เม้นมาก ยิ่งถ้าเม้นในทางลบ ก้โดนด่าเยอะครับ
ตัวอย่าง SIRI ผมเม้นด้านลบตั้งแต่หน้า 75 - 80 ซึ่งตอนนั้นราคาหุ้นอยู่แถว 4 บาทกลางๆ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=2220
ตลาด it บ้านเรา ผมจัดว่าเป็น red ocean แข่งกันด้านราคาดุเดือดมาก
สินค้า it ในบ้านเรา ผมคิดว่าน่าจะจัดเป้นสินค้าโภคภัณฑ์ได้
กล่าวคือ คุณจะซื้อ intel core i7 จากร้านไหน มันก็ได้ i7 4770 เหมือนกันหมด
ไม่มีทางจะเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ intel i7 4770
คุณจะซื้อ vga card asus gtx780 จากร้านไหน มันก้ได้ asus gtx780 เหมือนกันหมด
หรือคุณจะซื้อ notebook หรือ computer set ยี่ห้อ acer , toshiba , hp , dell และอื่นๆ
ไม่ว่าจะซื้อจาก it city หรือร้านอื่นๆ ก้ได้ notebook หรือ computer set ยี่ห้อนั้นๆ เหมือนกันหมด
มันกลายเป้นว่าไม่ว่าจะซื้อจากร้านไหน มันก้ได้ยี่ห้อนั้นๆ เหมือนกันหมด
นอกจากนี้ เรื่องประกันก้เป็นประกันของ distributor เดียวกันอีก เช่น ซื้อร้านไหนๆ ก้เป้น
intel i7 4770 หรือ notebook asus ประกัน synnex เหมือนกันอีก เวลาเสีย ไม่ว่าจะซื้อ
จากร้านใด ก้ส่งศูนย์ synnex เหมือนกันหมด อาจจะผ่านร้านที่ซื้อ แต่ร้านที่ซื้อก้ต้องส่งผ่าน
ไป synnex อยู่ดีครับ
ในเมื่อมันไม่แตกต่าง หรือเหมือนกัน 100% ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ผู้ซื้อก้จะเลือกซื้อ
กับผู้ขายที่เสนอราคาให้ถูกที่สุด
ผมว่าตรงนี้แหละที่ทำให้การดำเนินกิจการของ it ตกต่ำลงเรื่อยๆ และไม่ทีท่าว่าจะฟื้น
เพราะตลาด it มันกลายเป้นตลาดโภคภัณฑ์ไปแล้ว
ในกลยุทธ์การแข่งขันของ Michael E. Porter กับ it city
1. กลยุทธ์สร้างความแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์
ในตัวผลิตภัณฑ์นั้น ไม่มีความแตกต่างจากคู่แข่งตามที่ผมกล่าวไว้ด้านบน
บริการหลังการขาย ไม่แตกต่างกัน ส่ง distributors เหมือนกันหมด
พนักงานขาย ก้เน้นขายสินค้าเหมือนกันหมด ไม่ใช่ผู้ให้คำแนะนำในระดับ specialist
2. กลยุทธ์การตลาดต้นทุนต่ำ
ข้อนี้ก้ไม่ใช่อีกแหละครับ
ต้นทุนดำเนินงานสูงกว่าคู่แข่งขันรายอื่นๆ เช่น ขนาดพื้นที่เช่าใหญ่โต ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า พนักงาน และอื่นๆ
อีกทั้งการสั่งสินค้า lot ไม่ใหญ่พอที่จะทำให้ได้ราคาอย่าง jib , advice
ดังนั้นการขายสินค้า ราคาจึงสูงกว่าผู้เล่นรายอื่นๆ
3. กลยุทธ์ตลาดย่อย
ตลาดย่อย หรือ niche market ผมมองว่าผู้ค้ารายย่อยตอบสนองได้ดีกว่า เช่น ผู้ซื้อ
ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านโดยตรง ซื้อหลายหนเข้าก้เกิดความสนิทสนม ทำให้เป็นลูกค้า
ประจำไป ข้อนี้ผมก้เป้นนะ ผมซื้อของร้านชิ้นส่วนคอมร้านหนึ่ง จนสนิทสนมกับเจ้า
ของร้าน การพูดคุยอะไรก้ง่าย ราคาไม่ซี้ซั้ว ไม่ต้องมาต่อราคา เช็คราคาร้านอื่นให้เสียเวลา
สินค้าตัวไหนร้านไม่มี เจ้าของร้านก้ไปหยิบยืมจากร้านอื่นมาให้ สะดวกผมที่ไม่ต้องเดิน
ซื้อหลายร้าน แถมราคาจะสูงกว่าร้านที่ซื้อประจำ และบางทีไปดู ไปคุยปรึกษา ไม่ซื้อก้ไม่ว่าอะไร
แต่กับ it city ไม่ใช่ ผู้ซื้อเจอแต่พนักงานขาย ตอนซื้อก็บริการอย่างหนึ่ง แต่พอไม่ได้ซื้อ
ก้บริการอย่างหนึ่ง จำกันไม่ได้ และถามมากก้พาลจะรำคาญ และที่สำคัญ ตั้งราคาไว้อย่างไร
ก้ต้องขายราคานั้น ไม่หยืดหยุ่นแบบร้านค้ารายย่อย ที่จะมีราคาลูกค้าประจำ กับลูกค้าขาจร
หรือเพิ่งจะซื้อกันครั้งแรกๆ
เมื่อ it city ไม่มีอย่างใดอย่างหนึ่งเด่นเลย บริษัทก้เหมือน stuck in the middle รอวันเฉาตายไปเองครับ
ความคิดผม ยังไม่เห็นทางฟื้น หรือ turnaround ของ it city เพราะ it ไม่มี 3 ข้อดังกล่าวเลย
แล้วจะไปสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างไร