Thai VI

ขอความเห็นพื่ฯกับเศรษฐกิจไทยต่อจากนี้ไปจนถึง4-5ปีข้างหน้าจะเจริญร่งเรืองมากหรือจะดี่งลงเหวสุดฯแบบอาร๊เจนติน่า เพื่อเป๊นข้อมูลในการวางแผนการลงทุนต่อไป (ผมไม่ค่อยร้เรื่องเศรษฐกิจ ร้แต่แถวบ้านผมมีการเบี้ยวหนี้กองทุนหม่บ้าน บ่นเรื่องข้าวของ นำมันแพงขึ้นมาก) ขอบคุณครับ

ผมขอเป็ตคิวสุดท้ายครับ ขอฟังความคิดเห็นของทุกท่านก่อนครับ
คิดเหมือนกันไหมเอ่ย

ถ้าถามถึงในระยะเวลานานขนาด 4 ปี ถึง 5 ปีข้างหน้า ผมว่าคงจะคาดการณ์อะไรไม่ได้ถูกต้องแน่นอนครับ เพราะโลกปัจจุบันมีปัจจัยแวดล้อมเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ไม่เชื่อลองหาบทวิเคราะห์ช่วงปลายปีมาอ่านดูซิครับ แล้วดูถึงสภาพปัจจุบันนี้ นี้แค่ไม่ถึงปีนะครับ ถ้ามีใครวิเคราะห์ยาวขนาดนั้นผมว่าอ่านสนุกๆนะได้ แต่อย่าไม่เชื่อมากเลยครับ ผมไม่เคยเห็นใครวิเคราะห์ได้แม่นขนาดนั้นเลย

โลกปัจจุบัน เราไม่ควรจะประมาทตลอดเวลาครับ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ การลงทุนก็ควรลงทุนในแนว VI ตลอดเวลาครับ ลงทุนในราคาที่ต่ำมากๆแล้วคุณจะสบายใจและได้รับผลตอบแทนที่ดี

ที่บ้านขายวัสดุก่อสร้างอยู่ โดยส่วนตัวกังวล เรื่องราคาน้ำมัน ความเข้มงวด
เรื่องการปล่อยสินเชื่อ แต่ถ้าราคาสินค้าภาคการเกษตร เช่นข้าว อ้อย มีราคา
ที่ดีหมายถึง หักรายจ่ายแล้วพอจะเหลือ ใช้จ่าย ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านได้ ผม
ก็คิดว่าเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาคคงจะยังพอไปได้ดีอยู่ เพราะผมคิดว่าภาคการ
เกษตร ยังเป็นภาคที่ช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจได้ในภาวะอย่างนี้

คุณ guest ขายวัสุดก่อสร้างเหมือนผมเลย แล้วตอนนี้ราคาเหล็กก็ขึ้นพรวดๆ ราคาสังกะสี สินค้าเกี่ยวกับเหล็ก และ ทินเนอร์ ขึ้นยกแผงเลย ทำไมรัฐบาลนี้ ของถึงแพงแบบนี้หว่า

