หน้า 1 จากทั้งหมด 2
สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 3:54 pm
โดย noooon010
VI Know How Seminar#1 (Material Download)
1 Feb 2015 @ KT-Zemico
Basic Health Care Knowledge
นพ.จตุพล สุวรรณพินิจ หมอนุ่น
https://www.dropbox.com/s/c59ombpi88lcb ... e.pdf?dl=0
Basic Steel Industry
คุณนัท
https://www.youtube.com/watch?v=9l7JqonyoKA
https://www.dropbox.com/s/mucapwzy6rn8h ... y.pdf?dl=0
Dollar
มนตรี นิพิฐวิทยา
https://www.dropbox.com/s/kumbb0oy5d1x5 ... r.pdf?dl=0
Insurance Company Operation @มีม
restricted material
Banking Industry
Somkiat Kraikriangsri
https://www.dropbox.com/s/zxy25z2zivsw8 ... 4.pdf?dl=0
14.50-15.00 พักเบรค
15.00-15.20 K.Bundit Ungrangsee and K.IH retweet น้องเอก ยกยอดไปคราวหน้า
15.20-16.00 Socialnomics คุณเบน ยกยอดไปคราวหน้า
16.00-17.00 4G น้องยู ยกยอดไปคราวหน้า
17:00-17:30 ยาง พี่โทนี่ ยกยอดไปคราวหน้า
#################
ขอเริ่มเลยนะครับ
Speaker คนแรกผมไม่ได้จดเลยครับ 555
Speaker ท่านที่ 2 สามารถชมจาก clip VDO และเอกสารตาม Link ครับ
################
VIP Speaker พี่มน
พี่มนสอนว่า
- ที่สอนมาทั้งหมด ไม่ได้บอกว่าให้หาข้อสรุป
...แต่สอนให้หาข้อมูลที่เป็นเหตุผล เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ
- เวลาคิดอะไรให้คิดถึงทางที่เป็นไปได้มากกว่า 2แบบ
เช่นไปสยาม ต้องนั่งรถไฟฟ้าเท่านั้นหรือ นั่งรถเมล' หรือขับรถมา หรือติดรถเพื่อนมาก็ได้
คำตอบที่ว่า ในอนาคต เงินดอลลาร์จะเป็นเช่นไรก็เช่นกัน
- บางทีเราต้องปรับตัว หุ้นที่อดีตมันเคยดีสุดกู่ ตอนนี้ถ้าไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ถ้ามันแย่แล้ว ก็ปล่อยมันไป
เพราะสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง "มันคือการเปลี่ยนแปลง"ครับ
อย่ายึดติดให้มากนัก
- ศึกษาประวัติศาสตร์บ้าง อีกอย่างให้ดูว่าใครเป็นคนเขียน
อย่างสงครามโลกที่เกิดขึ้น
ฝ่ายเยอรมันก็เขียนอีกแบบ
ฝ่ายอเมริกาก็เขียนอีกแบบ
ลองอ่านประวัติศาสตร์ที่ชาวบ้านเขียนบ้าง
....(ความเห็นส่วนตัว) ผมคิดว่าเหมือนกับเราอ่านสามก๊กครับ
มีทั้งสดุดีเล่าปี่ โจโฉ กวนอู ฯลฯ
อย่าไปบอกว่าคนนี้เขียนผิด 100% แต่ให้ดูว่าเค้าเอาเหตุอะไรมาอ้างอิง แล้วเราค่อยดูว่าน่าเชื่อไหม
โอกาสเป็นไปได้มันเยอะไหม
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:02 pm
โดย noooon010
ประมาณ 200ปีก่อน ขาใหญ่ของโลกคือ อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส ฮอลแลนด์(ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1)
พอปี 1919 ประเทศอังกฤษเริ่มปฏิวัติอุตสาหกรรม โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมากจากการพัฒนา technology ด้านต่างๆ ช่วงนั้นเริ่มมีการพบทองใน USA , Africa
