'วิธีคิด'สำคัญกว่า'กำไร' / นเรศ งามอภิชน
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 06, 2014 5:07 pm
'วิธีคิด'สำคัญกว่า'กำไร'
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Monday, October 06, 2014 07:22
ชาลินี กุลแพทย์
เงินเก็บ "หลักหมื่นบาท" ที่ได้จากการช่วยครอบครัวทำงานเกี่ยวกับธุรกิจเครื่องครัวตราสามดาว และตราโลตัส ของ "นเรศ งามอภิชน" ถูกถอนออกจากแบงก์ในปี 2531 เพื่อนำมาลงทุนในตลาดหุ้น ตามคำเชื้อเชิญของเพื่อนนักเรียนนอก
ก่อนจะเป็น "เจ้าของพอร์ตหลักพันล้าน" มีห้อง VIP หมายเลข 121 ประจำ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นฐานบัญชาการ ชีวิตเก็งกำไรของ "นเรศ" เคยติดลบเข้าขั้นขาดทุนหนักเหลือเงินติดพอร์ตเพียง 5 ล้านบาท จากเดิมที่เคยมีพอร์ตสูงถึง "หลักร้อยล้าน"แม้วันนี้ "ชายวัย 56 ปี" จะมีคำนำหน้าว่า "เซียนหุ้นรายใหญ่" แต่เขาเลือกที่จะให้ภรรยาและลูกทั้ง 3 คน (ลูกสาว 2 คน ลูกชาย 1) เรียนรู้เรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นด้วยตนเอง โดย "นเรศ" จะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้แนะนำ เมื่อมีใครต้องการ
"นเรศ" เล่าให้ "กรุงเทพธุรกิจ Biz Week" ฟังว่า ที่ผ่านมาภรรยาและลูกๆ มีโอกาส ลงทุนในตลาดหุ้นแต่ไม่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่ คนในครอบครัวได้กำไรจากการลงทุน จะไม่ค่อยมาเล่าสู่กันฟังว่า ได้มาเท่าไหร่ เพราะทุกคนรู้ว่า ในสายของผมกำไรไม่ใช่เรื่องสำคัญมากกว่าวิธีคิด ที่ผ่านมาคนในครอบครัวมักสอบถามเรื่องหุ้นกับผม ในฐานะที่ลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อนหลายสิบปี แต่ผมก็ไม่ได้ตอบคำถามแบบไม่ลึกซึ้งมากนัก ที่สำคัญจะไม่ชี้นำเด็ดขาด เพราะอยากให้ทุกคนมีวิธีการลงทุนและรอยเท้าเป็นของตัวเอง ถือคติที่ว่า
"คนจะประสบความสำเร็จได้ต้องมาจากความสามารถเฉพาะตัว เรื่องแบบนี้สอนกันไม่ได้"
เขาเล่าว่า ภรรยาผมเป็นคนดวงดีลงทุนตัวไหนมักได้กำไร บางครั้งซื้อผิดตัวยังไม่ขาดทุน (หัวเราะ) ส่วนลูกๆ ทั้งสามคน แม้วันนี้ จะไม่ค่อยมีเวลาซื้อขายเหมือนก่อน เพราะมีงานประจำ แต่สมัยก่อนเขาถือเป็นนักลงทุนที่ใช้ได้
ยกตัวอย่าง ลูกสาวคนโตวัย 29 ปี ขานี้สนใจตลาดหุ้นมาตั้งแต่สมัยศึกษาอยู่ในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตอนโน้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดอบรมเรื่องการลงทุน ซึ่งน้องสมัครแข่งขันด้วย ผลปรากฏว่า ได้คะแนนค่อนข้างดี เรียกว่า มีทักษะการลงทุนที่เยี่ยมมาก แต่ปัจจุบันไม่ได้ลงทุนจริงจัง ด้วยภาระหน้าที่ทำให้ไม่มีเวลา ลูกสาวคนโตเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโท ด้านกฎหมาย จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบปริญญาโท ด้านกฎหมาย อีก 2 ใบ จากมหาวิทยาลัย คิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และมหาวิทยาลัยจากประเทศออสเตรเลีย แน่นอนเขาอยากเป็นนักกฎหมาย ตอนเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้องอยู่ห้องคิงส์ ในห้องเรียนมีนักเรียนเลือกเรียนกฎหมายเพียง 2 คนเท่านั้น
