หน้า 1 จากทั้งหมด 1

สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 02, 2014 8:49 pm
โดย Thai VI Article

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ตลาดหุ้นไทยตอนนี้กำลังร้อนแรงดัชนีเพิ่มสูงขึ้นถึง 1600 จุดในเดือนพฤศจิกายน 2557 นับจากต้นปีดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 300 จุดหรือเกือบ 30 เปอร์เซนต์ ช่วงนี้คนที่ไม่เคยเล่นหุ้นมาก่อนเริ่มสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นเพราะเห็นคนที่อยู่ในตลาดหุ้นได้กำไรเยอะและหลายคนร่ำรวยจากหุ้น หลายคนเริ่มสอบถามที่จะเปิดพอร์ต หนังสือหุ้นเริ่มกลับมาขายดีอีกครั้งหลังจากที่เงียบหายไปในช่วงมีการประท้วงในประเทศไทย ตอนนี้มองไปทางไหนมีแต่คนเล่นหุ้นกันจำนวนมาก ทั้งพนักงานออฟฟิศหรือแม้แต่แม่บ้านรวมถึงคนทำงานทุกอาชีพ

    มีเพื่อนคนหนึ่งหลังจากที่ได้รู้ว่าผู้เขียนลงทุนในตลาดหุ้นจึงสอบถามมาว่าจะเล่นหุ้นทำอย่างไร เปิดพอร์ตที่ไหนดี จึงแนะนำให้ไปเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ที่รู้จัก ปรากฏว่าเพื่อนคนนั้นชักชวนเพื่อนที่ไม่เคยเล่นหุ้นมาก่อนมาเปิดพอร์ตกันนับสิบคน หลังจากนั้นผู้เขียนจึงแนะนำให้ไปหาหนังสือเกี่ยวกับหุ้นมาลองศึกษาดู

    เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เจอแฟนคลับท่านหนึ่งเข้ามาทักทายโดยที่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่ได้เห็นจากที่ผู้เขียนออกรายการทีวีและอ่านหนังสือจึงจำได้ ได้คุยกันเล็กน้อยได้ความว่ามีอาชีพเป็นแม่บ้านรับส่งลูกเรียนหนังสือ ลงทุนมาได้ปีสองปี ตอนนี้ซื้อหุ้นบริษัทเดียวเต็มพอร์ตเลย แต่ไม่แน่ใจว่าบริษัทจะดีจริงอย่างที่คิดหรือไม่เลยอยากได้คำแนะนำ

    ล่าสุดมีเจ้าของกิจการเอสเอ็มอีท่านหนึ่งเข้ามาทักทายและสอบถามว่าจะเริ่มต้นเล่นหุ้นอย่างไร ตอนนี้กิจการค้าขายไม่ค่อยดี จากที่เคยได้กำไรเดือนละหลายแสน ตอนนี้กลับต้องมาควักเนื้อขาดทุน กะเลิกกิจการให้คนเช่าแล้วหันมาเล่นหุ้น เพราะดูเหมือนได้กำไรง่ายดี มีคนได้เงินเยอะจากตลาดหุ้นเลยอยากจะรวยกับเขาบ้าง จึงถามว่าอยากเก็งกำไรหรืออยากลงทุน เขาบอกว่าอยากเก็งกำไรมากกว่าเพราะได้เงินเร็วดี นอกเหนือจากนั้นผู้เขียนติดต่อช่างเพื่อมาซ่อมเครื่องปรับอากาศที่บ้านปรากฏว่าช่างเห็นหน้าปกหนังสือที่เขียน เลยถามว่าจะรวยด้วยหุ้นได้อย่างไร ทำได้จริงไหม ตอนนี้อยากมาลงทุนในหุ้นแล้วเพราะน่าจะรวยเร็วกว่าทำงาน