พอเกิดสงครามโลก มีการหยุดใช้ Gold Standard(35$:1 ออนซ์) เป็นระยะๆ
เราเรียกอัตราส่วนนี้ว่า ทรอยอัล
พอจบสงคราม อังกฤษ ฝรั่งเศส แย่
มีการยกเลิก Gold standard และแต่ละประเทศใช้มาตรการการเงิน โดยการปรับดอกเบี้ย ขึ้น ลง โดยไม่ได้ ปรึกษากันมากนัก
คนที่ได้ประโยชน์จากสงครามโลกมากที่สุด คือประเทศที่ขายอาวุธ นั่นคือ USA
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:07 pm
โดย noooon010
ภูมิศาสตร์ของ USA นั้นได้เปรียบประเทศอื่นๆมาก ทั้งฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออก ติดมหาสมุทร สามารถเดินทางโดยเรือ ไปที่ยุโรปก็ได้ เอเชียก็ได้
(สมัยก่อน ใครเป็นเจ้าแห่งการเดินเรือ ผู้นั้นมีอำนาจมาก ลองศึกษาเรือรบอังกฤษ ตอนนั้น หรือวิธีการรบของ พระเจ้านโปเลียนดูนะครับ/ แอนโทนี่สอนมาครับ)
ทางทะเลจีนใต้ เป็นทางขนส่งสินค้าของ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันมีความสัมพันธ์ที่ดี กับ USA
ส่วนอีกประเทศที่ใช้เส้นทางนี้คือ จีน
ซึ่งมีปัญหากับ 2ประเทศด้านบนอยู่เป็นเนืองๆ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:15 pm
โดย noooon010
ตอนนั้น อังกฤษเสียหายทางเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ฝรั่งเศสก็พอๆกัน
ตรงนี้สำคัญ ตั้งใจอ่านนะครับ
####
เดิมเงิน ปอนด์ คนเชื่อถือกันมาก จึงมีการเลิกใช้ us$ มาอ้างอิงกับราคาทองคำ แล้วใช้เงิน ปอนด์แทน
ดังนั้นความต้องการเงินปอนด์จะมากขึ้น แต่อังกฤษไม่สามารถพิมพ์เงินอย่างไม่จำกัดได้ เพราะการพิมพ์เงิน ต้องใช้ทองคำ มาค้ำประกัน
เมื่อมีการพิมพ์เงินปอนด์ออกมามากๆ เงินเริ่มอ่อนค้า ประจวบกับเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี อังกฤษเริ่มขาดดุลการค้า
...แต่... คู้ค้าของอังกฤษไม่ยอมให้เงินปอนด์อ่อนค่าลง ดังนั้นประเทศคู่ค้าจึงทำการแทรกแซงเงินของประเทศตนเอง
เพื่อให้เงินของประเทศตนเองอ่อนค่าลง
ดังนั้นเงินปอนด์ก็ยังไม่อ่อนค่า
คนเริ่มตกงาน(มีคนตกงาน 20-30%)
เค้าเลยต้องพึ่งประเทศที่เศรษฐกิจดี มีกองทหารที่เข้มแข็ง และมีเงินสด
นั่นคือ USA
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:18 pm
โดย noooon010
มีการประชุมของประเทศมหาอำนาจเกิดขึ้น เกิดข้อตกลง Plaza Accord
ทางอังกฤษ ส่ง จอห์น เมนาร์ด เคนส์ (แอนโทนี่บอกว่า เค้า Very Genious...ผมเห็นด้วยมากๆครับ)
ทาง USA ส่ง เด็กเตอร์ ไวส์ ...ท่านนี้บอกว่าจะเอา $ มาเป็นมาตรฐาน
ซึ่งเข้ากับความต้องการของเคนส์
ดังนั้นเราจึงใช้ US$ เป็น Reserve Currency ครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:23 pm
โดย noooon010
