หน้า 1 จากทั้งหมด 1

Synthetic Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 16, 2015 11:03 pm
โดย Thai VI Article

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ในภาวะตลาดหุ้นแบบ “กระทิง” หรือภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังร้อนแรงนั้น  หุ้นที่จะปรับตัวขึ้นเร็วและมากกว่าปกติมาก ๆ  ก็คือหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการดีขึ้นมากหรือ “คาดว่า” จะมีผลประกอบการดีขึ้นอย่างโดดเด่นในอนาคตอันใกล้  คนที่เข้ามา “เล่น” หุ้นกลุ่มนี้จะบอกว่ามันเป็น  “หุ้นเติบโต”  หรือเป็น  “Growth Stock”  ซึ่งสามารถที่จะมีราคาแพงกว่าหุ้นทั่วไปได้  ดังนั้น  ค่า PE ของมันจึงสามารถที่จะสูงได้  บางทีเป็น 100 เท่า  เพราะอนาคตเมื่อกิจการมีกำไรโตขึ้นเร็วมาก  ค่า PE ก็จะลดลงมาเอง  ดังนั้น  สำหรับนักลงทุนที่  “กล้าได้กล้าเสีย” แล้ว  การหาหุ้นที่จะ  “โตเร็ว” จึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าปัจจัยอย่างอื่นในยามที่ตลาดกำลังร้อนแรง  หุ้นที่กำไรทรง ๆ หรือโตช้านั้น  แม้ว่าจะมีความมั่นคงสม่ำเสมอและบริษัทมีฐานะที่แข็งแกร่งในทางการตลาดหรือการเงินจึงไม่อยู่ในสายตา  เพราะหุ้นพวกนี้ราคาขึ้นช้าหรือไม่ไปไหน  เหนือสิ่งอื่นใดราคาหุ้นก็อาจจะไม่ได้ถูกด้วย

    ส่วนตัวผมเองนั้น  ผมเชื่อว่าการเจริญเติบโตของบริษัทเป็นปัจจัยสำคัญมากเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม  ความมั่นคงและฐานะทางการแข่งขันทางการตลาดของกิจการก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  หุ้นที่เพียงแต่โตขึ้นโดยที่ความสามารถในการแข่งขันไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งอื่นอย่างถาวรนั้น  ผมคงไม่ให้ราคาที่แพงมากนัก  ผมกลัวว่าการเจริญเติบโตของบริษัทอาจจะไม่ยาวนานเนื่องจากคู่แข่งก็จะเข้ามาแข่งขันเพิ่มและทำให้การเจริญเติบโตในอนาคตถดถอยลง  นอกจากนั้น  ผมก็ยังมักจะมองการเติบโตที่รวดเร็วและสูงกว่าปกติด้วยสายตาของคนที่  “ขี้สงสัย” หรือ “ระแวง”  ว่า  มันจะไม่สามารถโตแบบนั้นได้ยาวหรือบางทีก็คิดว่ามันไม่ใช่การเติบโตที่แท้จริง  มันอาจจะเป็นการ  “เติบโตเทียม”  หรือมันอาจจะเป็นการเติบโตที่ “สร้าง” หรือ “สังเคราะห์” ขึ้นมาอย่างตั้งใจซึ่งผมอยากจะเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า  “Synthetic Growth” เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทโตเร็วมากในระยะสั้น   แต่จริง ๆ  แล้วมันอาจจะไม่ดีหรือไม่เป็นประโยชน์ในระยะยาว

    Synthetic Growth(SG)  แบบแรกที่มักทำกันในช่วงตลาดบูมก็คือ  การเทคโอเวอร์หรือการซื้อหรือควบรวมกิจการ  นี่เป็นการเติบโตที่ไม่ได้เกิดขึ้นภายในกิจการหรือที่เรียกว่า Organic Growth แต่เป็นการเติบโตจาก “ภายนอก” ที่ทำได้เร็วและง่าย   วิธีการเทคโอเวอร์บริษัทอื่นที่จะทำให้บริษัทดูเหมือนโตอย่างมี “คุณภาพ”  คือโตทั้งรายได้และกำไรและเป็น SG อย่างง่ายที่สุดก็คือการที่หุ้นของบริษัทที่มีราคาแพงคือบริษัท A มีค่า PE สูงลิ่วเช่นมีค่า PE 40 เท่า  ไปเทคโอเวอร์บริษัทอื่นคือบริษัท B ที่หุ้นมีราคาถูกกว่า  เช่น มีค่า PE 20 เท่า โดยการแลกหุ้นกัน  ซึ่งผลก็คือ  รายได้ของบริษัท A จะสูงขึ้น  เช่นเดียวกับกำไรต่อหุ้นที่จะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ  เหตุการณ์ที่บริษัท A ดูเหมือนจะโตอย่างรวดเร็วโดยการเทคโอเวอร์บริษัท B นั้น  จะทำให้คนเข้ามาซื้อหุ้นบริษัท A ทำให้ราคาหุ้นบริษัท A สูงขึ้นและค่า PE ก็อาจจะสูงขึ้นไปอีก   ซึ่งก็ทำให้บริษัท A สามารถเทคโอเวอร์บริษัทอื่นต่อได้อีก  ดังนั้น  SG โดยการเทคโอเวอร์จึงเป็นวิธีที่คนนิยมกันมากในช่วงหุ้นบูมจัด

