อู๊ดกับแอ๊ด.....เป็นเพื่อนกัน / คนขายของ
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 08, 2014 12:08 pm
อู๊ดกับแอ๊ด เป็นเพื่อนกัน/ โดย คนขายของ
สมมุติว่าคุณมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่ออู๊ด อู๊ดนี่…รู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก บ้านขายก๋วยเตี๋ยว พอเติบใหญ่ก็ยังคบหากันอยู่ ก็ได้ข่าวมาว่าอู๊ดต้องรับกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวต่อจากพ่อ ร้านก๋วยเตี๋ยวของอู๊ดเป็นที่ขึ้นชื่อว่า เส้นนุ่ม หมูหวาน น้ำซุปกลมกล่อม อู๊ดเรียนรู้ทุกอย่าง เกี่ยวกับร้านก๋วยเตี๋ยวของบิดา ก่อนรับช่วงต่อมาได้ช่วยงานที่ร้านอยู่หลายปี พอรับช่วงต่อมา ก็บริหารร้านได้ดี เปิดสาขาออกไปเป็นจำนวนมาก แต่อยู่มาวันหนึ่ง อู๊ดนัดเพื่อนๆสมัยเรียน ซึ่งในนั้นมีคุณรวมอยู่ด้วย เพื่อจะประกาศแก่ทุกคนว่า ตั้งแต่วันนี้อู๊ดจะหยุด ขยายสาขาก๋วยเตี๋ยวแล้วจะหันไปทำธุรกิจสวนลำไย เพราะตอนนี้อู๊ดได้ข่าวมาว่ารัฐบาล จะให้เงินสนับสนุนสวนลำไยไร่ละ 50,000 บาท อู๊ดนั้นเป็นที่รู้จักของเพื่อนๆตลอดมาว่า มือจับแต่ที่ลวกก๋วยเตี๋ยว จอบเสียมไม่เคยแตะ หน้าขาวปานหยวกกล้วย แดดไม่เคยโดน คุณลองจินตนาการดูครับว่า หลังจากอู๊ดประกาศข่าวนี้กับเพื่อนๆ เพื่อนๆทั้งหลายจะพูดกับอู๊ด ว่าอย่างไร? คำถามแรกที่อู๊ดจะได้รับจากเพื่อนๆนั้นจะเป็นแนวไหน? จะมีใครสนใจ ร่วมหุ้นสวนลำไยกับอู๊ดไหม?
แอ๊ด เป็นเพื่อนอีกคนในกลุ่มเหมือนกัน เป็นที่รู้กันว่าบ้านแอ๊ดพ่อแม่รับราชการ ฐานะปานกลาง พออยู่กันได้สบาย แอ๊ดจบมาก็เริ่มทำงานบริษัทเอกชนทำห้างสรรพสินค้า ทำได้หลายปี จนมีความชำนาญ เกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีก เรียกว่าอยู่มาทุกแผนก มาถึงตอนนี้อายุประมาณ 35 มีเงินเก็บ 5,000,000 บาท แอ๊ดชวนเพื่อนๆมากินข้าวพร้อมกันและประกาศ ข่าวคล้ายๆ กับที่อู๊ดเคยทำคือ แอ๊ดจะออกจากงานและมาเปิดบริษัทของตัวเองทำซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อนๆต่างสนใจเพราะแอ๊ดมีประสบการณ์ยาวนาน ถามถึงแผนงานของแอ๊ด แอ๊ดบอกว่า บริษัทจะมีทุนจดทะเบียน 5ล้านบาท เริ่มลงทุนห้างเปิดทีเดียว 5 จังหวัด น่าจะใช้เงินประมาณ 100ล้านบาท เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทอีก 20 ล้าน รวมๆต้องการเงิน 120 ล้าน แอ๊ดบอกว่า ไปกู้ธนาคาร ธนาคารไม่ยอมปล่อยกู้ ธนาคารว่าแอ๊ดลงทุนเกินตัวไป เลยว่าจะมาชวน เพื่อนๆลงทุน คุณว่าในกรณีนี้เพื่อนๆจะถามแอ๊ดว่าอย่างไร? คุณว่าเพื่อนๆจะร่วมลงทุนกับแอ๊ดไหม?