แล้วเหล็กขึ้นแบบนี้ กำไร ssi ms ฯลฯ เหล็กๆ ทั้งหลายจะดีมั้ยน้อ

ปล.คุณ guest อยู่จังหวัดไหนครับ เป็นเอเย่นต์ซีเมนต์ไทยป่าวครับ ผมอยู่เชียงราย

บ้านอยู่ จ.สิงห์บุรีครับ ไม่ได้เป็นเอเย่นต์ซิเมนต์ไทย แต่เป็นเจ้าของครับคือ
มีหุ้นปูนหย่ายอยู่นิดหน่อยครับ วันนี้เจอเซลขายสังกะสี เขาแจ้งว่า สังกะสีมุง
หลังคาบ้านราคาปรับขึ้นสิ้นเดือนนี้แน่นอน ขึ้นเยอะด้วย เห็นราคาเหล็ก
สังกะสีขึ้นอย่างนี้แล้ว เอเย่นต์ใหญๆน่าเก็บไว้เนอะ แต่ที่บ้านเป็นร้านเล็กๆ
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็น เกษตรกร ผู้รับเหมางานหลวงไม่ยุ่ง กลัวเจ็บตัว
แล้วร้านของพี่เป็นเอเย่นต์ซิเมนต์ไทยหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นลองวิเคราะห์
สภาพตลาดวัสดุก่อสร้างครึ่งปีหลังให้ฟังหน่อยนะครับ และก็แถวเชียงรายมี
ปูนนกเขียวขายหรือยังครับ ปูนตัวนี้เดินดีมั้ยครับ

ผมมองไม่ออกเลยครับ 5 ปีแน่ะ เดายาก
แต่ในความเห็นของผม ผมมองแง่ร้ายในช่วงเวลาต่อจากนี้ครับ

พี่ปรัชญาผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ อยากฟังจากพี่มากที่สุดครับ

ผมไม่ได้เป็นเอเย่นต์ซีเมนต์ไทย เป็นร้านเล็กๆเหมือนกันครับ แถมไม่ได้มีหุ้นในปูนใหญ่ซักแอะ แต่มีเพื่อนเป็นเอเย่นต์ซีเมนต์ไทยครับ

ถ้าพูดถึงส่วนเฉพาะที่เกี่ยวกับ ร้านวัสดุก่อสร้างตามความรู้งูๆ ปลาๆ ของผมนะครับ
1. SCC เร่งกระตุ้นให้เอเย่นต์เปลี่ยนเป็น Homemart Max และ Homemart Builder เพื่อImage และ ระบบที่เป็นอันเดียวกันทัวประเทศ ประมาณว่า Integreted Margeting Comunication คือ การสื่อสารให้ไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งรูปแบบ โทนสี การจัดวางสินค้า Brand Perception การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ Logistic
2.เมื่อเปลี่ยนแล้ว ก็บังคับยอดซื้อสินค้าต่อ ตรม. ผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ประมาณว่า 800-1200 บาท/ตรม./เดือน มั้งครับ เป็นการบังคับซื้อสินค้า บริษัทไม่ว่าคุณไ้ด้ขายหรือไม่ก็ตาม
3. ตอนนี้ ซีเมนต์ไทย ส่งหน่วยประชาสัมพันธ์ไปถึง ลูกค้าช่วงของเอเย่นต์ โดยมีทั้งการสำรวจความคิดเห็น และการให้ข้อมูลข่าวสาร แถมยังมีการ เสนอขายสินค้าให้อีก แต่ปีนึงจะมาครั้งหรือสองครั้งครับ

จุดแข็ง
1. ภาพลักษณ์ที่มีมาตรฐาน ลูกค้าเชื่อใจในBrand
2.มีทีมงานและเงินทุนที่แข็งแกร่งกว่า คู่แข่งมากมาย
3.มีหุ้นส่วนแข็งปั้ก สนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
4.Know How ต่างๆ ที่มีให้กับเอเย่นต์ รวมถึงการสัมนาต่างๆ ทำให้ได้เปรียบและเป็นการกระตุ้นเอเย่นต์(แกมบังคับ) ให้ต้องยอดขายเติบโตตลอด
5.ราคาสินค้า ไม่ได้แพงเกินไป แต่ผมว่าซื้อที่อื่นได้ถูกกว่า แต่มีสินค้าครบครัน (เสียดายผมไ่ม่เคยไปโฮมโปร ทำให้เปรียบเทียบนึกภาพไม่ออก) สรุปแล้วก็คือ gross margin สูงกว่าร้านธรรมดาที่ลูกค้าเข้าแล้วจะกดราคา ต้องการของถูกมากๆ (เหมือนร้านผม) ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายด้านอื่น เรื่องหนี้ เรื่องสินทรัพย์นั้นเป็นเรื่องของ เอเย่นต์แต่ละราย
6.การมี Distribution Center ตามต่างจังหวัดทำให้ต้นทุึนการขนส่งของเอเย่นต์ถูกลง
7.จำนวนเอเย่นต์มากมายก็เป็นจุดแข็งของเค้าด้านนี้ครับ (แต่เป็นข้อเสียของเอเย่นต์เองเหมือนกันเพราะ ต้องแข่งด้านราคา บริการ)
8.ผู้บริหารเก่งมาก คัดเลือกคนเข้าทำงานหัวกะทิ ทำให้การบริหารตัดสินใจทำได้ค่อนข้างดี ดูได้จากการผ่านวิกฤติ 2540