USA ใช้ triangle trade ให้เงินช่วยเหลือ ยุโรป และญี่ปุ่น เพื่อให้2กลุ่มประเทศนี้มีเงินมาซื้อวัตถุดิบของตน
ข้อได้เปรียบของ ญี่ปุ่น และเยอรมันคือ ทั้ง2ประเทศนี้ไม่ต้องใช้งบประมาณด้านการทหาร (เพราะโดนบีบหลังแพ้สงคราม) ซึ่งงบด้านการทหาร เป็น สัดส่วนที่สูงถึง 50% ของGDP หลายๆประเทศ
อย่างไรก็ตามเมื่อ 2ประเทศนี้ มีเศรษฐกิจดีขึ้น ทั้ง 2ประเทศก็พยายาม devaluation ค่าเงินตนเอง เพื่อไม่ให้ค่าเงินของตนสูงขึ้น
ปรากฏว่า ทาง USA มาบีบ 2ประเทศนี้ ให้ทำให้ค่าเงินของตนแข็งค่า
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:28 pm
โดย noooon010
หากลองศึกษาประวัติศาสตร์สงครามโลก จะได้ประโยชน์มากๆ/แอนโทนี่(อาจารย์อีกท่านของผม)
#####
ญี่ปุ่นก่อสงครามโลก เพื่อจะไปเอา Resource (น้ำมัน, แก๊ส, เหล็ก) จากประเทศอื่นๆ
ดังนั้น 2ประเทศนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้ งบประมาณของประเทศตนเอง ขาดดุล ไม่ได้
(เยอรมัน มีสหภาพแรงงานที่แข็งมาก ขนาดสามารถปลดนายกได้)
ปัจจุบัน จีน ก็ขาดดุลไม่ได้เช่นกัน
เราจะเห็นว่า ROE ของบริษัทในจีนไม่สูง
แต่จีนต้องการให้มี GDP Growth เพื่อสะสม เงินทุน(Capital) ไว้ เพื่อใช้ในอนาคต
จีนจึงเอาแรงงานราคาถูก และที่ดินราคาถูกเข้ามาใช้
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:36 pm
โดย noooon010
พอเกิดการยกเลิก Gold Standard ราคาทองเกิดการดิ่งเหว จนต้องเกิดการประชุมเพื่อไม่ให้แต่ละประเทศมาแข่งกันเทขายทองคำ
ราคาทองจึงฟื้นขึ้นมา
ปี 1930-1939 ช่วง Great Depression เป็นช่วงที่ทุกคนมีเงิน แต่ความมั่นใจหด
คนไม่กล้าจับจ่ายซื้อของ
ของก็เลยขายไม่ได้
ตอนนั้นท่านเคนส์เลยใช้วิธี QE แต่ปริมาณเงินไม่มากเช่นปัจจุบัน
ซึ่งสามารถแก้ปัญหานี้ได้
ปัจจุบัน
-เงิน ดอลลาร์ใช้ในการค้าทั่วโลกกว่า 87%
(เต็ม 20@% เพราะซื้อขายกันไปมา ดูรายละเอียดในเอกสารพี่มนครับ)
-USA สร้างท่าเรือโดยใช้เงินไม่มาก ค่าก่อสร้างค่อนข้างถูก
USA เตรียม export น้ำมัน ...ดังนั้นซาอุ (ซึ่งมีการส่่งออกน้ำมันเป็นหัวใจหลัก) จึงไม่ยอมลดกำลังการผลิตน้ำมัน
- USA ขาดดุลน้อยลงเรื่อยๆ และดูเหมือน จะค่อยๆลดบทบาทเงิน $ ของตน
(สาเหตุจากข้อเขียนด้านบน)
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:39 pm
โดย noooon010
ตอนแรกๆที่ USA จะทำ QE >> Singapore ออกมาด่า
พอUSA จะลด QE >> Singapore ก็ออกมาต่อว่าเช่นกันว่า เศรษฐกิจเค้าเสียหาย
(ล่าสุด พี่ท่านเลยทำ QE เอง)
ดังนั้นจีนต้องเพิ่มบทบาทของเงินหยวนของตน
จะเห็นได้จากเดิม การค้าระหว่างประเทศของจีน เดิมใช้ เงิน $ 100%
ปัจจุบัน หยวน 2% $ 98%
และความสำคัญของเงินหยวนดูก้าวกระโดด
(ดูจากเอกสารพี่มนครับ)
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:48 pm
โดย noooon010
