Thai VI

ยกตัวอย่างตัวผมและกันนะครับ มีเวลาว่างเป็นต้องศึกษาเรื่องหุ้นตลอด เข้าขั้นติดมาก
ติดตามข่าว ติดตามพื้นฐาน งบการเงิน ฟังoppday อ่าน 56-1 อ่านหนังสือเกี่ยว
กะธุรกิจ โมเดลธุรกิจต่างๆ swot ท่องไปในโลก internet ทั้ง เวปศึกษาพื้นฐาน เทคนิค
กว่าจะได้นอนเที่ยงคืนไปแล้ว เวปไหนมีเนื้อหาน่าสนใจก็กอปไว้ แล้วก็หาต่อไปใหม่ พอเยอะๆ ก็ไปเอาเข้าเล่ม ไม่ว่าจะคำนวณมูลค่าหุ้น อ่านงบการเงิน dcf fcf ซื้อหนังสือทุกเล่มเกี่ยวกะการลงทุนมาอ่าน เล่นไหนหาไม่ได้ก้ไปหาถ่ายเอกสารมาเก็บไว้ ผมอยากลงทุนแบบชิวๆ มันชักจะเยอะไปแล้วอะครับ สำหรับชีวิต
ที่ว่ามาเนี่ยทำมา 4 ปี แล้วนะครับ จะหยุดก็ไม่ได้มันเสพติดแล้ว
ยาวไปนิดนะครับ
รบกวนแนะนำด้วยครับ มีวิธีให้เพลาๆ เรื่องการลงทุนหุ้นบ้างไหมครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

มีพี่ที่ผมนับถือเป็นระดับอาจารย์คนนึงไปoppday แทบจะทุกไตรมาส ทุกวัน เกือบทุกตัว ถ้าตัวไหนไม่ได้ฟังบางทีเค้าก็จะกลับมาดูที่บ้าน ทำอย่างนี้มาหลายปีติดต่อกัน

แต่เค้าไปนั่งทำไรรู้มั้ยครับ ไปนั่งเล่นเกมบ้าง เล่นเนทนู่นนี่นั่นบ้าง ฟังก็ดูเหมือนไม่ได้จะตั้งใจฟังเท่าพวกที่นั่งหน้าๆคอยถามคำถามดีๆเกือบทุกบริษัท

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเค้าอยู่มาทุกoppday เค้าเล่าให้ผมฟังว่าพวกที่ถามคำถามดีๆเก่งๆเหมือนจะเป็นคำสาปหรืออะไรก็ไม่รู้ ที่จู่ๆก็จะหายจากoppdayไป ไม่มาอีกเลย คืิอก็เป็นไปได้ว่าเค้าอาจจะดูถ่ายทอดInternet,รวยแล้วเลิก,ไปcompany visitแทน หรืออะไรก็แล้วแต่อันนี้ผมไม่มีทางรู้ได้ แต่ผมก็มาคิดดูที่พี่เค้าพูดแล้วเข้าใจเองว่า การลงทุนมันเป็นเกมระยะยาว ถ้าวิ่งก็คือวิ่งมาราธอน ถ้าวิ่งไปเรื่อยๆเดินบ้างคลานบ้างนั่งบ้าง สุดท้ายก็จะไปไกลกว่าพวกที่พยายามวิ่งด้วยความเร็วแบบวิ่ง100เมตรตลอดเวลา เพราะถ้าวิ่งด้วยความเร็วแบบนั้นสุดท้ายก็จะเหนื่อยและหยุดแพ้ภัยตัวเองหายจากลู่วิ่งไปเฉยๆ ...

พี่ลองกำมือแน่นๆแบบไม่แบดู จะรู้ว่ากำแน่นๆตลอดจะทำได้ไม่นาน

กำหลวมๆพักบ้าง แบมือบ้าง สบายกว่ากันเยอะครับ

ผมขอยกเคสของตัวผมนะครับ ผมจะตั้งเป้าหมายในชีวิตอยู่ 6 ด้าน(ตามโค้ชผมสอน)
คือ 1)ด้านครอบครัว เช่น วางแผนไปเที่ยวปีละ 2 ครั้ง
2)ด้านสุขภาพ เช่น ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 2-3 วัน
3)ด้านหน้าที่การงาน เช่น พัฒนาธุรกิจที่บ้าน,สร้างธุรกิจตัวเอง 1 ธุรกิจ
4)ด้านการเงิน เช่น ตั้งเป้าจำนวนเงินเก็บในสิ้นปี
5)ด้านพัฒนาตนเอง เช่น เรียนขับรถ,เรียนภาษาเพิ่มเติม
6)ด้านสังคม เช่น บริจาคเงินเข้าวัด มูลนิธิ,ไปทำงานจิตอาสา