การลงทุนในตลาดหุ้นเราจะเห็นกรณีคล้ายๆกันแบบนี้มากมาย เพียงแต่เปลี่ยนจากเพื่อนที่คุ้นเคย เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียน
สำหรับกรณีของ “อู๊ด” นักลงทุนต้องถามบริษัทที่ตัวเองสนใจว่าบริษัทนั้นมีความสามารถ ในการแข่งขันพอที่จะเข้าไปในธุรกิจใหม่หรือเปล่า? บุคคลากรจะหามาจากไหน? และ จะเชื่อได้อย่างไรว่าจะประสบความสำเร็จ บริษัทจะใช้กลยุทธ์อะไรในการทำตลาด? ไม่ใช่เห็นแต่หัวข้อข่าวที่สวยหรูพร้อมตัวเลขประเมินรายได้และกำไรที่จะทำได้ในอนาคตก็
ตัดสินใจร่วมลงทุนกับเขาเสียแล้ว
สำหรับกรณี “แอ๊ด” ก็คงคล้ายๆกับบางบริษัทที่มีแผนลงทุนเกินตัว กำไรปีละ 100ล้าน มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแค่ 50ล้าน หนี้สินต่อทุนก็เกินหนึ่งเท่าแล้ว แต่จะลงทุน 1000ล้าน เราคงต้องถามผู้บริหารก่อนว่าแล้วท่านจะเอาเงินมาจากไหน มีแผนทางด้าน Finance อย่างไร ไม่ใช่แค่เห็นการประเมินตัวเลขกำไรแล้วจะเหมาว่าบริษัทจะเจิดจรัสในอนาคต
ในตลาดหุ้นนั้นผมเชื่อเสมอว่า นักลงทุนไม่ควรเชื่ออะไรง่ายเกินไป ตลาดหุ้นมีเรื่องผลประโยชน์ มาเกี่ยวข้องมากมาย และที่ใดมีผลประโยชน์ ที่นั้นย่อมมีความซับซ้อน ซึ่งก็มีอีกหลายกรณี ดังเช่นที่ผมเคยเขียนเรื่องที่เคยเกิดกับตัวเองในบทความชื่อ “ดี-เกิน-ไป” ด้วยรักและห่วงใย เพราะเชื่อว่าหลังจากตลาดขึ้นมาพอสมควร ตอนนี้คงมีนักลงทุนหน้าใหม่ๆมากมายที่ ฝันหวานว่าจะทำกำไรง่ายๆในตลาดหุ้นโดยไม่ไตร่ตรองข้อมูลข่าวสารให้ดีเสียก่อน
สมมุติว่าคุณมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่ออู๊ด อู๊ดนี่…รู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็ก บ้านขายก๋วยเตี๋ยว พอเติบใหญ่ก็ยังคบหากันอยู่ ก็ได้ข่าวมาว่าอู๊ดต้องรับกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวต่อจากพ่อ ร้านก๋วยเตี๋ยวของอู๊ดเป็นที่ขึ้นชื่อว่า เส้นนุ่ม หมูหวาน น้ำซุปกลมกล่อม อู๊ดเรียนรู้ทุกอย่าง เกี่ยวกับร้านก๋วยเตี๋ยวของบิดา ก่อนรับช่วงต่อมาได้ช่วยงานที่ร้านอยู่หลายปี พอรับช่วงต่อมา ก็บริหารร้านได้ดี เปิดสาขาออกไปเป็นจำนวนมาก แต่อยู่มาวันหนึ่ง อู๊ดนัดเพื่อนๆสมัยเรียน ซึ่งในนั้นมีคุณรวมอยู่ด้วย เพื่อจะประกาศแก่ทุกคนว่า ตั้งแต่วันนี้อู๊ดจะหยุด ขยายสาขาก๋วยเตี๋ยวแล้วจะหันไปทำธุรกิจสวนลำไย เพราะตอนนี้อู๊ดได้ข่าวมาว่ารัฐบาล จะให้เงินสนับสนุนสวนลำไยไร่ละ 50,000 บาท อู๊ดนั้นเป็นที่รู้จักของเพื่อนๆตลอดมาว่า มือจับแต่ที่ลวกก๋วยเตี๋ยว จอบเสียมไม่เคยแตะ หน้าขาวปานหยวกกล้วย แดดไม่เคยโดน คุณลองจินตนาการดูครับว่า หลังจากอู๊ดประกาศข่าวนี้กับเพื่อนๆ เพื่อนๆทั้งหลายจะพูดกับอู๊ด ว่าอย่างไร? คำถามแรกที่อู๊ดจะได้รับจากเพื่อนๆนั้นจะเป็นแนวไหน? จะมีใครสนใจ ร่วมหุ้นสวนลำไยกับอู๊ดไหม?