เป้าหมายของลูกสาวคนโต คือ อยากเป็น ผู้พิพากษา แต่เมื่อปีกว่าที่ผ่านมา เขาแต่งงาน ทำให้ไม่สามารถทำตามฝันได้ ปัจจุบันน้องเป็นอาจารย์สอนคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นที่ปรึกษากฎหมายในเครือเซ็นทรัล
สำหรับลูกสาวคนกลางวัย 27 ปี ปัจจุบันลงทุนในตลาดหุ้นบ้าง ช่วงที่น้องเรียนปริญญาโท ด้าน MBA มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีโอกาสได้ลงทุนในดัชนีดาวโจนส์ วิธีการ คือ เขาจะวิเคราะห์พื้นฐาน เพื่อถือลงทุนระยะยาว ถือนานจนบางครั้งผมต้องเอ่ยปากแนะนำว่า "ขายได้แล้วมั้ง" (ยิ้ม)
"ที่ผ่านมาน้องชอบถือแต่หุ้นขนาดใหญ่ ลงทุนในตลาดหุ้นบ้าง ช่วงที่น้องเรียนปริญญาโท ด้าน MBA มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีโอกาสได้ลงทุนในดัชนีดาวโจนส์ วิธีการ คือ เขาจะวิเคราะห์พื้นฐาน เพื่อถือลงทุนระยะยาว ถือนานจนบางครั้งผมต้องเอ่ยปากแนะนำว่า "ขายได้แล้วมั้ง" (ยิ้ม)ครั้งหนึ่งเขาเคยได้กำไรหุ้น APPLE แต่เขา ไม่ได้เล่าว่า มีต้นทุนเท่าไหร่ และได้กำไรมาแล้วแค่ไหน"
เขา เล่าประวัติลูกคนกลางให้ฟังว่า ตอนที่เรียนจบปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีบริหารธุรกิจ หรือ BBA มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เขามีโอกาสเข้าไปทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาการลงทุน ทำได้ไม่นานก็ไปสอบชิงทุนเรียนต่อโทของธนาคารกสิกรไทย แต่กสิกรไทย ส่งไปรับทุนของเมืองไทยประกันชีวิต ปัจจุบันเขากลับมาใช้ทุนให้เมืองไทยประกันชีวิต ด้วยการนั่งตำแหน่งวางกลยุทธ์ประกัน น้องต้องใช้ทุนทั้งหมด 4 ปี ตอนนี้ทำงานไปแล้ว 1 ปีกว่า ล่าสุดกำลังจะย้ายไปประจำแผนกการลงทุน เพื่อบริหารพอร์ตให้เมืองไทยประกันชีวิต เพราะเขามีทักษะในการลงทุนค่อนข้างดี
ส่วนลูกชายคนเล็กวัย 25 ปี หลังเรียนจบปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี บริหารธุรกิจ หรือ BBA มหาวิทยาลัย อัสสัมชัน หรือ ABAC มีโอกาสเข้ามาทำงานในแผนก Wealth Management ของบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประมาณ 1 ปี
หน้าที่หลักคือ บริหารพอร์ตให้ ทำงานไปแล้ว 1 ปีกว่า ล่าสุดกำลังจะย้ายไปประจำแผนกการลงทุน เพื่อบริหารพอร์ตให้เมืองไทยประกันชีวิต เพราะเขามีทักษะในการลงทุนค่อนข้างดี
ส่วนลูกชายคนเล็กวัย 25 ปี หลังเรียนจบปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี บริหารธุรกิจ หรือ BBA มหาวิทยาลัย อัสสัมชัน หรือ ABAC มีโอกาสเข้ามาทำงานในแผนก Wealth Management ของบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประมาณ 1 ปี นักลงทุนรายใหญ่ แต่ตอนนี้น้องลาออกไปเรียนปริญญาโท สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาอยากออกไปแสวงหาความรู้เพิ่มเติม
ลูกทั้ง 3 คน ลงทุนในตลาดหุ้นมาตลอด เพียงแต่ไม่ได้จริงจัง สงสัยเห็นพ่อทำได้ดี อยู่แล้ว (ยิ้ม) ส่วนภรรยาที่มีอาชีพเป็นแม่บ้าน ปัจจุบันเปิดพอร์ตลงทุนที่บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) และบล.ฟิลลิป หลังๆ ตามข้อมูลน้อยลง แต่ฟังข้อมูลจากผมมากขึ้น
"แม้จะรับข้อมูลจากผม แต่ใช่ว่า ทุกคนจะเชื่อทุกอย่างที่พูด เพราะก่อนลงทุนเขามักนำข้อมูลไปกลั่นกรอง ก่อนเสมอ"
