หุ้นท่องเที่ยว/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1593
ผู้ติดตาม: 2

หุ้นท่องเที่ยว/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

โลกในมุมมองของ Value Investor        5 เมษายน 57
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หุ้นท่องเที่ยว

	การท่องเที่ยวดูเหมือนว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่โตต่อเนื่องระยะยาวเป็นเมกาเทรนด์มานานมาก  แม้แต่ในยามที่ประเทศไทยมีปัญหาทางการเมืองรุนแรงและยาวนานกว่า 5-6 เดือน อย่างช่วงเร็ว ๆ นี้  การท่องเที่ยวก็ยังคงเติบโตได้ไม่ชะงักเหมือนกับธุรกิจอย่างอื่นทั้ง ๆ  ที่การท่องเที่ยวน่าจะถูก  “ผลกระทบ”  มากกว่า   เหตุผลที่การท่องเที่ยวเติบโตมาตลอดนั้นผมคิดว่ามีสาเหตุหลายประการนั่นคือ  ข้อแรก  การท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมที่อาจจะพูดได้ว่า  “ฝังอยู่ในยีนส์ของมนุษย์”  นั่นก็คือ  มนุษย์ที่อยู่รอดมาได้ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จนถึงปัจจุบันนั้นก็มักจะเป็นคนที่ชอบการท่องเที่ยวที่จะทำให้สามารถหาอาหารเลี้ยงดูตนเองและเผยแพร่เผ่าพันธุ์โดยการแต่งงานกับคนที่อยู่ต่างถิ่นที่ทำให้เผ่าพันธุ์แข็งแรงไม่เป็นโรคภัยได้ง่าย  ดังนั้น  คนทั่วโลกต่างก็ชอบการท่องเที่ยวเมื่อมีความสามารถที่จะทำได้
	ข้อสอง  การ “เปิดประเทศ” เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวนั้น   เกิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  ตามกระแสของโลกาภิวัฒน์ที่ดำเนินมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา  นอกจากนั้น  ข้อมูลข่าวสารที่สามารถส่งถึงกันทั่วโลกด้วยต้นทุนที่ต่ำมากผ่านระบบอินเตอร์เน็ตก็ทำให้คนสนใจไปเที่ยวในประเทศต่างๆ  เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  และข้อสาม  ที่อาจจะสำคัญที่สุดก็คือ  ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวนั้นผมคิดว่าแทบไม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการพัฒนาของการบินโดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้นน้อยในขณะที่รายได้ของประชากรในโลกและประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง  ผลก็คือ  คนรายได้ปานกลางสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศหรือจังหวัดไกล ๆ ได้มากขึ้นมาก  และทั้งหมดนั้นก็คือเหตุผลที่ทำให้การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตสูง—เฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย
	จุดแข็งของประเทศไทยในเรื่องของการท่องเที่ยวนั้นผมคิดว่ามีอยู่ไม่น้อย  ข้อแรกที่ผมคิดว่าค่อนข้างโดดเด่นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นก็คือ  คนไทยนั้น  “ให้บริการ”  ในแบบ  “Human touch” หรือการมี  “จิตใจ” ในการให้บริการสูง   คนไทยจะมีนิสัยอ่อนน้อมกับผู้ที่  “อยู่สูงกว่าตน”  เช่น  อายุหรือตำแหน่งทางสังคมสูงกว่า  นี่เป็นเรื่องของขนบธรรมเนียมที่มีมานานและยังไม่ได้จางหายไปมากนัก  ดังนั้น  เวลาที่คนไทยให้บริการ  เราก็มักจะดูว่านักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติหรือคนที่รวยกว่านั้น  เป็นผู้ที่  “อยู่สูงกว่า”  เราก็จะให้บริการอย่างอ่อนน้อมซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ  ส่วนใหญ่ที่คนมีความรู้สึก  “เสมอภาค”  กันมากกว่าและไม่รู้สึกว่าจะต้องอ่อนน้อมให้กับลูกค้าที่มารับบริการมากนัก  ทำให้บริการในหลาย ๆ  ประเทศที่เป็นคู่แข่งของไทยนั้น  มักจะมีความแข็งกระด้างกว่า  ในหลาย ๆ  แห่งที่ผมพบนั้น  บริการอาจจะรวดเร็วมากแต่ความอ่อนโยนนั้นไม่ใคร่มี   ดังนั้น  ความประทับใจจึงไม่เกิดขึ้น
