูลค่ารวม 23 ล้านบาท จากมูลค่าหวย 1 ล้านใบ 40 ล้านบาท (ขายจริง 50 ล้านบาท) ซึ่งก็ยังมีอัตรารางวัลต่อเงินลงทุนเท่ากับ 46% ส่วนชาเขียวมีอัตราส่วนรางวัลต่อเงินลงทุนแค่ 5.44% ซึ่งไม่ว่าจะเล่นหวยหรือกินชาเขียว ถ้ามองในแง่สถิติก็ไม่คุ้มทั้งคู่ แต่ยังไงๆ เล่นหวยก็ยังคุ้มกว่าซื้อชาเขียวเกือบๆ 10 เท่าครับ
รู้แบบนี้จะทำไงดี? อันนี้ไม่ได้แนะนำให้เล่นหวยนะครับ แต่กำลังบอกถ้ามีแค่ 2 ทางเลือก แล้วอยากได้ Benz ผมว่าเอาเงินไปซื้อหวยคุ้มกว่า แถมยังลดความเสี่ยงจากการเป็นเบาหวาน หรือได้รับสารอาหารเกินความจำเป็นอีกด้วยครับ …. แต่ถ้าให้ดีก็เก็บเงินไว้ไปลงทุนอย่างอื่นที่มันเสริมสร้างคุณค่าให้กับตัวเองก็น่าจะดีที่สุดครับ
คำถามสุดท้าย ซื้อหวยชาเขียวแล้วใครรวย? อย่างที่วิเคราะห์ให้ดู ยอดขายชาเขียว 3.83 ล้านขวดต่อ Benz 1 คันมูลค่า 2.5 ล้านบาท ซึ่งบริษัทแห่งนี้มีอัตรากำไรสุทธิ 17% ของยอดขาย นั่นก็แปลว่ารถทุกๆ คันที่แจก จะสร้างกำไรให้กับบริษัทแห่งนี้เท่ากับ 3.83 ล้านขวด x 8.07 บาท x 17% = 5.25 ล้านบาท หรือแปลความง่ายๆ ว่าทุกๆ ครั้งที่บริษัทนี้แจก Benz 1 คัน คนกินชาเขียวจะคืน Benz ให้เขา 2 คันครับ !!!!
คราวนี้ทราบแล้วใช่ไหมครับว่าการดื่มชาเขียวในลักษณะนี้จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับใคร …. ก็เจ้าของกิจการชาเขียวไงล่ะครับ ซึ่งส่วนตัวผมเลิกดื่มชาเขียวนานแล้ว (และไม่เล่นหวยด้วย) เพราะคิดยังไงก็ไม่คุ้มครับ ^^