"ครอบครัวมักสอบถามเรื่องหุ้นกับผม แต่ก็ไม่ได้ตอบแบบไม่ลึกซึ้ง เพราะอยากให้ทุกคนมีวิธีการลงทุนและรอยเท้าเป็นของตัวเอง--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Monday, October 06, 2014 07:22
ชาลินี กุลแพทย์
เงินเก็บ "หลักหมื่นบาท" ที่ได้จากการช่วยครอบครัวทำงานเกี่ยวกับธุรกิจเครื่องครัวตราสามดาว และตราโลตัส ของ "นเรศ งามอภิชน" ถูกถอนออกจากแบงก์ในปี 2531 เพื่อนำมาลงทุนในตลาดหุ้น ตามคำเชื้อเชิญของเพื่อนนักเรียนนอก
ก่อนจะเป็น "เจ้าของพอร์ตหลักพันล้าน" มีห้อง VIP หมายเลข 121 ประจำ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นฐานบัญชาการ ชีวิตเก็งกำไรของ "นเรศ" เคยติดลบเข้าขั้นขาดทุนหนักเหลือเงินติดพอร์ตเพียง 5 ล้านบาท จากเดิมที่เคยมีพอร์ตสูงถึง "หลักร้อยล้าน"แม้วันนี้ "ชายวัย 56 ปี" จะมีคำนำหน้าว่า "เซียนหุ้นรายใหญ่" แต่เขาเลือกที่จะให้ภรรยาและลูกทั้ง 3 คน (ลูกสาว 2 คน ลูกชาย 1) เรียนรู้เรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นด้วยตนเอง โดย "นเรศ" จะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้แนะนำ เมื่อมีใครต้องการ
"นเรศ" เล่าให้ "กรุงเทพธุรกิจ Biz Week" ฟังว่า ที่ผ่านมาภรรยาและลูกๆ มีโอกาส ลงทุนในตลาดหุ้นแต่ไม่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่ คนในครอบครัวได้กำไรจากการลงทุน จะไม่ค่อยมาเล่าสู่กันฟังว่า ได้มาเท่าไหร่ เพราะทุกคนรู้ว่า ในสายของผมกำไรไม่ใช่เรื่องสำคัญมากกว่าวิธีคิด ที่ผ่านมาคนในครอบครัวมักสอบถามเรื่องหุ้นกับผม ในฐานะที่ลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อนหลายสิบปี แต่ผมก็ไม่ได้ตอบคำถามแบบไม่ลึกซึ้งมากนัก ที่สำคัญจะไม่ชี้นำเด็ดขาด เพราะอยากให้ทุกคนมีวิธีการลงทุนและรอยเท้าเป็นของตัวเอง ถือคติที่ว่า
"คนจะประสบความสำเร็จได้ต้องมาจากความสามารถเฉพาะตัว เรื่องแบบนี้สอนกันไม่ได้"
เขาเล่าว่า ภรรยาผมเป็นคนดวงดีลงทุนตัวไหนมักได้กำไร บางครั้งซื้อผิดตัวยังไม่ขาดทุน (หัวเราะ) ส่วนลูกๆ ทั้งสามคน แม้วันนี้ จะไม่ค่อยมีเวลาซื้อขายเหมือนก่อน เพราะมีงานประจำ แต่สมัยก่อนเขาถือเป็นนักลงทุนที่ใช้ได้
ยกตัวอย่าง ลูกสาวคนโตวัย 29 ปี ขานี้สนใจตลาดหุ้นมาตั้งแต่สมัยศึกษาอยู่ในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตอนโน้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดอบรมเรื่องการลงทุน ซึ่งน้องสมัครแข่งขันด้วย ผลปรากฏว่า ได้คะแนนค่อนข้างดี เรียกว่า มีทักษะการลงทุนที่เยี่ยมมาก แต่ปัจจุบันไม่ได้ลงทุนจริงจัง ด้วยภาระหน้าที่ทำให้ไม่มีเวลา ลูกสาวคนโตเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโท ด้านกฎหมาย จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบปริญญาโท ด้านกฎหมาย อีก 2 ใบ จากมหาวิทยาลัย คิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ และมหาวิทยาลัยจากประเทศออสเตรเลีย แน่นอนเขาอยากเป็นนักกฎหมาย ตอนเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้องอยู่ห้องคิงส์ ในห้องเรียนมีนักเรียนเลือกเรียนกฎหมายเพียง 2 คนเท่านั้น
เป้าหมายของลูกสาวคนโต คือ อยากเป็น ผู้พิพากษา แต่เมื่อปีกว่าที่ผ่านมา เขาแต่งงาน ทำให้ไม่สามารถทำตามฝันได้ ปัจจุบันน้องเป็นอาจารย์สอนคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นที่ปรึกษากฎหมายในเครือเซ็นทรัล