	จุดแข็งข้อที่สองของไทยผมคิดว่าน่าจะอยู่ที่ทะเลและชายหาดที่สามารถนอนเล่นอาบแดดได้ตลอดปี  หาดทรายของไทยหลายแห่งสวยงามมีชื่อติดระดับโลก  ดังนั้น  คนในประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นซึ่งจำนวนมากเป็นคนที่มีกำลังซื้อสูงจึงนิยมมาพักผ่อนตากอากาศ  จริงอยู่  ประเทศที่มีอุณหภูมิคล้าย ๆ  ประเทศไทยและมีชายหาดที่สวยงามไม่น้อยกว่าไทยก็มีอยู่หลายแห่ง  แต่ประเทศเหล่านั้นหลายแห่งก็อาจจะยังไม่พัฒนามากนักโดยเฉพาะในด้านสาธารณูปโภคทางด้านที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว  ทำให้ความนิยมของนักท่องเที่ยวน้อยกว่าหรือสามารถรับนักท่องเที่ยวได้น้อยกว่า
	จุดเด่นข้อสุดท้ายที่ผมคิดว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ไทยมีความได้เปรียบในด้านของการท่องเที่ยวนั้น  ผมคิดว่าน่าจะอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวของประเทศไทยนั้น   น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าอีกหลาย  ๆ  ประเทศ  ในขณะที่คุณภาพอาจจะสูงกว่า  ตัวอย่างเช่น  ค่าอาหารและค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยรถแท็กซี่หรือรถสาธารณะอื่น ๆ  ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักอย่างหนึ่งนั้น  ในประเทศไทยค่อนข้างจะถูกและคุณภาพดีโดยเฉพาะในด้านของอาหาร  นอกจากนั้น  สินค้าโดยทั่วไปของไทยนั้นมีราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น   ดังนั้น  เราจึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบต้นทุนต่ำประเภท  “แบ็คแพ็ค”  ได้มาก  และก็มักจะได้รับการโหวตให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ  ของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อยู่เรื่อย ๆ 
	ธุรกิจหรือหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวนั้น  มีหลายกลุ่มแต่ที่โดดเด่นและตรงที่สุดประกอบด้วยหุ้นบริษัทการบิน  ท่าอากาศยาน  และโรงแรมและอาหาร  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้ทั้งหมดจะต้องดีเสมอไป  เหตุผลอยู่ที่ว่า  การที่อุตสาหกรรมเติบโตต่อเนื่องยาวนานนั้นจริงอยู่ก่อให้เกิดความต้องการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย  ๆ   อย่างไรก็ตาม  มันก็ดึงดูดให้ผู้เล่นทั้งหน้าเดิมและหน้าใหม่เข้ามาลงทุนให้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ    ในยามที่กำลังการให้บริการเหลือล้น  ราคาการให้บริการก็อาจจะลดลงทำให้ไม่มีใครอยากเปิดบริการใหม่   ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น  ก็จะทำให้กำลังการให้บริการเริ่มจะไม่ใคร่เพียงพอและส่งผลให้ราคาเพิ่มขึ้น  ดังนั้น  สำหรับธุรกิจการบินและโรงแรมแล้ว  เวลาดี ๆ  ของอุตสาหกรรมจะสลับกับเวลาที่ไม่ดีอยู่เรื่อย ๆ  ในขณะที่ท่าอากาศยานนั้น  ลักษณะของการเป็นผู้ให้บริการแทบจะรายเดียว  ก็จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเสมอ
	มองในด้านของผลประกอบการจะพบว่า  ธุรกิจทั้งสามต่างก็เป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนสูงเมื่อเทียบกับรายได้ที่ได้รับ  ดังนั้น  ต้นทุนคงที่ของบริษัทต่าง ๆ  จะสูง  แต่ในด้านของต้นทุนแปรผัน  หรือต้นทุนที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการนั้นจะต่ำมาก  นั่นก็คือ  ถ้าเครื่องบินบรรทุกผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 50% ของที่นั่งเป็น  70% รายจ่ายที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะเป็นเพียงอาหารที่ต้องเพิ่มขึ้นเท่านั้น  และนี่ก็คล้าย ๆ  กับกรณีของโรงแรมที่มีผู้เข้าพัก 50%  ซึ่งก็จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับการที่แขกเข้าพัก 70%  และก็เช่นเดียวกับสนามบินที่ค่าใช้จ่ายผันแปรนั้นจะต่ำมากในขณะที่ต้นทุนคงที่ที่เป็นต้นทุนเกี่ยวกับค่าเสื่อมราคาจะสูงมาก
