บัฟเฟตกับหุ้นเทสโก้/วิบูลย์ พึงประเสริฐ
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 21, 2014 11:38 pm
โค้ด: เลือกทั้งหมด
นักลงทุนส่วนใหญ่รู้จักวอร์เรน บัฟเฟตในฐานะนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่มีชื่อเสียงระดับโลกและถือว่า เป็น”เทพ”ในการลงทุน เรามักได้ยินว่าบัฟเฟตทำกำไรจากการลงทุนได้เท่านั้นเท่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว บัฟเฟตก็เหมือนนักลงทุนทั่วไปที่อาจจะทำผิดพลาดบ้างในชีวิตการลงทุน แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเหนือกว่าก็คือเขานำข้อผิดพลาดมาเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้ ผิดพลาดซ้ำสองและเขียนบอกเรื่องความผิดพลาดของเขาในสมุดรายงานประจำปีถึงผู้ ถือหุ้นบริษัทเบิร์คไชน์แฮททาเวย์ทุกปี
ล่าสุดบัฟเฟตออกมายอมรับถึง ความผิดพลาดของการลงทุนในห้างค้าปลีกยักษ์อย่างเทสโก้ของอังกฤษ บัฟเฟตซื้อหุ้นห้างเทสโก้ในปี 2006 และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวนกว่า 5 เปอร์เซนต์ ปรากฏว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาหุ้นของเทสโก้ลดลงเกือบครึ่งเนื่องมาจากผลการ ดำเนินงานที่ไม่ดีดังที่คาด นอกเหนือจากนั้นยังมีคดีการตกแต่งบัญชีอีกด้วย บัฟเฟตถึงกับออกมายอมรับว่าการลงทุนในเทสโก้เป็นการลงทุนที่ผิดพลาดอย่าง มหันต์ของเขา
เทสโก้เป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก ห้างวอลมาร์ทและใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในยุโรป ขนาดของบริษัททำให้เป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 63 ในการจัดอันดับของฟอร์จูน 500 เทสโก้ก่อตั้งเมื่อปี 1919 ปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งหมด 6,784 สาขาใน 12 ประเทศ ในต่างประเทศเทสโก้ไม่ได้เป็นแค่ห้างค้าปลีกเพียงอย่างเดียวแต่ยังทำธุรกิจ สถานีบริการน้ำมัน ให้เช่าวีดีโอรวมถึงธุรกิจการปล่อยกู้ทางการเงินอีกด้วยและในปี 2014 เทสโก้ยังประกาศผลิตมือถือเพื่อแข่งกับบริษัทซัมซุงอีกด้วย
หลังจากที่มี เรื่องอื้อฉาวในการตกแต่งบัญชีและผลประกอบการที่ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย เทสโก้ได้ซีอีโอใหม่ชื่อ เดฟ เลวิส อายุ 49 ปี เขามาจากบริษัทยูนิลีเวอร์ และเป็นซีอีโอคนแรกที่มาจากบริษัทข้างนอก แต่มีคนกล่าวว่าเขาไม่เคยทำงานด้านค้าปลีกมาก่อน สิ่งสำคัญที่ซีอีโอใหม่ต้องเข้ามาจัดการคือสงครามราคาที่เกิดขึ้นในธุรกิจ ค้าปลีกของอังกฤษและยุโรป
เทสโก้เคยประสบความสำเร็จในการสร้างภาพ พจน์ในการเรื่องของ”ราคาที่ถูกที่สุด” (Everyday Low Prices) ซึ่งแคมเปญนี้ถูกนำมาใช้กับสาขาของเทสโก้ทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย จะเห็นว่าการโฆษณาของเทสโก้จะเน้นไปที่”ราคาถูกทุกวันที่นี่” ซึ่งใช้ได้ดีในอดีต แต่ปัจจุบันมีผู้เล่นหน้าใหม่เริ่มเข้ามาในตลาดระดับล่างมากขึ้นอย่างเช่น ห้างอัลดีหรือลิดิล (Aldi and Lidl) ที่ขายสินค้าในราคาถูกรวมทั้งการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่เริ่มได้รับ ความนิยมมากขึ้น ทำให้ลูกค้าของเทสโก้เริ่มหายไป นอกเหนือจากนั้นเทสโก้ยังตกอยู่ช่องว่างตรงกลางระหว่างห้างราคาถูกมากๆและ ห้างระดับหรูอย่างมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ทำให้ตำแหน่งทางการตลาดของเทสโก้ไม่ ชัดเจน ซึ่งเป็นงานหนักของผู้บริหารเทสโก้คนใหม่
ในช่วงที่อยู่ที่ยู นิลิเวอร์ เดฟ เลวิสมีผลงานในการลดค่าใช้จ่ายและพนักงานของหน่วยงานผลิตภัณท์ส่วนบุคคลลง ถึง 40 เปอร์เซนต์ในช่วงปีวิกฤติซัพไพร์ม 2007-2008 มีเรื่องเล่าว่าในช่วงที่เขาทำงานอยู่ที่อเมริกาใต้นั้น บริษัทคู่แข่งคือพีแอนจี (Procter & gamble) ได้ออกผงซักฟอกยี่ห้อใหม่ที่ชื่อ แอเรียล (Ariel) ด้วยความที่ต้องการกลบกระแสของสินค้าใหม่ของพีแอนจี เขาค้นพบว่ายูนิลีเวอร์มีผลิตภัณท์ที่ไม่ได้ทำตลาดมานานมาแล้วในชื่อแอเรียล เช่นเดียวกัน แต่เป็นกระดาษรองนั่งชักโครก เขาเริ่มโฆษณากระดาษรองนั่งนี้ทุกช่องทางอย่างทุ่มสุดตัว สุดท้ายพีแอนจีต้องถอนสินค้าผงซักฟอกแอเรียลออกจากตลาดโดยสิ้นเชิง
เทสโก้ยังต้องมีงานที่รออยู่อีกมากในการที่จะกลับตัวให้บริษัทกลับมาเติบโตและ ทำกำไรได้อีกครั้ง ซีอีโอใหม่จะทำได้หรือไม่และเทสโก้จะเป็นอย่างไรต่อไปคงต้องติดตามในอนาคต บัฟเฟตยังคงถือหุ้นเทสโก้อยู่ถึงแม้เขาจะขายหุ้นออกไปบ้างก็ตาม
สุดท้ายจะเห็นว่าแม้แต่บัฟเฟตยังทำผิดพลาดได้ ดังนั้นถ้านักลงทุนวีไออย่างเราๆท่านๆจะพลาดบ้างก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายแต่อยางใด