สำหรับลูกสาวคนกลางวัย 27 ปี ปัจจุบันลงทุนในตลาดหุ้นบ้าง ช่วงที่น้องเรียนปริญญาโท ด้าน MBA มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีโอกาสได้ลงทุนในดัชนีดาวโจนส์ วิธีการ คือ เขาจะวิเคราะห์พื้นฐาน เพื่อถือลงทุนระยะยาว ถือนานจนบางครั้งผมต้องเอ่ยปากแนะนำว่า "ขายได้แล้วมั้ง" (ยิ้ม)
"ที่ผ่านมาน้องชอบถือแต่หุ้นขนาดใหญ่ ลงทุนในตลาดหุ้นบ้าง ช่วงที่น้องเรียนปริญญาโท ด้าน MBA มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีโอกาสได้ลงทุนในดัชนีดาวโจนส์ วิธีการ คือ เขาจะวิเคราะห์พื้นฐาน เพื่อถือลงทุนระยะยาว ถือนานจนบางครั้งผมต้องเอ่ยปากแนะนำว่า "ขายได้แล้วมั้ง" (ยิ้ม)ครั้งหนึ่งเขาเคยได้กำไรหุ้น APPLE แต่เขา ไม่ได้เล่าว่า มีต้นทุนเท่าไหร่ และได้กำไรมาแล้วแค่ไหน"
เขา เล่าประวัติลูกคนกลางให้ฟังว่า ตอนที่เรียนจบปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีบริหารธุรกิจ หรือ BBA มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เขามีโอกาสเข้าไปทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาการลงทุน ทำได้ไม่นานก็ไปสอบชิงทุนเรียนต่อโทของธนาคารกสิกรไทย แต่กสิกรไทย ส่งไปรับทุนของเมืองไทยประกันชีวิต ปัจจุบันเขากลับมาใช้ทุนให้เมืองไทยประกันชีวิต ด้วยการนั่งตำแหน่งวางกลยุทธ์ประกัน น้องต้องใช้ทุนทั้งหมด 4 ปี ตอนนี้ทำงานไปแล้ว 1 ปีกว่า ล่าสุดกำลังจะย้ายไปประจำแผนกการลงทุน เพื่อบริหารพอร์ตให้เมืองไทยประกันชีวิต เพราะเขามีทักษะในการลงทุนค่อนข้างดี
ส่วนลูกชายคนเล็กวัย 25 ปี หลังเรียนจบปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี บริหารธุรกิจ หรือ BBA มหาวิทยาลัย อัสสัมชัน หรือ ABAC มีโอกาสเข้ามาทำงานในแผนก Wealth Management ของบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประมาณ 1 ปี
หน้าที่หลักคือ บริหารพอร์ตให้ ทำงานไปแล้ว 1 ปีกว่า ล่าสุดกำลังจะย้ายไปประจำแผนกการลงทุน เพื่อบริหารพอร์ตให้เมืองไทยประกันชีวิต เพราะเขามีทักษะในการลงทุนค่อนข้างดี
ส่วนลูกชายคนเล็กวัย 25 ปี หลังเรียนจบปริญญาตรี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี บริหารธุรกิจ หรือ BBA มหาวิทยาลัย อัสสัมชัน หรือ ABAC มีโอกาสเข้ามาทำงานในแผนก Wealth Management ของบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประมาณ 1 ปี นักลงทุนรายใหญ่ แต่ตอนนี้น้องลาออกไปเรียนปริญญาโท สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาอยากออกไปแสวงหาความรู้เพิ่มเติม
ลูกทั้ง 3 คน ลงทุนในตลาดหุ้นมาตลอด เพียงแต่ไม่ได้จริงจัง สงสัยเห็นพ่อทำได้ดี อยู่แล้ว (ยิ้ม) ส่วนภรรยาที่มีอาชีพเป็นแม่บ้าน ปัจจุบันเปิดพอร์ตลงทุนที่บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) และบล.ฟิลลิป หลังๆ ตามข้อมูลน้อยลง แต่ฟังข้อมูลจากผมมากขึ้น
"แม้จะรับข้อมูลจากผม แต่ใช่ว่า ทุกคนจะเชื่อทุกอย่างที่พูด เพราะก่อนลงทุนเขามักนำข้อมูลไปกลั่นกรอง ก่อนเสมอ"
"ครอบครัวมักสอบถามเรื่องหุ้นกับผม แต่ก็ไม่ได้ตอบแบบไม่ลึกซึ้ง เพราะอยากให้ทุกคนมีวิธีการลงทุนและรอยเท้าเป็นของตัวเอง--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