Thai VI

โบรกหลายๆ โบรกมักจะให้ราคาเป้าหมายโดยดูจาก pe ของกลุ่ม
ที่เห็นได้ชัดก็จะเป็นกลุ่มบันเทิง ที่มันจะให้เห้นผลกันว่าเป็นกลุ่มที่เติบโตสูง
ถ้าดูจากผลประกอบการที่ออกมา ผมกลับไม่รู้สึกเลยว่าหุ้นที่ pe จะทำผลงานได้อย่างที่หลายคนหวังไว้เท่าไหร่ .. BEC ก็ทรงๆ RS ก็ ยังขาดทุน
CP7-11 ก็ยังคงที่ .... MACO ก็เรื่อยๆ ในขณะที่หุ้น pe ต่ำๆหลายตัวกลับทำผลงานได้ดีเกินคาด
อย่างที่โดดเด่นขึ้นมาเลยตอนนี้ก็ metco
ใครว่า pe สูงคือหุ้น growth ... ต้องคิดดูใหม่แล้วครับ

เห็นด้วยครับ ไม่มีหุ้นตัวไหนจะเป็นหุ้นโตเร็วไปได้ตลอด ตลาดน่าจะปรับราคาพวกที่เคยโตเร็ว ให้มาอยู่ในระดับเดียวกับสถานะที่เปลี่ยนไปด้วย

เป็นขอผิดพลาดที่ใช้ค่า pe ในการคิดครับเพราะมันจะเบี่ยงเบนไปตามกำไรที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี pe ที่มาร์ใช้จึงเป็นในลักษณะ ernning momentum ไม่สามารถนำมาเป็นตัวที่บอก growth ได้ครับและกำไรไม่ใช่เลขเลขาคณิตที่จะเป็นเส้นตรงครับขึ้นอยู่กับ supply&demand curve ว่าปัจจุบันอยู่ที่จุดไหนมากกว่า ส่วน RS หลังจากที่ประกาศว่าจะทำธุระกิจหนังผมก็เลิกสนใจในหุ้นตัวนี้ไปเลย....ใช้ให้เป็นประโยชน์ได้นะครับ ERNNING MOMENTUM

ผมใช้ค่า พีอี พีบี เงินปันผล ประกอบการตัดสินใจซื้อหุ้นในขณะนี แต่ก่อนก็
อ่านบทวิเคราะห์ หุ้นบางอุตสาหกรรม มีค่า พีอี สูง แต่ยังคงให้คำแนะนำว่า
"ซื้อ" ผลที่ได้ก็คือ ติดดอย โดยส่วนตัว ก็ยังคงเห็นว่าเป็นหุ้นที่ดีอยู่ แต่ว่า
เราซื้อตอนมันแพง คือ มีค่า พีอี พีบี ที่สูง เช่น กลุ่มบันเทิง

ขึ้นอยู่กับว่าเอา E ไหนมาใช้ครับ

ในเมืองไทยนิยมใช้ E ของปีที่แล้วบ้าง E ของไตรมาส 1 คูณ 4
บ้าง ซึ่งผมว่ามันไม่เหมาะ

บางโบร๊กก็ใช้ E ของปีหน้า ก็เดากันไปครับ

โบร๊กฝรั่งส่วนใหญ่จะใช้ rolling EPS ครับ คือ E ของ 4 ไตรมาส
ย้อนหลัง นี่ก็ดีกว่า E ของปีที่แล้วแน่ๆ

บางโบร๊กจะใช้ 2 E เก่า + 2 E ที่คาดคะเน หรือ 3 E เก่า บวก
1 E ใหม่ ก็ยังดีกว่าเดาหมด

แต่ที่แน่ๆ บริษัทไหนที่ทำ E ได้มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
กันทุกครั้งหรือเกือบทุกครั้ง ดีแน่นอนครับ

ในเรื่อง Earning ผมคิดว่า เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดย การดูผลประกอบการย้อนหลังไป ห้า หรือ ิสิบปี ดูว่า มีกำไรโตขึ้น (ไม่ต้องมาก) แต่สม่ำเสมอหรือไม่ แล้วดูกิจการว่าเป็นผู้นำตลาด มีป้อมค่ายคูเมืองแข็งแกร่งหรือไม่

หลักการValue Investment ทุกข้อ ผมคิดว่าทุกคนทราบกันดี เพียงแต่การนำมาใช้ และ เวลาที่จะต้องตัดสินใจลงทุนนั้น ใครจะ "นำมาใช้" ได้อย่างมี "ประสิทธิภาพ" มากกว่ากัน ที่สำคัญ เวลาเราเลือกหุ้น เรามักจะมี bias ที่จะชอบหุ้นที่ "มีโอกาส" วิ่งขึ้นเร็วกว่า ดังนั้น จึงอาจจะละเลยหรือ ไม่สนใจหลักการหรือ แนวทางที่เราวางแผนไว้ทีแรก

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเคยถามคุณฉัตรชัย ว่า คุณฉัตรชัย ซื้อหุ้นก่อนหรือหลังงบการเงินประกาศแล้ว คุณฉัตรชัยบอกว่า ไม่ค่อยจะรองบการเงินออกก่อนซื้อ เพราะ มั่นใจในการวิเคราะห์ของตัวเองดีแล้ว แต่การที่จะ "มั่นใจ" การวิเคราะห์ได้ต้องหาข้อมูล และ ทำการบ้าน "อย่างหนัก" และ ประสบความสำเร็จ พอสมควรแล้ว จึงจะมีความมั่นใจและ รู้ "แนวทาง" ได้

ขอให้เพื่อนๆ ตัดสินใจ โดย "ประยุกต์" เอาหลักการแนวทางใดๆ ก็ได้ ที่เพื่อนๆ ได้ "ศึกษามาอย่างดี" ผมคิดว่า สิ่งนั้นจะทำให้เพื่อนๆ ประสบความสำเร็จครับ

ผมว่า อย่าไปเชื่อมากเลย โบรกเกอ วิเคราะเนี่ย ผมแค่ใช้ ข้อมูลดิบ พวก สำภาษ ผู้บริหาร คาดการ ผลการดำเนินงาน ไรงี้ เท่านั้น เพราะเค้า ใกล้ชิดกว่า เรา แต่ จะซื้อหรือไม่อีกเรื่องนึง เห็นโบรกหลายคนแนะนำกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ โต สูง ในอนาคตนี้ ผมว่าอย่า ไปเชื่อ ไม่งั้น พวกนี้คงรวย มากไปแร้วอิอิ