จุดอ่อน
1. เอเย่นต์ไม่สามารถซื้อสินค้าที่บริษัทบังคับไว้ เช่น ปูน กระเบื้อง ซึ่งตลาดบางพื้นที่ต้องการของถูกกว่า โดยเฉพาะที่เชียงราย ปูน TPI 199-197 ขายดีมาก
2. ให้กลับไปดูข้อ 1 เพราะผมนึกยังไม่ออก555 (ไว้นึกออกแล้วจะมาบอก)

อย่าลืมมาให้ข้อมูลผมบ้างนะครับ ที่โน่นร้านไหนใหญ่ที่สุดในจังหวัดครับ
ที่เชียงราย ร้านสหไพบูลย์ แสงไพบูลย์ แม่จ้นค้าวัสดุ ดวงแสงทอง ครับ

อยากคุยกับคุณเหมือนกัน email มาที่ [email protected] นะครับ
2.

อ้อลืมไป มีปูนนกเขียวแล้ว แต่สู้ทีพีไอไม่ค่อยได้ ตรงราคานี่แหละครับ

แล้วคุณ เคยไป อุบลวัสดุ ร้านวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมั้ยครับ ได้ยินมาว่า มีสองข้างทาง ข้างละ 500 เมตรทีเดียว (ที่อุบลราชธานี)

ผมอยากไปดูมากครับ แต่ยังไม่มีโอกาศซักที

ปัจจุบันผมว่าปัญหาที่จะทำให้เศรษฐกิจ แย่ลง ถูกบังอยู่ เพราะผู้บริหาร
หมุนเงินเก่ง นำเงินส่วนต่างๆ มาใช้ได้มาก

ระยะเวลา 4-5 ปี ถ้ายังหมุนเวียนเงินขนาดนี้ ประเทศจะรับภาระเหล่านี้ไหวไหม

แต่ถ้าเงินที่หมุนอยู่ในระบบตอนนี้มี คนไทยส่วนมาก ทำให้เกิด เศรษฐกิจ
ที่แข็งแรงขึ้นมาได้ รู้จักการนำเงินที่หมุนอยู่ตอนนี้สร้างความมั่นคงได้
ผมก็ว่าไม่เจ๊ง ถ้าจะแย่ผมก็ว่าแค่ชลอลงแล้วเลี้ยงตัวเองได้ ปัญหา
ที่ถูกบังไว้ ก็แก้ได้ด้วยการทำวันนี้ให้ดี การเวลาที่สมควรจะทำให้ปัญหา
ค่อยๆคลายลงไป

แต่ถ้าเงินหมุนเวียนในระบบตอนนี้ คนไทยส่วนมาก ทำให้เกิด ภาระหนี้
เอาไปใช้แต่สิ่งที่ฉาบฉวยฟุ่มเฟื่อย คิดว่าตอนนี้เศรษฐกิจดี เพราะการชวนเชื่อของรัฐฯ
ไม่สร้างหลักสร้างฐานให้ตนเอง ประเทศคงย่ำแย่มาก(เพราะผมว่าสินเชื่อ
ส่วนบุคลลและหนี้ครัวเรือนเป็นตัวก่อหนี้ง่ายมากในปัจจุบันแล้วธนาคาร
ก็แข่งกันปล่อย) และในที่สุดก็พาตัวเองและประเทศเข้าสู่กระบวนการเดิมๆ
ที่ทำให้ประเทศ เป็นหนี้สินมากขึ้นยิ่งๆ ขึ้นไปอีก