แอ๊ด เป็นเพื่อนอีกคนในกลุ่มเหมือนกัน เป็นที่รู้กันว่าบ้านแอ๊ดพ่อแม่รับราชการ ฐานะปานกลาง พออยู่กันได้สบาย แอ๊ดจบมาก็เริ่มทำงานบริษัทเอกชนทำห้างสรรพสินค้า ทำได้หลายปี จนมีความชำนาญ เกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีก เรียกว่าอยู่มาทุกแผนก มาถึงตอนนี้อายุประมาณ 35 มีเงินเก็บ 5,000,000 บาท แอ๊ดชวนเพื่อนๆมากินข้าวพร้อมกันและประกาศ ข่าวคล้ายๆ กับที่อู๊ดเคยทำคือ แอ๊ดจะออกจากงานและมาเปิดบริษัทของตัวเองทำซุปเปอร์มาร์เก็ต เพื่อนๆต่างสนใจเพราะแอ๊ดมีประสบการณ์ยาวนาน ถามถึงแผนงานของแอ๊ด แอ๊ดบอกว่า บริษัทจะมีทุนจดทะเบียน 5ล้านบาท เริ่มลงทุนห้างเปิดทีเดียว 5 จังหวัด น่าจะใช้เงินประมาณ 100ล้านบาท เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทอีก 20 ล้าน รวมๆต้องการเงิน 120 ล้าน แอ๊ดบอกว่า ไปกู้ธนาคาร ธนาคารไม่ยอมปล่อยกู้ ธนาคารว่าแอ๊ดลงทุนเกินตัวไป เลยว่าจะมาชวน เพื่อนๆลงทุน คุณว่าในกรณีนี้เพื่อนๆจะถามแอ๊ดว่าอย่างไร? คุณว่าเพื่อนๆจะร่วมลงทุนกับแอ๊ดไหม?
การลงทุนในตลาดหุ้นเราจะเห็นกรณีคล้ายๆกันแบบนี้มากมาย เพียงแต่เปลี่ยนจากเพื่อนที่คุ้นเคย เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียน
สำหรับกรณีของ “อู๊ด” นักลงทุนต้องถามบริษัทที่ตัวเองสนใจว่าบริษัทนั้นมีความสามารถ ในการแข่งขันพอที่จะเข้าไปในธุรกิจใหม่หรือเปล่า? บุคคลากรจะหามาจากไหน? และ จะเชื่อได้อย่างไรว่าจะประสบความสำเร็จ บริษัทจะใช้กลยุทธ์อะไรในการทำตลาด? ไม่ใช่เห็นแต่หัวข้อข่าวที่สวยหรูพร้อมตัวเลขประเมินรายได้และกำไรที่จะทำได้ในอนาคตก็
ตัดสินใจร่วมลงทุนกับเขาเสียแล้ว
สำหรับกรณี “แอ๊ด” ก็คงคล้ายๆกับบางบริษัทที่มีแผนลงทุนเกินตัว กำไรปีละ 100ล้าน มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแค่ 50ล้าน หนี้สินต่อทุนก็เกินหนึ่งเท่าแล้ว แต่จะลงทุน 1000ล้าน เราคงต้องถามผู้บริหารก่อนว่าแล้วท่านจะเอาเงินมาจากไหน มีแผนทางด้าน Finance อย่างไร ไม่ใช่แค่เห็นการประเมินตัวเลขกำไรแล้วจะเหมาว่าบริษัทจะเจิดจรัสในอนาคต
ในตลาดหุ้นนั้นผมเชื่อเสมอว่า นักลงทุนไม่ควรเชื่ออะไรง่ายเกินไป ตลาดหุ้นมีเรื่องผลประโยชน์ มาเกี่ยวข้องมากมาย และที่ใดมีผลประโยชน์ ที่นั้นย่อมมีความซับซ้อน ซึ่งก็มีอีกหลายกรณี ดังเช่นที่ผมเคยเขียนเรื่องที่เคยเกิดกับตัวเองในบทความชื่อ “ดี-เกิน-ไป” ด้วยรักและห่วงใย เพราะเชื่อว่าหลังจากตลาดขึ้นมาพอสมควร ตอนนี้คงมีนักลงทุนหน้าใหม่ๆมากมายที่ ฝันหวานว่าจะทำกำไรง่ายๆในตลาดหุ้นโดยไม่ไตร่ตรองข้อมูลข่าวสารให้ดีเสียก่อน
