หน้า 1 จากทั้งหมด 1

สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 20, 2014 3:29 pm
โดย Thai VI Article

โค้ด: เลือกทั้งหมด

    ผมเป็นคนที่เชื่อในเรื่องของ  “สัจธรรม”  ข้อหนึ่งที่ว่า  อะไรก็ตาม  เมื่อมันดี  โต  ก้าวหน้า ไปมากและยาวนานเกินกว่าที่เคยเป็นมาในอดีตหรือเกินกว่าสิ่งอื่นหรือคนอื่นที่เป็นคู่แข่งกัน  ในที่สุดมันก็ต้องชะลอและกลับตัวลงมาเพื่อที่จะทำให้มันไม่ดีเกินไป  โตเกินไป  หรือก้าวหน้ามากเกินไป  มิฉะนั้น  ในระยะยาวแล้ว  มันก็จะโตเกินกว่าที่เป็นไปได้ตาม  “ธรรมชาติ”  ผมมีความเชื่อว่าธรรมชาตินั้น  ในระยะยาวแล้วไม่มีความ  “ลำเอียง”  มันจะพยายามปรับให้เกิดความ  “สมดุล” ที่ไม่มีอะไรที่ใหญ่หรือ “ดีเด่น” เกินไปจนทำให้สิ่งอื่นนั้นเล็กเกินไปและ “ด้อย” กว่าจนอยู่ไม่ได้  ภาษาทางปรัชญาอาจจะเรียกปรากฏการณ์แบบนี้ว่า   “สูงสุดคืนสู่สามัญ”  ภาษาทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า  “Regression to the Mean”  หรือแนวโน้มทางสถิติของสิ่งต่าง ๆ ในทางธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตที่จะวิ่งเข้าหาอัตราการเติบโตหรือตัวเลขของ  “ค่าเฉลี่ย”  โดยที่ไม่ต้องไปคิดหาเหตุผลว่าอะไรทำให้มันเป็นเช่นนั้น   เหตุผลนั้น  แน่นอนต้องมี  เพียงแต่ว่าเราอาจจะยังไม่รู้หรือมันอาจจะยังไม่เกิด  อย่างไรก็ตาม  นักวิเคราะห์นั้นมีอาชีพต้องหาเหตุผล  เพื่อที่จะบอกว่าอะไรที่จะทำให้การเติบโตนั้นจะต้องช้าลงกว่าเดิมไปอีกหลายปีเพื่อที่มันจะวิ่งเข้าสู่ค่าเฉลี่ย

    ผมกำลังจะบอกว่าความสำเร็จ หรือความก้าวหน้าของการลงทุน  หรือผลตอบแทนที่นักลงทุนโดยรวมและเฉพาะอย่างยิ่ง VI ของไทยเคยทำได้มายาวนานกว่า 10 ปีที่ผ่านมานี้  มันอาจจะถึงเวลาที่จะต้องชะลอตัวลง  การลงทุนที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนต่อปีที่เกิน 20%-30% แบบทบต้นในระยะยาวเป็น 10 ปีขึ้นไปนั้น  เป็นเรื่องที่ยากมาก  อย่างไรก็ตาม  นักลงทุนโดยเฉพาะที่เป็น VI ที่สามารถทำผลตอบแทนสูงในระดับนี้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาของตลาดหุ้นไทยนั้น  ผมเชื่อว่ามีไม่น้อย  และมันทำให้เกิด  “ภาพลวง” ว่า  การทำผลตอบแทนเกินกว่า 20%-30% ต่อปี ในระยะยาวนั้นเป็นไปได้ไม่ยาก  แต่ในความคิดของผมแล้ว  นี่อาจจะเป็นเวลาที่แนวโน้มการทำกำไรงดงามอย่างง่าย ๆ  ของนักลงทุนในตลาดหุ้นกำลังเปลี่ยนไป  นี่อาจจะเป็นเวลาที่ “ยุคทองของ VI”  ที่ดำเนินมามากกว่า 10 ปี กำลังหมดลง  ภายในเวลา 10 ปีข้างหน้านั้น  การทำผลตอบแทนได้ปีละ 15%-20% แบบทบต้นอาจจะเป็นสิ่งที่ “ดีสุดยอด” แล้ว  เพราะนั่นสำหรับหลาย ๆ  คนจะเป็นสถิติระดับโลกที่สามารถทำผลตอบแทนในระดับ 20% ขึ้นไปเป็นเวลาอาจจะ 20 ปีติดต่อกัน  น้อยคนมากที่จะทำได้!