ส่วนตัวเองผมเห็นว่า ประเทศตอนนี้เป็นช่วงก่ำกึ่ง ไม่แย่ก็ไม่ดี อยู่ที่
ประชาชนคนไทยครับ จะทำให้เศรษฐกิจเป็นอย่างไร

ถ้าคิดแง่ดีโดยไม่ต่อว่าแต่รัฐฯ ต้องบอกว่าตอนนี้ รัฐฯ ทุ่มหมดตัวแล้ว
ประชาชนคนไทย ต่างหากครับ จะทำให้เกิดความยั่งยืนได้หรือไม่

ประเทศไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง เมื่อรัฐฯ เขาเอาโอกาสมาให้ ไม่ลองทำ
โอกาสนั้นให้ดีหรือครับ เพื่อทุกคน จะได้ไม่ต้องอยู่ในภาวะเดียวกัน
คือเป็นทาสทางเศรษฐกิจไปเรื่อยๆ จากหนี้สิน โดยหาทรัพย์สิน
ของตนเองไม่ได้เลย และเมื่อรวมมากๆเข้าก็คือประเทศที่เป็นหนี้สินนั่นเอง

เป็นปัญหามากครับ ผมเคยคุยกับญาติที่อยู่ตจว
เค้าบอกว่า คนส่วนใหญ่กู้ไปซื้อของฟุ่มเฟือยกันครับ
ไม่ได้เอาเงินที่กู้ไปลงทุนประกอบอาชีพสร้างรายได้ให้ตนเอง
เป็นปัญหาด้านการศึกษาของคนครับ
ทั้งๆที่เป้าหมายของรัฐเค้าก็ต้องการให้ประชาชนกู้เพื่อไปลงทุนประกอบอาชีพสร้างรายได้ให้ตนเอง

โดยรวมก็น่าจะดีขึ้นกว่าที่แย่ๆสมัยก่อน ผมยังคงมองบวกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น เพราะคนไทย ก็มีนิสัยบางอย่าง ที่ต่างประเทศก็อยากเข้ามาเกี่ยวข้อง และทรัพยากรธรรมชาติเราก็มีมาก ประกอบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติของเรามีน้อย ทำให้โดยรวม เรายังคงอยู่กันอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า อีกหลายร้อยประเทศ ถ้าเราไม่ไปเที่ยบกับประเทศพัฒนา ลองเที่ยบกับ พม่า ลาว กัมพูชา หรือแม้แต่เวียตนาม
จีน ก็ตาม อินเดีย ก็ตาม โดยรวมของทั้งสองประเทศนี้ ผมว่าแย่กว่าเมืองไทยมาก คนงานของจีน และอินเดีย ต้องพยายามแข่งขันกันหาเงินเพียงเล็กน้อย เพื่อยังชีพ เพราะมีคนเยอะมาก
ในขณะที่คนงานบ้านเรา ยังขี้เกียจ และใช้เงินซื้อมือถือ ดื่มเบียร์ไฮเนเก้น
ถ้าบ้านเราแย่จริงๆ คนงานบ้านเราจะขยันกว่านี้ และลำบากกว่านี้
ผมเองสัมผัสกับคนงานค่อนข้างมาก ดูๆแล้ว อีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อแรงงานต่างด้าว พูดไทยได้ชัดเจนกว่านี้ คนงานไทยจะเริ่มมีปัญหา เหมือนกัน

สรุปผมว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้น คนไทยปรับตัวเก่ง

สิงห์บุรี มีเอเย่นต์ปูนใหญ่ที่ใหญ่ๆ คือ หจก.เป็นเอก กับ บ.กิตติไพศาลครับ
โดยเฉพาะรายแรก มียอดขายติดอันดับต้นๆของภาคกลางเลยครับ
ป.ล. ยินดีที่ได้รู้จัก แลกเปลียนความรู้ได้ที่ [email protected] ครับ