	ผลกระทบของบริษัทที่มีต้นทุนคงที่สูงและต้นทุนแปรผันต่ำก็คือ   กำไรหรือขาดทุนของบริษัทจะมีความหวือหวามากขึ้นอยู่กับปริมาณของลูกค้าหรือธุรกิจ  เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ  บริษัทที่มีปริมาณลูกค้าสูงกว่าจุดคุ้มทุนแล้ว  การเพิ่มขึ้นของลูกค้าหรือรายได้จะช่วยเพิ่มกำไรได้สูง  ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่าไร  กำไรก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นจนกระทั่งเต็มกำลังการผลิต  ในทางตรงกันข้าม  ถ้าบริษัทมีลูกค้าน้อยลง  บริษัทก็จะขาดทุนรุนแรงเนื่องจากต้นทุนคงที่ที่อยู่ในระดับสูงจะไม่ลดลง  ดังนั้น  การลงทุนในหุ้นของกิจการอย่างการบินและโรงแรมนั้น  การติดตามดู Demand กับ Supply  รวมถึงอัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัทจึงเป็นหัวใจสำคัญ   โดยที่การเปลี่ยนแปลงในด้านของการบินนั้นจะค่อนข้างรวดเร็วมากเนื่องจากธรรมชาติของเครื่องบินที่สามารถจะ  “บิน”  ได้ ซึ่งทำให้การปรับตัวของการผลิตทำได้ง่าย  อย่างไรก็ตาม  ธุรกิจการบินยังขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันที่ผันแปรอย่างรวดเร็วด้วย  ทำให้การบินนั้นมีความผันผวนของผลประกอบการสูง  ในส่วนของโรงแรมนั้น  การปรับตัวของอุปสงค์และอุปทานจะทำได้ช้ากว่าเนื่องจากระยะเวลาของการสร้างโรงแรมต้องใช้เวลานาน  ดังนั้น  การเปลี่ยนแปลงของผลประกอบการจึงเป็นไปอย่างไม่รวดเร็วนัก
	ในส่วนของสนามบินนั้น  ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสดใสกว่า  อย่างไรก็ตาม  เนื่องจากธุรกิจสนามบินนั้นเป็นธุรกิจที่มักถูกควบคุมโดยรัฐ   ราคาค่าบริการจึงถูกควบคุมไม่ให้สูงเกินไปเพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวและเป็นการให้บริการแก่ประชาชนในเรื่องของการเดินทาง  ดังนั้น  กำไรของกิจการจึงไม่อาจจะทำได้เต็มที่หรือสูงสุดตาม  Demand  หรือความต้องการใช้ของลูกค้า  อย่างไรก็ตาม  ในยามที่ลูกค้าเพิ่มขึ้นผ่านจุดคุ้มทุนไปแล้ว  กำไรก็จะเพิ่มขึ้นเร็วตามการเพิ่มของลูกค้าจนกว่าสนามบินจะ  “เต็มกำลังการให้บริการ”  และต้องลงทุนขยายสนามบินใหม่  
	ก่อนที่จะจบการวิเคราะห์  ผมคงต้องเตือนว่า  เรายังต้องพิจารณาในด้านของราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวด้วยว่ามันจะต้องเหมาะสมกับพื้นฐานของมัน  ซึ่งนอกจากธรรมชาติของธุรกิจแล้ว  ก็ยังต้องคำนึงถึงความสามารถของผู้บริหารและปัจจัยเฉพาะของแต่ละบริษัทด้วย
[/size]
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1735
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นท่องเที่ยว/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบพระคุณมากค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
Verified User
โพสต์: 4626
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นท่องเที่ยว/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
Red24
Verified User
โพสต์: 64
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นท่องเที่ยว/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ให้แง่คิด มุมมองที่ดีครับ กำลังศึกษาหุ้นกลุ่มนี้อยู่ด้วย ขอบคุณครับ
ลูกหิน
Verified User
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นท่องเที่ยว/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
superboy
Verified User
โพสต์: 1049
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นท่องเที่ยว/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณครับ.
โพสต์โพสต์