ผมวางเป้าหมายทั้ง 6 ด้าน ในแต่ละปีครับ แล้วก็วางแผนทำให้สำเร็จในทุกๆด้าน
เราก็จะไม่ได้หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องหุ้นเรื่องเดียว เพราะชีวิตยังมีด้านอื่นๆให้เรียนรู้
และสนุกไปกับมันอีกเพียบครับ...^^)

ขอบคุณครับผม ดีๆ ทั้งนั้นเลย

โค๊ช คุณ plant รู้เลยว่าใคร ผมก็ติดตาม post คุณ plant ครับ ^•^ /|\

ผมว่าผมก็ฟิตแบบนั้นประมาณ 7-8 ปีครับ พอปีที่ 9 ก็แผ่ว ปีที่ 10 ก็ขี้เกียจขึ้นอีก เข้าปีที่ 11 นี่หุันที่ถืออยู่ยังไม่อยากเปิดงบดูเลยครับ

แต่ผมว่าถ้าทำแล้ว ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วเราเองก็มีความสุข ก็ไม่ต้องเหยียบเบรกก็ได้นะครับ นอกจากว่ามันไปเบียดบังชีวิตส่วนอื่นมาก จนเดือดร้อนคนรอบข้างก็คงต้องพยายามละครับ

ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครับ เดี๋ยวก็ชิน
ขนาด ดร.แกยังบอกเลยว่าหลังๆก็ขี้เกียจขึ้นเยอะ เดี๋ยวก็เหมือนกัน

จักรยานดีๆสักคันคับ สนุกกว่าการติดตามหุ้นเป็นไหนๆ
วิเคราะห์แล้วซื้อแล้ว หมดหน้าที่แล้วผมแล้ว สุขภาพที่ดี
หาซื้อไม่ได้จริงๆครับ

ไม่ผิดอะไรหรอกครัชชช แหม่ สนุกออก
เรามุ่งมั่นจริงจัง กับสิ่งที่เราชอบ ดีกว่าไปทำเรื่องไร้สาระ ถ้าคุณมีหุ้นในหัว เข้าใจหลายๆบริษัทอย่างทะลุ
เมื่อวันที่มันตกลงมา จากอะไรก็ไม่รู้ คุณจะกล้าลุย เหตุการณ์สำคัญเกิดไม่บ่อยครับ
ข้อมูลเรามาก การตัดสินใจโอกาสผิดพลาดจะน้อย

หนังสือแนว vi ผมบอกตามตรงนะครับ ทุกเล่มเหมือนๆกันหมดแหละ
อ่านของพี่เว็บ กับ อาจารย์นิเวศน์ เล่ม 2 เล่มก็พอครับ เอาเวลาไปเดินห้าง ดูหนัง ช้อปปิ้ง
ท่องเที่ยวให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันสำคัญกว่าตำราเป็นไหนๆ เชื่อสิ
ทุกคนรู้ว่ากิจการไหนดี จากการไปสัมผัสของจริง ได้ลูบ ได้คลำ
Common sence สำคัญที่สุด อย่าไปยึดติดทฤษฎีมาก


ฝากข้อคิดไว้นิสนึงนะครับ
ชีวิตคนเรามันแสนสั้น บริหารจัดการดีๆ ไม่ว่าเด็ก หรือ แก่ คุณมีสิทธิตายได้ตลอดเวลา
แนวทาง vi คุณรวยทุกคน ถ้าลงทุนแนวทางนี้ ประเด็นคือห้ามตายเร็ว
มีเวลาลงทุนให้ทบต้นเกิดนานที่สุด
การให้ อันนี้สำคัญมาก ชีวิตเราสบาย มีความสุข มีข้าวกิน มีเงินลงทุน
ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสแบบพวกเราเลย
คนเราจะมีค่าขึ้นอีกเยอะมากครับ ถ้าเรารู้จักให้ รู้จักแบ่งปัน
การให้ทุกอย่างสำคัญหมดครับ ไม่ใช่แค่เงิน หรือการบริจาค การให้ที่ยิ่งใหญ่คือให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน
คนเราตายไปเงินบาทนึงก็เอาไปไม่ได้นะครับ แต่คุณฝากความดีให้คนระลึกถึงได้ครัชชช