    SG แบบที่สองนั้น  คือการสร้างรายได้และความคาดหวังที่จะทำกำไรทันทีหรือในระยะสั้น  โดยที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว  ตัวอย่างเช่น  บริษัทอาจจะสร้างรายได้โดยการลดราคาสินค้าหรือบริการเพื่อแย่งชิงลูกค้า  ทำให้บริษัทมีรายได้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  ตัวอย่างเช่น  บริษัทรับเหมาก่อสร้างเข้าประมูลงานในราคาต่ำ  หรือบริษัทลดราคาสินค้าลงมามากเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นมาก  ในกรณีแบบนี้  เราก็จะเห็นว่า บริษัทโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากและทั้ง ๆ  ที่ผลกำไรอาจจะยังไม่ออกมา  นักลงทุนก็อาจจะดูว่าบริษัทจะโตเร็วมากและเข้ามาซื้อหุ้นดันราคาให้สูงขึ้นไปได้มากในระยะสั้น  แต่เมื่อผลประกอบการออกมาพบว่าบริษัทไม่ได้กำไร  ราคาหุ้นก็อาจจะถูกกระทบได้

    การเร่งการเติบโตในแบบของ SG แบบที่สองนั้น  อาจจะมาจากธุรกิจที่เรียกว่า  “บินก่อน” ขอประทานโทษ  น่าจะเรียกว่า  “กินก่อนผ่อนทีหลัง” นั่นก็คือกิจการที่  “รายได้มักจะมาก่อนแต่ต้นทุนบางส่วนจะเกิดขึ้นทีหลัง”  ตัวอย่างเช่น  การปล่อยสินเชื่อทุกประเภทที่รายได้มักจะเกิดขึ้นทันทีที่ปล่อยกู้  แต่หนี้เสียซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญตัวหนึ่งนั้น  มักจะตามมาทีหลัง  ดังนั้น บริษัทที่ปล่อยกู้หรือสถาบันการเงินนั้น  สามารถที่จะเร่งการเติบโตโดยการทำ SG ได้เสมอ  ซึ่งก็จะทำให้บริษัทดูเหมือนจะโตเร็วมากในระยะสั้น  แต่ในระยะยาวแล้วก็อาจจะอันตราย  เพราะมันเป็น Synthetic Growth ที่ไม่คงทนเหมือนการเติบโตจริง ๆ 

    พูดถึงเรื่อง “บินก่อนผ่อนทีหลัง” นั้น  ผมยังจำได้ว่าครั้งหนึ่ง  เราเคยมีบริษัทที่ขาย    “สมาชิกฟิตเนสตลอดชีพ” ในราคาถูก  และอีกบริษัทหนึ่งขายเวลาอินเตอร์เน็ตแบบเป็น “ซอง” คือต้องจ่ายเงินซื้อเวลาล่วงหน้าในราคาถูกในยุคที่อินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายมากนัก  ทำให้ทั้งสองบริษัทดูมีการเติบโตอย่างรวดเร็วกลายเป็นหุ้นเติบโตเร็วเป็น Growth Stock ที่แม้แต่ VI ก็ยังเชียร์กันมาก  แต่แล้วในที่สุดทั้งสองบริษัทก็ล้มเหลวเมื่อความจริงปรากฏในภายหลัง

    การทำ SG แบบที่สามนั้น  อาจจะมาจากการปรับระบบการลงบัญชีที่ทำให้รายได้หรือกำไรถูกรับรู้เร็วและต้นทุนสำคัญเช่นค่าเสื่อมราคานั้นถูกเลื่อนออกไปให้ช้าลง  นี่เป็นสิ่งที่บางทีก็ทำได้ไม่ผิดอะไร  แต่ผลก็คือ  ในระยะสั้น  รายได้และกำไรก็จะโดดเด่นขึ้น  แต่ในระยะยาวแล้วก็จะลดลง  บริษัทที่ทำแบบนี้  มักจะเป็นกิจการที่มีทรัพย์สินถาวรมากและเป็นต้นทุนที่สำคัญในการทำธุรกิจ  ซึ่งทำให้การปรับระบบการลงบัญชีนั้นมีผลต่อผลประกอบการที่รายงานอย่างมีนัยสำคัญ  ตัวอย่างที่เราเคยเห็นก็น่าจะรวมถึงบริษัทที่เคยมีข่าวฉาวโฉ่อย่าง Enron ซึ่งทำธุรกิจพลังงาน  และ World Com ที่ทำธุรกิจสื่อสาร ในตลาดหุ้นอเมริกาซึ่งต่างก็มีทรัพย์สินถาวรจำนวนมากและต่างก็ใช้วิธีการลงบัญชีแบบที่ทำให้สามารถทำ SG ได้  อย่างไรก็ตาม  ในทั้งสองกรณีนั้น  ดูเหมือนว่าจะทำแบบผิดกฎหมายด้วย  และก็อย่างที่เห็น  ในช่วงต้นนั้น  หุ้นของทั้งสองบริษัทต่างก็วิ่งระเบิดเป็นขวัญใจของนักลงทุน  แต่เมื่อเรื่องแดงขึ้น  มันก็ล้มไม่เป็นท่า