นี่เป็นเรื่องปกติ เพราะหากมีการยกเลิก US$ มาเป็น สกุลเงินกลางจริง โลกจะเกิดการช๊อค
เกิดเงินฝืด และประเทศที่มีการค้ากับทุกๆประเทศในโลกอย่างจีนก็จะแย่
ดังนั้นการกระทำของเค้าเป็นเรื่องปกติที่ควรทำ(ที่ญี่ปุ่นเคยพลาด ...ไม่ทำแบบจีน)
มีคนถามว่า จีนไปทำสัญญา กับอังกฤษ(เป็นเรื่องปกติที่สามารถเห็นได้)
...เราลืมไปแล้วหรือไรว่า เดิมฮ่องกงเป็นของอังกฤษถึง 99ปี
ปัจจุบันธุรกิจของอังกฤษที่ต้องติดต่อกับเอเชีย อยู่ในฮ่องกง
และอังกฤษต้องการให้ฮ่องกง เป็นศูนย์กลางการค้าของเอเชีย
ลองสังเกตว่า การประท้วงที่ฮ่องกง
ประเทศจีน ประนีประนอมสุดๆ ไม่เหมือนตอนเทียนอันเหมิน
เพราะจีนก็ใช้ฮ่อฝกงเป็นสถานที่สำคัญในการทำการค้าเช่นกัน
ในอีก 20ปีข้างหน้า บทบาทของเงินหยวน น่าจะพอๆกับ US $
แต่ US $ จะไม่หายไปเป็นกระดาษชำระ
เงิน € (ยูโร) ไม่ค่อยมีเสถียรภาพ แต่ละประเทศในนั้นก็เคยชิงดีชิงเด่นกันมาตลอด
(อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ไม่ถูกกัน)
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:51 pm
โดย noooon010
ว่างๆลองกดดู SHIBOR(Shanghi Interbank Offered Rate)
จริงๆเราจะพบว่า จีนก็ทำ QE เหมือนกัน แต่ไม่เป็นข่าวเท่า USA
มีคนกังวลเรื่องหนี้ของ USA จริงๆแล้วหนี้ของ USA ก็เหมือนญี่ปุ่น
เจ้าหนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นประชาชน และบริษัทในประเทศของเค้าเองที่ไปซื้อ bond มาจากรัฐบาล
ดังนั้น เวลาจะคืนเงิน รัฐบาลก็คืนเงินเป็นเงินดอลลาร์ หรือเยน ตามลำดับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:57 pm
โดย noooon010
ราคาน้ำมันลงมา
เราลองเปิดดูต้นทุนการผลิตน้ำมันของแต่ละประเทศครับ
เราจะพบว่า รัสเซียเลยแย่สุดๆ เพราะเค้าค้าขายด้านน้ำมัน และก๊าสธรรมชาติ
รัสเซียจะซื้ออาหาร จากยุโรป(ยุโรปซื้อก๊าสจากรัสเซีย)***
จีนเองก็ซื้ออาหาร โดยเฉพาะถั่วเหลือง จาก USA
USA ซื้อสินค้าอิเล็คโทรนิค จากจีนมากที่สุด
รัฐกันชนอย่าง Ukrain (Anthony เคยเป็นทหารอาสาช่วยชีวิตคนที่รัสเซีย อังกฤษ ยูเครน ตุรกี)
... เวลา Emperor Napolean จะบุกรัสเซีย เค้าจะเข้าไปทางยูเครน ดังนั้นรัสเซียต้องแสดงบทบาท และควบคุมประเทศนี้
(พอๆกับบริเวณด่านเจดีย์สามองค์)...ลองอ้านประวัติศาสตร์ดูครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 4:59 pm
โดย noooon010
ยูเครนมี 2พวก พวกนึง เข้ากับรัสเซีย อีกพวกไม่เอารัสเซีย
ดังนั้นถ้ารัสเซียจะเข้ามาคุม เค้าต้องทำการแทรกแซงประเทศนี้ ไม่งั้นเกิดการแบ่งประเทศ ภูมิศาสตร์ของรัสเซียจะเป็นอันตรายครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 5:02 pm
โดย noooon010
ย้อนกลับไป หลัง สงครามโลกครั้งที่ 1
อังกฤษไปทวงเงินฝรั่งเศส