    เหตุผลที่ผมคิดว่ายุคทองของตลาดหุ้นไทยนั้นใกล้จบลงมีหลาย ๆ  เรื่อง  และมันคือเหตุผลที่ทำให้เกิดยุคทองหรือทศวรรษทองของตลาดหุ้นไทยในทางตรงกันข้าม   พูดง่าย  ๆ  สิ่งที่ขับดันราคาหุ้นหรือดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นมาตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้น  กำลังหมดพลังลงหรือเปลี่ยนทิศ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

    การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่าอยู่ในระดับปานกลางคือช่วงหลังจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 มานั้นเราโตปีละประมาณ 5% จากประมาณ 7% ก่อนหน้านั้น  จนถึงประมาณปี 2550   หลังจากนั้นเศรษฐกิจไทยก็เริ่มชะลอตัวลงมาค่อนข้างมากเหลือแค่ 3%-4%  ผมเองไม่รู้ว่านี่เป็นการชะลอตัวลงอย่างถาวรแล้วหรือไม่  เหตุผลก็เพราะว่าคนไทยนั้นเริ่มแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว  เด็กเกิดใหม่มีน้อยลงมาก  กำลังแรงงานที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจก็น้อยลงและในอนาคตก็อาจจะเริ่มลดลง  และหากเป็นอย่างนั้น  ไทยก็อาจจะเหมือนประเทศของคนสูงอายุในยุโรปหรือในญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจเติบโตยาก  ตลาดหุ้นก็จะไปไม่ได้

    สิ่งสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยเติบโตสูงมากในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้นผมคิดว่าคือเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มลดลงมาอย่างรวดเร็วหลังวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2542 ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารขนาดใหญ่ลดลงจากประมาณ 5% เหลือ ไม่ถึง 4%  พอถึงปี 2543 ดอกเบี้ยลดลงอีกเหลือประมาณ 2.5%  และลดลงต่อเนื่องจนเหลือเพียงประมาณ 1% ในปี 2546  หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยก็ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำมาโดยตลอดจนถึงวันนี้  และนี่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนถอนเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นต่อเนื่องยาวนานและทำให้ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นมาตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา  อย่างไรก็ตาม  อัตราดอกเบี้ยนับจากวันนี้ดูเหมือนว่ามันคงไม่สามารถลงต่อไปได้อีกและมีแต่จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากนโยบายของสหรัฐที่จะลดสภาพคล่องทางการเงินโดยการยกเลิก QE และหากอัตราดอกเบี้ยของไทยเริ่มปรับตัวขึ้น  โอกาสก็เป็นไปได้ที่คนจะถอนเงินออกจากตลาดและทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลงหรือขึ้นต่อไปได้ยากขึ้น

    ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2543 เริ่มปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นสอดคล้องกับเวลาที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงอย่างชัดเจน  จนถึงวันนี้เป็นเวลา 14 ปี ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนปีละประมาณ 16%-17% แบบทบต้น  เงินลงทุน 1 ล้านบาท กลายเป็นประมาณ 10 ล้านบาท  ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่สูงมากในระยะเวลาที่ยาวมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  ประเด็นก็คือ  อนาคตอีก 10 ปีข้างหน้านั้น  ผมคิดว่าตลาดจะปรับตัวดีแบบเดิมคงเป็นไปได้ยากมาก  เพราะมันจะทำให้ตลาดหุ้นไทยใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับศักยภาพของประเทศ

    การปรับตัวของหุ้นไทยยังน่าจะมาจากการที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตขึ้นหลังจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 และการปรับโครงสร้างทางการเงินในช่วง 2-3 ปีต่อมา  ในช่วงเวลาประมาณ 12 ปีที่ผ่านมาจนถึงล่าสุด  กำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นประมาณ 117%  หรือโตปีละประมาณ 6.7% แบบทบต้น  แต่ดัชนีตลาดหรือราคาหุ้นนั้นปรับตัวขึ้นถึงประมาณ 260%  หรือเพิ่มขึ้นปีละกว่า 13%  คิดเป็น 2 เท่าของกำไร  ดังนั้น  ราคาหุ้นของไทยในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมานั้นไม่ได้ขึ้นเพียงเพราะกำไรบริษัทเพิ่มขึ้น  แต่เพิ่มขึ้นด้วย “พลังเงิน” ของนักลงทุนที่ทำให้หุ้นแพงขึ้น  ซึ่งตัวเลขค่า PE ของตลาดมีการปรับตัวขึ้นจากค่า PE ในช่วงหลังวิกฤติใหม่ ๆ  ไม่เกิน 10 เท่าก็กลายเป็นประมาณ 18 เท่าในปัจจุบัน