    สถานการณ์เช่นนี้ทำให้นึกถึงเมื่อปี 2556 ในช่วงที่ทองคำกำลังเป็นสิ่งที่ร้อนแรงและฟู่ฟ่ามากๆเพราะก่อนหน้านั้นทองคำมีราคาเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน คนที่ลงทุนทองได้กำไรกันถ้วนหน้า เวลาราคาทองลดลงจะเห็นคนเข้าไปในร้านทองกันเนืองแน่นเพื่อไปซื้อทองจนมีข่าวต้องแจกบัตรคิวเพื่อให้คนเข้าไปซื้อทอง หลังจากราคาลดลงเล็กน้อยทองคำก็มีราคาขึ้นไปได้อีก จนทำสถิติสูงถึงกว่า 25,000 บาทต่อน้ำหนักหนึ่งบาท ทุกคนพูดถึงแต่เรื่องทองไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ พ่อค้าแม่ค้าหรือแม้แต่นักวิเคราะห์ที่ออกรายการทีวียังพูดถึงทองคำว่าเป็นสิ่งที่น่าลงทุน ช่วงนั้นทุกคนคิดว่าราคาทองคำมีแต่จะขึ้นเพราะเป็นของที่หายากและความต้องการจากจีนและอินเดียที่มากขึ้นจะช่วยผลักดันให้ราคาทองมีราคาสูงขึ้นไปอีก แม้แต่หนังสือพิมพ์ยังสัมภาษณ์แม่ค้าขายหมูทอดที่หันมาลงทุนในทองคำจนได้กำไรมหาศาลกลายเป็นกูรูทองคำในชั่วข้ามคืน เพื่อนผู้เขียนหันไปซื้อทองคำแท่งเก็บเข้าตู้นิรภัยทั้งที่บ้านและที่ธนาคารจำนวนมาก บางคนซื้อทองคำเป็นร้อยๆบาท เวลาผ่านไปไม่ถึงสองปีดี ราคาทองตอนนี้ลดลงเกือบ 30 เปอร์เซนต์ ล่าสุดเหลือเพียงบาทละ 18,000 บาท คนที่ซื้อทองไว้ในช่วงสูงสุดถือว่าขาดทุนแล้วอย่างมาก แต่ก็คิดในใจว่าซื้อถือไว้ระยะยาว อย่างไรเสียราคาทองคงเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครทราบคือราคาทองจะกลับมาที่ราคาสูงสุดใหม่เมื่อไหร่ เพราะวัฎจักรของทองคำนั้นมีรอบระยะเวลาเป็นสิบปีเลยทีเดียว

    จะเห็นว่าการที่ผู้คนรอบข้างหันมาสนใจในตลาดหุ้นอย่างมากในช่วงนี้นั้นถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับนักลงทุนระยะยาว เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับการลงทุนในทองคำเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ใครลงทุนไว้ก็ได้กำไรอย่างง่ายๆทำให้คนที่ไม่เคยสนใจในการลงทุนนั้นเริ่มมีความโลภอยากได้กำไรเหมือนคนอื่นบ้าง ตลาดหุ้นในช่วงนี้ก็เช่นเดียวกัน ในช่วงที่ทุกคนทำเงินง่ายๆจากตลาดหุ้นนั้นเป็นช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดเหมือนดังคำพูดของวอร์เรน บัฟเฟตที่ว่า”จงโลภเมื่อคนอื่นกลัว และจงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ”
[/size]

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 02, 2014 9:03 pm
โดย Nevercry.boy
หลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ หนที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผม

"ขาย" ปั๊ป หุ้นวิ่งขึ้น "ซื้อ" ปั๊ป หุ้นลงปุ๊ป เอมันเป็นเพราะอะไร อะไรทำให้มันเป็นเช่นนั้น คนอื่นหรือ? คนที่เค้ากำลังกลัวอยู่หรือ? หรือใครกัน ผมครุ่นคิดมาตลอดการเป็นนักลงทุน

จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว ประโยคนี้ยังเป็นอมตะจริงหรือ หรือเป็นเพียงคำพูดเทห์ ๆ เราเข้าใจมันถ่องแท้หล่ะหรือ