    SG แบบสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงแต่ไม่ใช่ทั้งหมดก็คือการตั้งใจโกงของผู้บริหาร  นี่ก็มีวิธีการหลายแบบ  สิ่งที่แตกต่างจากการโกงบริษัทธรรมดาก็คือ  นี่คือการโกงเงินจากทั้งบริษัทและนักเล่นหุ้นด้วย  วิธีการยอดนิยมก็คือ  การขายสินค้าให้แก่ตัวเองหรือนอมินีโดยเฉพาะที่ติดตามตัวตนยาก  เช่น  อาจจะอยู่ในต่างประเทศ  การขายนี้จะมียอดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้กำไรเพิ่มขึ้นทันทีแต่ปัญหาก็คือ  มันเป็นการขายเชื่อไม่มีเงินสดจริง  มันเป็นการทำ SG   ผลก็คือ  บริษัทกลายเป็นบริษัทที่  “โตเร็ว”  และราคาหุ้นก็ถูกบิดราคาขึ้นไปสูงทำให้เจ้าของสามารถขายหุ้นทำกำไรอย่างงดงาม  นอกจากหุ้นแล้ว  เจ้าของก็จะได้เงินสดที่ได้จากการขายสินค้าที่ตนเองซื้อจากบริษัทด้วย  เมื่อทุกอย่างปรากฏ  บริษัทก็ล้มเหลว  ส่วนเจ้าของก็หนีไปหาความสุขในต่างประเทศที่ทางการไม่สามารถจับได้  นี่ก็เป็นกรณีของหลายบริษัท  หนึ่งในนั้นก็เป็นบริษัทดีลเลอร์ขายรถยนต์ที่เป็นหุ้นยอดนิยมอยู่พักหนึ่ง

    ประเด็นสำคัญที่ควรจะรู้สำหรับ VI ก็คือ  เราต้องเข้าใจว่าการเติบโตของบริษัทที่เราดูอยู่นั้นมันเป็นการเติบโตที่แท้จริงหรือเป็น Synthetic Growth  ถ้าเราคิดว่ามันเป็น SG เราต้องเข้าใจว่ามันอาจจะไม่โตแบบถาวรหรือคงทน  วันหนึ่งมันก็ต้องหยุดหรือถอยหลังได้  ถ้าราคาหุ้นแพงมากแล้ววัดจากค่า PE และค่าอื่น ๆ  การเข้าไปลงทุนนั้นอาจจะไม่คุ้มค่า  นั่นก็คือ  ถ้าบริษัทโตต่อไปได้  เราก็อาจจะแค่เสมอตัว  แต่ถ้าบริษัทเริ่มชะลอตัวลงเราอาจจะไม่ได้อะไร  แต่ถ้าบริษัทแย่ลงหรือล้มเหลว  มันก็อาจจะเป็นหายนะของการลงทุน
[/size]

Re: Synthetic Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 17, 2015 3:18 am
โดย vim
ขอบคุณมากครับ

Re: Synthetic Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 17, 2015 9:14 am
โดย ลูกหิน
ขอบคุณมากๆครับ แต่คนส่วนใหญ่ชอบเล่นเพราะมันทันใจดีครับ และส่วนใหญ่ชอบคิดว่าหนีทัน อันนี้ยิ่งอันตรายมาก แต่สำหรับผมหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดเลยครับ ไม่ชอบเล่นไพ่ครับ

Re: Synthetic Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 17, 2015 10:35 am
โดย Bachelier
ขออนุญาตถามเป็นความรู้ครับ อ่านบทความของอาจารย์แล้วรู้สึกเหมือนว่ายิ่งหุ้นที่มี PE สูงๆ สามารถไปทำ M&A บริษัทอื่นๆได้ง่ายกว่าหุ้น PE ต่ำๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะครับ

Re: Synthetic Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 17, 2015 10:57 am
โดย atsu
Bachelier เขียน:ขออนุญาตถามเป็นความรู้ครับ อ่านบทความของอาจารย์แล้วรู้สึกเหมือนว่ายิ่งหุ้นที่มี PE สูงๆ สามารถไปทำ M&A บริษัทอื่นๆได้ง่ายกว่าหุ้น PE ต่ำๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะครับ
หมายถึงการทำ m&a โดยไม่ใช้เงินสดซื้อแต่ใช้หุ้นบริษัทไปแลกแทนไงครับ
ยิ่งพีอีสูงราคาหุ้นก็ยิ่งแพง ก็ยิ่งได้เปรียบในการแลก

Re: Synthetic Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 17, 2015 7:29 pm
โดย Marquez
ขอบคุณมากครับ

Re: Synthetic Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 17, 2015 10:24 pm
โดย Bachelier
ขอบคุณครับ

Re: Synthetic Growth/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 18, 2015 10:37 am
โดย opengn
ขอบคุณครับ :B