    ประเด็นก็คือ  การเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนนั้น  เร่งตัวขึ้นในช่วงหลังจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์  แต่ในช่วงปีหรือสองปีนี้  กำไรกลับไม่ได้โตขึ้นเท่าไรนัก  อาจจะมาจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเนื่องจากวิกฤติการเมืองหรือภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่เอื้ออำนวยหรืออาจจะมาจากผลของการเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำก็เป็นได้  อย่างไรก็ตาม  แม้ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ อาจจะดีขึ้นตามที่นักวิเคราะห์คาด  แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนก็ดูเหมือนว่าจะไม่โดดเด่นนัก  นอกจากนั้น  ค่า PE ก็คงมีโอกาสสูงขึ้นยากและอาจจะมีแนวโน้มที่ลดลงได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่ดีอะไรบางอย่าง  ดังนั้น  ความหวังที่จะเห็นหุ้นปรับตัวดีขึ้นไปอีกจากปัจจุบันก็อาจจะไม่เป็นจริงได้

    ทั้งหมดที่ผมพูดมานั้น  ดูเหมือนจะเกี่ยวกับตลาดหุ้นและบริษัทจดทะเบียนโดยรวมมากกว่า   บางคนอาจจะเถียงว่าหุ้น VI อาจจะไม่ได้เข้าข่ายดังกล่าว  ดังนั้น  มันอาจจะไม่ใช่การหมด  “ยุคทองของ VI”   ในประเด็นนี้ผมเองกลับเห็นว่า  การปรับตัวขึ้นของหุ้นในระยะกว่า 10 ปี ที่ผ่านมานั้น  หุ้นที่เรียกว่า  “VI” นั้น  มีการปรับตัวขึ้นมามากกว่าหุ้นกลุ่มอื่น  และการปรับตัวขึ้นของมันเองนั้นก็มาจากเรื่องของกำไรที่เพิ่มมากขึ้นของบริษัทและการปรับตัวขึ้นของค่า PE เช่นเดียวกับหุ้นทั่วไป  สิ่งที่แตกต่างนั้น  ผมกลับคิดว่าหุ้นที่เรียกว่า VI นั้น  มีการปรับตัวขึ้นของ PE  มากกว่าการเพิ่มขึ้นของกำไร  หรือพูดง่าย ๆ  โดยเปรียบเทียบแล้ว  หุ้น VI นั้น  มีราคาแพงขึ้นมากกว่าหุ้นธรรมดา  ดังนั้น  โอกาสที่หุ้น VI จะทำผลตอบแทนดีกว่าหุ้นทั่วไปในอีก 10 ปีข้างหน้าก็อาจจะยากขึ้นกว่าในอดีตมาก  และนี่ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า  มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ใกล้หมดยุคทองของ VI  อย่างไรก็ตาม  การลงทุนแบบ VI เองนั้น  ก็ยังเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด  เพียงแต่อย่าหวังว่ามันจะทำกำไรได้มหาศาลเหมือนเดิม  ตัวเลขที่หวังนั้น  ผมคิดว่าควรกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 10%-15% ต่อปีในระยะยาวซัก 5-10 ปีข้างหน้า
[/size]

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 21, 2014 9:46 am
โดย Nevercry.boy
บทความนี้อ่านแล้วได้อารมณ์ใกล้เคียงกับ บทสัมภาษณ์ของ เบนแกรม อาจารย์ใหญ่แห่งวอลล์สตรีทที่ผมพึ่งแปลจบไป

http://nevercry-boy.blogspot.com/

คือไม่ใช่เนื้อหานะ แต่คืออารมณ์ เพราะคนที่ต้องต่อสู้กับมิสเตอร์มาร์เก๊ต มานาน ๆ จนเป็นเพื่อนกันไปแล้วหน่ะ จะรู้สึกว่า ตลาดมันค่อนข้างสมเหตุสมผล จน เบนแกรม ในช่วงท้ายๆ ของการลงทุนถึงกับให้สัมภาษณ์ว่า เค้าค่อนข้างเชื่อในทฤษฎีตลาดมีเหตุมีผล

บัฟเฟตต์เอง เมื่อจดหมายฉบับล่าสุดเค้าก็บอกว่าการลงทุนหลังจากไม่มีเค้าแล้ว น่าจะใช้ 90% ในกองทุนดัชนี ซึ่งแกแนะนำแวนการ์ด เพราะชาร์จค่าบริหารไม่แพง