ผมพบว่าจริง ๆ แล้วไม่ใช่ครับ คนที่สร้างความเสียหายให้พอร์ตแท้จริงแล้วไม่ใช่ "คนอื่น" มันคือตัวเราเอง "ตัวกู" นี่หล่ะ ที่โลภ ที่กลัว มันลงไปตรงนั้น มันลงไปที่ "ตัวกู" ถ้า บอกว่า จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว มันคือ "คนอื่น" แต่ "ตัวกู" กลับไม่ได้รับการแก้ไขทั้งที่ ความกลัวและความโลภ มันกระหน่ำออกมาจาก "ตัวกู" ทั้งนั้น

นักลงทุนทั้งหลายครับ

จงกลัวเมื่อตัวเรารู้สึกโลภ และจงโลภเมื่อตัวเรารู้สึกกลัว

เป็นนักลงทุนที่รู้เท่าทันตัวเองจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวครั

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 02, 2014 9:41 pm
โดย ดำ
ผมเห็นด้วยครับ จับผิดตัวเอง อย่ามัวจับผิดคนอื่น

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 02, 2014 10:21 pm
โดย worrapong.n
ขอบคุณบทความดีๆจาก พี่วิบูลย์ พึงประเสริฐ
ขอบคุณความเห็นดีๆจาก พี่Nevercry.boy

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 02, 2014 11:10 pm
โดย 6666666v
Nevercry.boy เขียน:หลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ หนที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผม

"ขาย" ปั๊ป หุ้นวิ่งขึ้น "ซื้อ" ปั๊ป หุ้นลงปุ๊ป เอมันเป็นเพราะอะไร อะไรทำให้มันเป็นเช่นนั้น คนอื่นหรือ? คนที่เค้ากำลังกลัวอยู่หรือ? หรือใครกัน ผมครุ่นคิดมาตลอดการเป็นนักลงทุน

จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว ประโยคนี้ยังเป็นอมตะจริงหรือ หรือเป็นเพียงคำพูดเทห์ ๆ เราเข้าใจมันถ่องแท้หล่ะหรือ

ผมพบว่าจริง ๆ แล้วไม่ใช่ครับ คนที่สร้างความเสียหายให้พอร์ตแท้จริงแล้วไม่ใช่ "คนอื่น" มันคือตัวเราเอง "ตัวกู" นี่หล่ะ ที่โลภ ที่กลัว มันลงไปตรงนั้น มันลงไปที่ "ตัวกู" ถ้า บอกว่า จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว มันคือ "คนอื่น" แต่ "ตัวกู" กลับไม่ได้รับการแก้ไขทั้งที่ ความกลัวและความโลภ มันกระหน่ำออกมาจาก "ตัวกู" ทั้งนั้น

นักลงทุนทั้งหลายครับ

จงกลัวเมื่อตัวเรารู้สึกโลภ และจงโลภเมื่อตัวเรารู้สึกกลัว

เป็นนักลงทุนที่รู้เท่าทันตัวเองจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวครั
แต่ช่วงนี้ผมรู้สึกกลัวๆยังไงไม่รู้ครับและผมเชื่อว่าหลายคนก็คิดเหมือนผม และช่วงนี้ผมก็ถือเงินสดมากเป็นพิเศษ แสดงว่าผมต้องโลภแล้วใช่ไหมครับ?

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 03, 2014 6:17 am
โดย newbie_12
8 ปีที่ลงทุนมา แทบไม่มีช่วงไหนที่ไม่กู้ margin มีแต่ช่วงนี้ที่ผมเหลือเงินสด รู้สึกกลัวแบบแปลกๆ สงสัยต้องโลภบ้างแล้วหล่ะ

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 03, 2014 6:54 am
โดย imerlot
ก่อนอื่น
ขอบคุณ k.วิบูลย์
สำหรับ บทความ
....