ขอบคุณหลายๆ ครับ

หลักการและแนวคิด vi หนังสือแทบทุกเล่มเหมือนกันหมดจริงๆ

เรียนยิงธนูกับ ดร วรภัทร์ ภู่เจริญ ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=U1Y3tVEJX_s

ลองใช้วิธีแบบผมดูก็ได้ครับ

ปกติผมจะใช้แอพตั้งให้เตือนว่าในแต่ละวันจะต้องทำอะไรบ้าง
เช่น เล่นฟิตเนส, อ่านหนังสืออ่านเล่น, ซ้อมดนตรี, ฝึกภาษาอังกฤษ
แล้วเราก็ตั้งเวลาเตือนคร่าวๆให้แต่ละอย่าง เช่น 19:00 เล่นฟิตเนส, 21:00 อ่านหนังสือ... อะไรประมาณนี้

ถ้าเราทำอะไรอย่างอื่นอยู่ พอถึงเวลามันก็จะเตือนขึ้นมา เราก็จะได้ฉุกคิดได้ไปทำอย่างอื่นตามที่ตั้งไว้
ทำเสร็จมันจะมีให้ติ๊กว่า ทำแล้วนะ
แต่ถ้าเราขี้เกียจ ลืมไปเลย เราก็ไม่ต้องติ๊ก
สุดท้ายมันจะมีให้ดูกราฟได้ว่า ที่ผ่านมาแต่ละวันเราตั้งเป้าจะทำอะไรบ้าง แล้วทำได้ครบตามนั้นแค่ไหน

ถ้าช่วงไหนกราฟนอนราบต่ำตลอดเลย แปลว่าเราขี้เกียจเกินไปแล้วครับ

ของผม ออกกำลังกายโดยการวิ่ง ปั่นจักรยาน ดูหนังฟังเพลง ปลูกต้นไม้ ก็ได้ความรู้ในแต่ละด้านไปใช้ในการลงทุนเหมือนกัน ครับ

ผมดูหนัง ดูซีรี่ย์ครับ
นอกจากจะบันเทิงแล้ว บางทียังได้ข้อคิด เผลอๆบางเรื่องเราอาจจะเห็นหรือได้ไอเดียในการลงทุนด้วยครับ

ปฏิบัติธรรมครับ วิปัสสนากรรมฐานหากปฏิบัติอย่างถูกต้อง จะทำให้เราเดินเข้าสู่ทางสายกลาง ลดละความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ ให้น้อยลงเบาลง จะฉลาดในการเร่งความเพียรในยามที่ควรเร่ง ชะลอความเร็ว แตะเบรกในยามที่ควรลดความเร็ว ชีวิตจะเข้าสู่ความสมดุลขึ้น ไม่ตึงหรือหย่อน เกินไป