เคน ฟิชเชอร์ ลูกชายของ ฟิล ฟิชเชอร์ ก็ประกาศชัดว่าเค้าค่อนข้างเชื่อในระบอบทุนนิยม และก็รู้สึกเฉย ๆ กับแนวคิดการลงทุนในหุ้นตัวเล็ก ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของเค้าในยุคต้นของการลงทุน

ดร. เองก็คงอยู่ในอารมณ์นั้น บทความนี้ออกมาในโทน ๆ นี้

แต่ผมเชื่อว่า อย่างไรก็ตามตลาดคงไม่ให้ราคาที่เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกก็จริง แต่สักวันหนึ่งก็จะต้องจัดขึ้นมาอีกครั้ง จริงที่ว่าหุ้นวีไออาจหมดไป

แต่แล้ววีไอที่เราสั่งสมมามันไม่ไปไหนหรอกครับ

มันอยู่ในตัวตนของพวกเราทุก ๆ คน

ขอบพระคุณ ดร. อย่างสูงครับ

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 21, 2014 2:42 pm
โดย greenman
ผมมีวันนี้ได้ ยังไงก็ต้องกราบขอบคุณอาจารย์มากๆเป็นแนวคิดที่ผมยึดถือในการลงทุน และดำเนินชีวิต ขอบคุณครับ
ผมก็พยายามแบ่งปันแนวคิดการลงทุนเน้นคุณค่าให้เพื่อนที่เข้ามาปรึกษาและเข้าตลาดใหม่ๆครับ

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 21, 2014 2:49 pm
โดย jantorsang
อ่านบทความของท่านอาจารย์นี้แล้วให้อารมณ์เหมือนกำลังอาลัยเพื่อนเก่าที่ใกล้จะจากไปหรือกำลังเสื่อมมนต์ขลังลงทุกทีๆเลยครับ

ก่อนอื่นส่วนตัวผมอ่านหนังสือของท่านอาจารย์มาตั้งแต่เริ่มลงทุนใหม่ๆ รวมทั้งหนังสือแนว VI ของท่านอื่นๆ เท่าที่ผมจะสามารถหาอ่านได้แต่ผมกลับเชื่อเรื่องตลาดมีเหตุผลนะซึ่งไม่รู้ว่าความหมายเดียวกับตลาดมีประสิทธิภาพหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่า ณ ขณะใดๆขณะหนึ่งนั้น ราคาของหุ้นในขณะนั้นเหมาะสมแล้วมีเหตุมีผลโดยสมบูรณ์แล้วของมันอยู่ (และความรู้สึกส่วนตัวผมถือว่าตลาดเป็นอาจารย์ผมท่านนึงเลยนะครับที่ให้บทเรียนให้ผมได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา) เพียงแต่ว่านักลงทุนแต่ละคนก็จะมีหลักการส่วนตัวของแต่ละคนเข้ามาใช้ทำนายราคาในอนาคตเมื่อเทียบกับสภาวการณ์แวดล้อมปัจจุบัน ใครถูกใครผิดใครแม่นยำอย่างไรเวลาจะเป็นผู้แสดงคำตอบ ผมคิดว่าหลักการVI นั้นมีเพียงประโยคเดียวสั้นๆเท่านั้นคือ “ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ได้รับ ขายเมื่อราคาสูงกว่ามูลค่าที่ได้รับ” เช่นเดียวกับแนวทางเทคนิคอลที่ก็เป็นเพียงประโยคเดียวสั้นๆเท่านั้นเช่นกันคือ “ซื้อเมื่อราคาดูเหมือนว่าจะขึ้น ขายเมื่อราคาดูเหมือนว่าจะลง” อันนี้ก็เหมือนกับประโยคทองอันนึงของท่านปลานิลจิ๋วแห่งพันทิปที่บอกว่า ”ถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิดเราก็จะเล่นกับมัน”
ส่วนการอธิบายเทคนิคการเล่นการลงทุนต่างๆตามหลักการประโยคข้างต้นรวมทั้งระยะเวลาในการถือครองหุ้นนั้นมันเป็นเพียงการแปรผันตามตัวตน ประสบการณ์ ความชำนาญ สังคม รวมทั้งสภาวการณ์ของประเทศของโลกของตลาดหุ้นเท่านั้น ในฐานะที่ผมเกิดและเติบโตในประเทศนี้ เห็นวิวัฒนาการของเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษารวมทั้งนิสัยใจคอของผู้คนรวมทั้งของตนเอง เมื่อมาเทียบเคียงสังเกตตลาดก็ไม่แปลกใจถึง ลักษณะความเป็นไปของบริษัทในตลาด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก
ผมคิดว่าแก่นแท้ของ VI ก็จะยังคงอยู่และใช้ได้ไปอีกนานเท่านานตราบใดที่ตลาดทุนแห่งนี้ยังใช้เป็นแหล่งระดมทุนอยู่ เพียงแต่วิธีการใช้ที่เหมาะสมจะถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามความเปลี่ยนแปลงของตลาด ของเศรษฐกิจประเทศ และผลตอบแทนที่แต่ละคนจะได้รับจะมากน้อยก็ยังคงขึ้นกับว่าวิธีการที่เหมาะสมที่ใช้กับตลาดในช่วงนั้นเหมาะหรือขัดแย้งกับลักษณะตัวตน ความชำนาญของบุคคลนั้นหรือไม่
สุดท้ายผมยกย่องท่านอาจารย์อย่างสูงเสมอมา แม้ว่าในบางครั้งบางคราวอาจมีบ้างที่ผมไม่เห็นตามที่ได้อ่านหนังสือของท่านอาจารย์ซึ่งนั่นไม่สำคัญเลย แต่ผมพบว่าเมื่อผมอ่านหนังสือของท่านอาจารย์ไปเรื่อยๆเหมือนผมได้รับการฝึกฝนจากท่านอาจารย์ให้ “เข้าใจในการเปลี่ยนแปลง” อันนำมาซึ่งวิกฤตและโอกาสอันหาได้ยากในหนังสือของท่านอื่น

กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 21, 2014 4:09 pm
โดย pullmeunder
หุ้นที่มีคุณภาพดีช่วง 2-3ปีที่ผ่านมามันโดนดันจน PE สุดโต่ง

คนที่มาทีหลังจะลำบากในการหาหุ้นดีๆในราคาทถูกนั้นยากขึ้น

การจะซื้อให้เต็มพอร์ตเหมือนช่วงที่ผ่านมานั้นเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น

เห็นด้วยว่าต่อไปในช่วงที่ set ยังอื่อๆ PE 18เท่า นั้นคงหวังผลเลิดเลอ เหมือนช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นไปได้ยาก

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 21, 2014 8:50 pm
โดย Tibular
คือแบบว่า ไม่ถึงกับแย่อะไรหรอกคับ แต่ว่าการที่จะสามารถทำผลตอบแทนได้สูงๆ
(เกิน 20-25%) อาจจะยาก (แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ซะหน่อย)

ดร. ท่านก็ว่า ถ้าทำผลตอบแทนได้ 10-15% ต่อจากนี้ก็ถือว่าเยี่ยม
ซึ่งผมก็ว่ามันเยอะแล้วนะ แต่ก็อีกนะ สถานะการณ์ก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
โอกาสดีๆ อาจจะรอเราอยู่ข้างหน้าก็เป็นได้ อย่ายอมแพ้ ท้อแท้ เสียก่อน

อย่างตลาดที่อเมริกาเอง หลักการลงทุน VI ก็ยังคงใช้ได้มาตลอดตั้งแต่ 70-80 ปีที่ผ่านมา
ถึงแม้หลังๆ นักลงทุนเน้นคุณค่าตัวเอ้ เช่น แกรแฮม จะออกมาพูดว่าเค้าชักยอมรับว่าตลาด
กำหนดราคาได้เหมาะสม ซึ่งในระยะยาวแล้ว ทุกตลาดหุ้นทั่วโลก (รวมทั้งไทย) ก็น่าจะเป็นอย่างอเมริกา

แน่นอนว่า บางช่วงก็เป็นยุคทอง บางช่วงก็เป็นยุคตกต่ำ บางช่วงก็เป็นยุคธรรมดา
แต่หลักการลงทุนที่ จำกัดความเสี่ยง และ ได้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล ก็จะยังอยู่ตราบเท่าที่มีตลาดหุ้น

เราควรพยายามต่อไป แม้ยุคทองอาจจะจบลง แต่เราเดินกันมาไกลแล้ว
ลองมองย้อนกลับไปถึงวันที่เราเริ่มเดินทาง เรามีความฝัน ความหวัง ความพยายาม

ก็แค่รักษามันไว้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 21, 2014 11:04 pm
โดย Jeng
ผมว่าพอร์ทอาจารย์ใหญ่มาก ทำให้มองเห็นโอกาสลดน้อยลงไปด้วย