:arrow:
link
เก่าไปหน่อย 7/01/2014
และเป็น ตลาด us
แต่มีหลาย chart ใน23chartที่น่าสนใจ
http://www.forbes.com/sites/jessecolomb ... g-crash/2/
These 23 Charts Prove That Stocks Are Heading For A Devastating Crash

ก) chart#5 "margin debt at month end"
ของ us อยู่ยอดที่ระดับเดียวกับปี 1999 กับ ปี 2007 ก่อน crash
ซึ่งของไทย ได้ยินว่า 6หมื่นล้าน record high เหมือนกัน
(เสียดายบ้านเราไม่มี หรือหาไม่เจอ chart ให้ดู)

ข) chart#6 "Shiller P/E Ratio" ของตลาด
ค่าเฉลี่ย 15.97 ปี2014/7 อยู่ที 25.2
ปัจจุบัน อยู่ที่
http://www.gurufocus.com/shiller-PE.php
Date: Tue, 02 Dec 2014 16:55:37 -0600 (Updated every 10 minutes)
Shiller P/E: 26.8
ของบ้านเรา ใช้ P/E ธรรมดาเทียบ(TTM)
P/E (times)*
18.94 Last Update 02 Dec 2014 23:00:03
ค) chart#7 "The total market capitalization to GDP"
ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 60% ปัจจุบัน 120%
http://www.gurufocus.com/stock-market-valuations.php
As of 2014-12-01 (updates daily):
The Stock Market is Significantly Overvalued. Based on historical ratio of total market cap over GDP (currently at 126.5%)
ของบ้านเรา
marketCap at 28nov2014= 14,678

14,678/12,979=MarketCap(current)/GDP(forward-y58-rev.nov17/57) =113.09
ส่วน
14,678/12,268=MarketCap(current)/GDP(current57-rev.nov17/57) =119.64
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=120

ง) chart#10 "ultra-low dividend yield"
ค่าเฉลี่ย dividend yield ตลาด us อยู่ที่ 4.35%
2014/7 อยู่ที่ 1.92%
(another source)
http://www.multpl.com/s-p-500-dividend-yield/
1.86%
.....
บ้านเรา set yield ค่าเฉลี่ย10y ประมาณ 3.76
nov2014=2.78 ตอนfeb2013ก่อนตลาด1600ครั้งแรก=2.58
Market Yield (%)
2.78 Last Update 02 Dec 2014 23:00:03
http://www.set.or.th/static/mktstat/Table_Yield.xls?003
รูปภาพ

...............
:?:
หรือ
อาจจะไม่ crash แต่ mkt correction
น่าจะ coming soon

...

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 03, 2014 9:20 am
โดย rattypor
Nevercry.boy เขียน:หลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ หนที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผม

"ขาย" ปั๊ป หุ้นวิ่งขึ้น "ซื้อ" ปั๊ป หุ้นลงปุ๊ป เอมันเป็นเพราะอะไร อะไรทำให้มันเป็นเช่นนั้น คนอื่นหรือ? คนที่เค้ากำลังกลัวอยู่หรือ? หรือใครกัน ผมครุ่นคิดมาตลอดการเป็นนักลงทุน

จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว ประโยคนี้ยังเป็นอมตะจริงหรือ หรือเป็นเพียงคำพูดเทห์ ๆ เราเข้าใจมันถ่องแท้หล่ะหรือ

ผมพบว่าจริง ๆ แล้วไม่ใช่ครับ คนที่สร้างความเสียหายให้พอร์ตแท้จริงแล้วไม่ใช่ "คนอื่น" มันคือตัวเราเอง "ตัวกู" นี่หล่ะ ที่โลภ ที่กลัว มันลงไปตรงนั้น มันลงไปที่ "ตัวกู" ถ้า บอกว่า จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว มันคือ "คนอื่น" แต่ "ตัวกู" กลับไม่ได้รับการแก้ไขทั้งที่ ความกลัวและความโลภ มันกระหน่ำออกมาจาก "ตัวกู" ทั้งนั้น