ไปทวงเงินเยอรมันด้วย อ้างว่า ต้องเสียค่าปฏิกรสงคราม
USA กลายเป็นประเทศพ่อพระ เพราะให้เงินแก่ประเทศที่มีปัญหา ฟรีๆ
ดังนั้น คนให้เงิน เสียงจะดังกว่าลูกหนี้ ...จริงไหมครับ
พี่มนแนะนำให้อ่านหนังสือ ระบบการค้า และการเงินระหว่างประเทศครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 5:03 pm
โดย noooon010
แนะนำให้ศึกษา REER(Real Effective Exchange Rate) เพิ่มเติมครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 5:13 pm
โดย noooon010
ขอสรุปเท่านี้ก่อนนะครับผม ขอตัวไปทำงานบ้านก่อนครับ
อ่านแล้วอย่าลืมอ่านข้อคิดด้านบนสุดที่พี่มนสอนนะครับ
มีสติ มีความสุข และสนุกกับการลงทุนครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 5:21 pm
โดย noooon010
รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ผมนำไปบริจาคให้ รพ.ดอนพุด จ.สระบุรี เป็นจำนวนเงิน 116,874 บาท นะครับ
ขอบคุณวิทยากรทุกๆท่าน ขอบคุณ เจ้าของสถานที่ และท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านครับ
หากผมสรุปผิดพลาด หรือตกหล่น จัดงานสัมนาแล้วมีการผิดพลาดประการใด ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 5:30 pm
โดย kissme
สุดยอดครับ อ่านแค่นิดเดียวก็มันมาก
ขออนุญาติปักหมุดไว้อ่านให้จบ ขอบคุณมากครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 7:33 pm
โดย ลูกหิน
ขอบคุณหมอนุ่นมากๆนะครับ มีประโยชน์ได้รับรู้อีกมุมมองที่ตกผลึกมาแล้วอย่างดี
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 8:32 pm
โดย noooon010
เอกสารของน้องมีมติดลิขสิทธิ ผมเยขออนุญาติสรุปมาให้อ่านกันตามความเข้าใจของผมนะครับ
#####
การทำประกัน มีมาตั้งแต่สมัย 2,000ปีก่อน ตอนที่มีเรือล่มกันบ่อยๆ จึงมีการเอาเงินลงขันกันเพื่อจัดสรรค์เงิน ไปช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยเรือล่มครับ
ลองหาอ่านหนังสือของ George E.Rejda นะครับ
1.Rate Making คือการคิดเบี้ยประกันครับ
ตัวเบี้ยประกันเราเรียกว่า Premium ครับ
การประกัน ถ้าเราคิดเบี้ยถูกต้อง เหมาะสมกับความเสี่ยง บริษัทประกันจะไม่ขาดทุน
ดังนั้น บริษัทประกันต้องใช้นักคณิตศาสตร์เก่งๆมาคิดตรงจุดนี้ครับ นอกจากการใช้ ประวัติของลูกค้า เราอาจต้องใช้ ประวัติของบริษัท และบริษัทอื่น และประวัติของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง มาประกอบในการคำนวณเบี้ย
โดยส่วนใหญ่ Loss Expense ของบริษัทประกันที่ดี ควรจะดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโดยรวมครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 8:39 pm
โดย noooon010
2. การ Underwriting คือการพิจารณารับประกัน
ตรงนี้ต้องการคนที่เก่งมากๆ ให้ดูตรงนี้เลยว่า บ.นั้นจะเก่งไม่เก่ง ขึ้นกับตรงนี้