ถ้าพอร์ทเล็กๆ ผมคิดว่า โอกาสยังมีอีกมากมาย

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 22, 2014 6:53 am
โดย newbie_12
VI เยอะขึ้นมามหาศาลด้วยหล่ะครับ แล้วแต่ละคน port ยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น ส่วนใหญ่สร้างเนื่อสร้างตัวมาราวๆ 10 ปี

งานชุมนุม VI แต่ละหนนี่ port หลักพันล้านเห็นกันอยู่หลายคน ไม่ต้องพูดถึง port ระดับร้อยล้าน เดินชนกันเป็นมด หลักร้อยล้านหลายร้อยล้านในกลุ่ม VI กลายเป็นเรื่องธรรมดาไป

เจอเข้าไปแบบนี้หุ้นตัวไหนที่มีทีท่าว่าจะ undervalue มันก็ถูกวิเคราะห์ถูกซื้อจนราคาแฟร์ไปหมด ทำให้ผลตอบแทนระยะยาวในระยะต่อไปน้อยลงด้วยประการฉะนี้

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 22, 2014 7:58 am
โดย teetotal
โชคดีที่ได้เคยใช้ชีวิตการลงทุนอยู่ในยุคทอง

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 22, 2014 8:33 am
โดย dome@perth
teetotal เขียน:โชคดีที่ได้เคยใช้ชีวิตการลงทุนอยู่ในยุคทอง
ผมก็เช่นกันครับ :D

ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 23, 2014 9:29 am
โดย kjarrung
นับจากปี 2551 จนถึงปัจจุบัน พอร์ทผมโตจาก เจ็ดหลักต้น มาสู่ 8 หลักปลาย ๆ จากนี้ไปอีก 5 ปียังไม่รู้ว่าจะเติบโตได้อีกไหม แต่ขอบคุณยุคทองที่ทำให้มีวันนี้ ถึงแม้พอร์ทจะไม่ใช่หลักร้อยล้านพันล้านแต่ผมยังสามารถอยู่ในตลาดได้อีกหลายสิบปีครับ แต่ 9 หลักก็น่าจะอีกไม่ไกล

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 25, 2014 9:18 am
โดย บูรพาไม่แพ้
dome@perth เขียน:
teetotal เขียน:โชคดีที่ได้เคยใช้ชีวิตการลงทุนอยู่ในยุคทอง
ผมก็เช่นกันครับ :D

ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ
ผมก็เช่นกันนับได้ว่าเป็นวาสนาที่ได้เข้ามาร่วมแม้จะเป็นช่วงปลายๆก็ตามที
ขอขอบพระคุณอาจารย์มากครับ สำหรับคำชี้แนะและสั่งสอนที่ดีๆอย่างเรื่อยมาครับ

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 25, 2014 1:42 pm
โดย ลูกหิน
ขอบคุณมากครับ ผมเสียดายที่ไม่ได้เข้ามารู้จัก Vi ในยุคทอง ถึงจะลงทุนมาเป็น 10 ปี แต่ทุกๆวันยุ่งอยู่กับงาน พึ่งมาตกผลึกได้ราวๆ 6 ปีก่อน และมารู้จักเวปนี้เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ซึ่งผมก็ดีใจนะครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเวป เพราะเวปนี้ได้คัดกรองข้อมูลขยะออกไปได้มาก ทำให้ผมประหยัดเวลาในการหาข้อมูลแต่ละบริษัทไปมาก ทำให้ผมมีเวลานั่งคิดวิเคราาะห์ อ่านข่าว ดูเหตุการ์ณรอบตัวได้มากขึ้น ซึ่งนำพาการพัฒนาไปได้อย่างมากครับ ผมคิดว่าดร.ท่านพูดถูกครับเพราะตอนนี้หากิจการที่ดีและถูกยากมากครับ หลายๆปีจะเจอที่เข้าตาสักตัวนึง ผมขอชดเชยการหมดยุคทองของ Vi ด้วยการทำการบ้านให้หนักขึ้นหลายๆเท่า เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนใกล้เคียงเดิมนะครับ :)

Re: สิ้นสุดยุคทองของ VI/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 26, 2014 5:02 pm
โดย AleAle
ไปฟังจากปากของอาจารย์ครับ หมดยุคทอง(ดีเกินปกติ) แต่ยุคปกติยังคงอยู่
http://mcot-web.mcot.net/fm965/audio/vi ... EzFV1c5tVU