นักลงทุนทั้งหลายครับ

จงกลัวเมื่อตัวเรารู้สึกโลภ และจงโลภเมื่อตัวเรารู้สึกกลัว

เป็นนักลงทุนที่รู้เท่าทันตัวเองจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวครั
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับว่า ควร Focus ที่ "ตัวเรา"
(ขอพี่ใส่เป็นสีอื่นนอกจากสีแดงได้ไหมครับ ผมตาพร่าไป5นาทีเลยหลังดูความเห็นพี่)

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 03, 2014 10:01 am
โดย ลูกหิน
ขอบคุณมากครับ

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 03, 2014 10:51 am
โดย sert
ขอบคุณครับ

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 03, 2014 11:18 am
โดย yoko
ผมมองว่าการที่คนจำนวนมากหันมาเก็งกำไรในหุ้นเป็นสัญญาณดีมากๆ
ผมเชื่อว่าคนจำนวนหนึ่งจะรู้ว่าออมในหุ้นดีกว่าออมในแบ็งก์555

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 03, 2014 1:37 pm
โดย Tibular
กลัวได้แล้วล่ะครับ

ยกระดับมาร์เก็ตแคปปี 63 แตะ 30 ล้านลบ.
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ในปี 57 คาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market cap) จะอยู่ที่ 15 ล้านล้านบาท
มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.4 หมื่นล้านบาท และปริมาณการซื้อขายต่อวันจะอยู่ที่ 1.4 แสนสัญญา
ขณะที่ ตลท.ตั้งเป้าหมายในปี 63 จะมี Market cap เพิ่มเป็น 30 ล้านล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท
และปริมาณการซื้อขายต่อวันที่ 4.5 แสนสัญญา http://www.thairath.co.th/content/466924

สัดส่วนมาร์เก็ตแคปต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ในปีปัจจุบันอยู่ที่ราว 120%
และคาดว่าในปี 2563 จะเพิ่มข้นไปสู้ที่ระดับ 150% ได้ และมีวอลุ่มเทรด 1 แสนล้านบาท/วัน จากปีนี้ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท/วัน


As pointed by Warren Buffett, the percentage of total market cap (TMC) relative to the US GNP is
“probably the best single measure of where valuations stand at any given moment.”

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 07, 2014 10:38 am
โดย pavilion
กลัวจัง :pig:

Re: สัญญาณอันตราย/วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 07, 2014 5:33 pm
โดย NEWYORKER
Tibular เขียน:กลัวได้แล้วล่ะครับ

ยกระดับมาร์เก็ตแคปปี 63 แตะ 30 ล้านลบ.
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ในปี 57 คาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market cap) จะอยู่ที่ 15 ล้านล้านบาท
มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.4 หมื่นล้านบาท และปริมาณการซื้อขายต่อวันจะอยู่ที่ 1.4 แสนสัญญา
ขณะที่ ตลท.ตั้งเป้าหมายในปี 63 จะมี Market cap เพิ่มเป็น 30 ล้านล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท
และปริมาณการซื้อขายต่อวันที่ 4.5 แสนสัญญา http://www.thairath.co.th/content/466924

สัดส่วนมาร์เก็ตแคปต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ในปีปัจจุบันอยู่ที่ราว 120%
และคาดว่าในปี 2563 จะเพิ่มข้นไปสู้ที่ระดับ 150% ได้ และมีวอลุ่มเทรด 1 แสนล้านบาท/วัน จากปีนี้ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท/วัน


As pointed by Warren Buffett, the percentage of total market cap (TMC) relative to the US GNP is
“probably the best single measure of where valuations stand at any given moment.”
MKCAP > GDP มาหลายเดือนแล้วครับ. ก็เฝ้าดูกันไป แต่สังเกตุหลายๆครั้ง
พอตลาดพีคๆ ตลท.มักตั้งเป้าให้เทรดเป็นแสนล้านเป็นประจำ
หยังกะ ดูหนัง Edge of Tomorrow ยังไง ยังงั้นละครับ.


รัดเข็มขัดแน่นๆ ก็ช่วยชีวิตได้แล้วครับ