ปรักันภัยจะมี 4 ประเภทคือ
ประกันอัคคีภัย ประกัน Marine (ตัวเรือ / cargo) ประกันรถยนต์ แบบบังคับ และสมัครใจ
สุดท้ายคือ ประกันอื่นๆ คือส่วนที่ไม่ใช่3ประเภทแรกครับ
ยกตัวอย่างกรณี CTW เราอาจประเมินได้ว่า CTW มีมูลค่า 6หมื่นล้านบาท
ดังนั้นบริษัทเดียวที่จะมารับประกัน ...ไม่น่าเพียงพอ เราอาจต้องทำเป็น ซินดีเคท คือมีบริษัทมารับประกันหลายเจ้าครับ
ศัพท์ที่เกี่ยวข้อง
เบี้ยประกัน = จำนวนเงินที่ผู้ทำประกันเป็นผู้จ่าย
ทุนประกัน = มูลค่าสูงสุด ที่ผู้ทำประกันจะได้รับ
การ underwriting จะทำกันทุกวันครับ
กรณีไฟไหม้ จะเกิดขึ้นยากที่สุด
ช่วงน้ำท่วม มีบริษัทประกัน หรือประกันภัยต่อ ปฏิเสธจ่ายค่าสินไหมทดแทน(ผมเรียกถูกไหมเอ่ย)
เพราะ บ.หลายแห่งแจ้งว่า มันผิดเงื่อนไขกับที่ทำประกันไว้
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 8:42 pm
โดย noooon010
ถ้าบริษัทประกันคิดว่า ค่าประกันแบบ Standard ใช้ไม่ได้
เค้าก็จะเพิ่มส่วนของ Restriction หรือ Modification ครับ
หากบริษัทประกันรับทำประกันให้บริษัทใหญ่ๆที่มีชื่อเสียง ก็ถือเป็นหน้าเป็นตาให้บริษัทประกันด้วยครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 8:46 pm
โดย noooon010
ประกันชีวิต
จะมีแบบสะสมทรัพย์ (Saving) เรามักเห็นในธุรกิจ bank assurance (เช่น SCBLIF, BLA, เมืองไทยประกันชีวิต, พรูเดนเชียล(ผ่าน TCAP))
แบบนี้เบี้ยประกัน จะใกล้เคียงกับทุนประกันครับ
แบบนี้จะไม่ค่อยได้ไปตรวจโรค เพราะในสัญญาการทำประกัน จะไม่ครอบคลุม หากเกิดโรคต่างๆ
กับ ประกันชีวิตจริงๆ แบบนี้เบี้ย กับทุนประกันจะต่างกันมาก เช่น จ่าย1หมื่น ได้ทุนประกัน 2แสน
ซึ่งแบบนี้ เป็นแบบที่ ผู้ทำประกันต้องการครับ
และผู้ทำประกันมีแนวโน้มต้องไปตรวจกับแพทย์ที่ บริษัทประกันแต่งตั้งครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 8:50 pm
โดย noooon010
3.Claim Settlement
จะมีการดูทุนประกันว่า ครอบคลุม สิ่งที่จะเสียหาย(=risk) ไหม
ศัพท์
Inception Date คือวันที่เกิดเหตุ
Claim Date คือวันที่เกิดการเคลม และมีการแจ้งให้บริษัทประกันรับทราบ
ซึ่งตรงนี้จะเห็นว่ามี Gap เกิดขึ้น
บริษัทที่เก่ง จะมีการตั้ง Incur but Not Yet Report (ค่าใช้จ่ายที่คลาดเคลื่อนระหว่าง 2วันนีข้างต้น)
ตรงนี้ไว้ดูบริษัทที่เก่ง กับธรรมดาได้ครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 9:58 pm
โดย noooon010
บริษัทประกันส่วนใหญ่จะตั้งค่าตรงส่วนนี้ต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งเป็นความเสี่ยงของบริษัทประกันครับ
Claim adjuster จะเป็นคนดูว่าสิ่งที่เสียหายที่เค้าแจ้งเคลมนั้น ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเปล่า
คนที่เป็น Claim Adjuster มักเป็นคนในบริษัท