อันนี้ในกรณีที่ปฏิบัติถูกนะครับ ถ้าผิดอาจทำให้ชีวิตแย่ลงได้

chutvi เขียน:ยกตัวอย่างตัวผมและกันนะครับ มีเวลาว่างเป็นต้องศึกษาเรื่องหุ้นตลอด เข้าขั้นติดมาก
ติดตามข่าว ติดตามพื้นฐาน งบการเงิน ฟังoppday อ่าน 56-1 อ่านหนังสือเกี่ยว
กะธุรกิจ โมเดลธุรกิจต่างๆ swot ท่องไปในโลก internet ทั้ง เวปศึกษาพื้นฐาน เทคนิค
กว่าจะได้นอนเที่ยงคืนไปแล้ว เวปไหนมีเนื้อหาน่าสนใจก็กอปไว้ แล้วก็หาต่อไปใหม่ พอเยอะๆ ก็ไปเอาเข้าเล่ม ไม่ว่าจะคำนวณมูลค่าหุ้น อ่านงบการเงิน dcf fcf ซื้อหนังสือทุกเล่มเกี่ยวกะการลงทุนมาอ่าน เล่นไหนหาไม่ได้ก้ไปหาถ่ายเอกสารมาเก็บไว้ ผมอยากลงทุนแบบชิวๆ มันชักจะเยอะไปแล้วอะครับ สำหรับชีวิต
ที่ว่ามาเนี่ยทำมา 4 ปี แล้วนะครับ จะหยุดก็ไม่ได้มันเสพติดแล้ว
ยาวไปนิดนะครับ
รบกวนแนะนำด้วยครับ มีวิธีให้เพลาๆ เรื่องการลงทุนหุ้นบ้างไหมครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

หากคิดว่าเยอะไป แสดงว่าเริ่มมีสติแล้วครับ ตัวท่านเองคงมีคำตอบในใจแล้วหละ ลองเอาคำตอบออกมาปฏิบัติดูครับ

"ลงทุนอย่างมีความสูข ใช้ชีวิตให้สมดูล" นั่นคือเป้าหมายที่แท้จริงครับ ไม่ใช่ตัวเลขครับ

ลองกำหนดเวลาในการใช้เวลากับมันดูครับ

ระยะเริ่มต้น ใส่เวลาลงไปเยอะหน่อย ให้เรารู้การลงทุนในภาพกว้าง
พอเหมือนพี่โยโย่ 11 ปีแล้วค่อยลดลง แต่สินทรัพย์มหาศาลไปแล้ว

5 ปีแรก ทะลุกฎ 10,000 ชั่วโมงไปเลยครับ
หลังจากนั้นค่อยใช้ชีวิตตามสบาย ผมว่าคุ้มนะ

chutvi เขียน:หลักการและแนวคิด vi หนังสือแทบทุกเล่มเหมือนกันหมดจริงๆ

มันก็มีส่วนนะครับ แต่สำหรับผมในระหว่างลงทุน บางครั้งย้อนกลับไปอ่านหนังสือเล่มเดิมๆ ก็ได้มุมมองใหม่ๆนะครับ

Plant เขียน:ผมขอยกเคสของตัวผมนะครับ ผมจะตั้งเป้าหมายในชีวิตอยู่ 6 ด้าน(ตามโค้ชผมสอน)
คือ 1)ด้านครอบครัว เช่น วางแผนไปเที่ยวปีละ 2 ครั้ง
2)ด้านสุขภาพ เช่น ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 2-3 วัน
3)ด้านหน้าที่การงาน เช่น พัฒนาธุรกิจที่บ้าน,สร้างธุรกิจตัวเอง 1 ธุรกิจ
4)ด้านการเงิน เช่น ตั้งเป้าจำนวนเงินเก็บในสิ้นปี
5)ด้านพัฒนาตนเอง เช่น เรียนขับรถ,เรียนภาษาเพิ่มเติม
6)ด้านสังคม เช่น บริจาคเงินเข้าวัด มูลนิธิ,ไปทำงานจิตอาสา

ผมวางเป้าหมายทั้ง 6 ด้าน ในแต่ละปีครับ แล้วก็วางแผนทำให้สำเร็จในทุกๆด้าน
เราก็จะไม่ได้หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องหุ้นเรื่องเดียว เพราะชีวิตยังมีด้านอื่นๆให้เรียนรู้
และสนุกไปกับมันอีกเพียบครับ...^^)

ขอเอาไปใช้มั่งครับ

iddqd เขียน:
ขอเอาไปใช้มั่งครับ

แนะนำเพิ่มเติมครับ เป้าหมายที่เราตั้งไว้จะแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ
1)เป้าหมายที่ต้องใช้เงิน และ
2)เป้าหมายที่ไม่ต้องใช้เงิน

เป้าหมายที่ต้องใช้เงิน จะมาดูต่อว่าเราจะต้องใช้เงินเท่าไร แล้วจะหา
เงินนั้นมาจากไหน จากการเก็บออม หรือจากการลงทุน

ส่วนเป้าหมายที่ไม่ต้งใช้เงินนั้น......จะรออะไรอยู่หละครับ....^^)