แต่ Surveyor มักเป็นคนนอก
Re-insurance - Primary Insurer (Ceding Company) จะโอนความเสี่ยงให้บริษัทประกันอื่นๆ
- ค่า Retention Limit : The Amount of insurance retained by the ceding company
- The amount of insurance cede to the reinsurer is known as a cession(มักเรียกว่า เบี้ยรับ Seed)
ทุกครั้งที่มีการจ่ายเบี้ย จะมีคนมารับ commission เสมอ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 10:01 pm
โดย noooon010
เวลาที่บริษัทประกันรับเงินประกัน บริษัทประกันจะนำเงินส่วนนี้ไปไว้ในส่วนเบี้ยประกันที่รับมา(เป็นหนี้ชนิดหนึ่ง)
ดังนั้นเวลาที่เราอ่านงบของบริษัทประกัน เราจึงเห็นว่าบริษัทจะมีหนี้สูง
ซึ่งจริงๆไม่ใช่หนี้ที่แท้จริง(ผมเองเคยเขลาอยู่นานครับ
)
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 10:08 pm
โดย noooon010
Reinsurance จะมี 2ส่วน คือ
1. Facultative Reinsurance : เป็น optional ที่ทำเป็น case by case (สำหรับเคสที่ไม่ใช่ Standard Case)
2. Treaty Reinsurance : Cede จะบอกอยู่แล้วว่า ถ้าเกิดมีการเคลม จะมีบริษัทไหนมารับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมเป็น % เท่าไหร่
ซึ่งตรงนี้ บริษัทประกันจะพิจารณาส่วนนี้ปีละ 1ครั้ง
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 10:13 pm
โดย noooon010
ค่า Ex O L (Excess of loss treaty) = จะใช้ตอน claim มากกว่ากรณีปกติ
ลองอ่านเพิ่มจากลิงค์นี้ดูนะครับ
http://en.m.wikipedia.org/wiki/Reinsurance
ซึ่ง การซื้อ EX O L นี้ จะทำให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทประกันเพิ่มขึ้น
แต่จะลดความเสี่ยงในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันลงครับ
ซึ่งต้องอาศัยคนมีความเชี่ยวชาญมาตัดสินใจครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 10:20 pm
โดย noooon010
ส่วนสุดท้ายคือ Investment ครับ
บริษัทประกันจะนำส่วน Premium มาลงทุนให้เข้ากับธุรกิจของตนเอง
เช่นถ้าเป็นบริษัทประกันภัย
แน่นอนว่าต้องมีการเคลมทุกปี
ดังนั้นก็ไม่ควรนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนกับ Bond ระยะยาว เช่น 10 year bond ครับ
(ช่วงน้ำท่วม มีงริษัทที่ทำแบบนี้ จึงเกิดความเสียหายต่อบริษัทครับ)
ผมขอจบการสรุปเท่านี้นะครับ
ช่วงของพี่หว่า สมเกียรติ รบกวนอ่านจากสไลด์ประกอบการบรรยายนะครับ
ขอบคุณมากๆที่ติดตามอ่านครับ
Re: สรุปงานสัมนา VI Know How Meeting 1กพ.58 ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 02, 2015 10:24 pm
โดย noooon010
เงินรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมบริจาคให้ รพ.ดอนพุด จ.สระบุรี เพื่อใช้ดูแลผู้ป่วยนะครับ
บุญรักษาครับทุกๆท่าน