Thai VI

ขอแนะนำ https://www.se-ed.com/product/Fund-Flow ... 6167536491

Fund Flow พลังเม็ดเงิน ลิขิตหุ้น
เจาะลึกศาสตร์ของ Fund Flow อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่จะชี้ชะตาตลาดหุ้นในปัจจุบันและอนาคต Fund Flow พลังเม็ดเงินลิขิตหุ้น คืออะไร? และสำคัญอย่างไร? ถึงเวลาแล้วที่นักลงทุนอย่างคุณต้องรู้
ผู้เขียน ดร. วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล

รายละเอียดหนังสือ

ISBN : 9786167536491 (ปกอ่อน) 200 หน้า
ขนาดรูปเล่ม : 145 x 208 x 10 มม.
น้ำหนัก : 225 กรัม
เนื้อในพิมพ์ : ขาวดำ
ชนิดกระดาษ : กระดาษถนอมสายตา
สำนักพิมพ์ : กรุงเทพธุรกิจ, สนพ.
เดือนปีที่พิมพ์ : --/2013

เนื้อหาโดยสังเขป

เจาะลึกศาสตร์ของ "Fund Flow" อีกปัจจัยหลักที่จะชี้ชะตาตลาดหุ้นในปัจจุบันและอนาคต Fund Flow พลังเม็ดเงินลิขิตหุ้นคืออะไร? และสำคัญอย่างไร? ถึงเวลาที่นักลงทุนต้องรู้ รวมถึงเจาะลึก QE อย่างละเอียด นอกจากนี้ยังได้สอดแทรกการวิเคราะห์ทิศทางของกระแสเงินทุนโลกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตให้ได้เฝ้าติดตามต่อไปด้วย ค่อยๆ อ่านเนื้อหาโดยละเอียดคุณจะได้เข้าใจถึงตรรกะของฟันด์โฟลว์ และอ่านเกมของผู้มีำอำนาจในระบบการเงินของโลกออก จนสามารถนำไปสู่การปรับกลยุทธ์การลงทุน รวมถึงธุรกิจให้ทันต่อสถานการณ์ได้

สารบัญ

ภาคที่ 1 เข้าใจแหล่งกำเนิดฟันด์โฟลว์
บทที่ 1 มองอย่างนกอินทรีเพื่อมองภาพใหญ่
บทที่ 2 การศึกษาฟันด์โฟลว์ในระดับเม็ดเงินที่หมุนเวียนในตลาดโลก (Global Fund Flow)
บทที่ 3 จุดกำเนิดของฟันด์โฟลว์และสภาพคล่อง (Liquidity)
บทที่ 4 เม็ดเงินที่ถูกสร้างโดยธนาคารกลางของประเทศมหาอำนาจ
บทที่ 5 ผลกระทบของการเพิ่มสภาพคล่องและฟันด์โฟลว์
บทที่ 6 ดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ติดลบกับการไหลเข้าของฟันด์โฟลว์
บทที่ 7 Yield Curve ของตลาดพันธบัตรและฟันด์โฟลว์
บทที่ 8 เม็ดเงินในตลาดพันธบัตรและฟันด์โฟลว์
บทที่ 9 ความรู้สึกอยากจะเสี่ยง (Risk Appetite) และฟันด์โฟลว์
บทที่ 10 ธนาคารกลางและการเพิ่มฟันด์โฟลว์
ฯลฯ

คำนิยม

"เสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้อยู่ตรงที่คุณวิศิษฐ์ สามารถจับประเด็นคาใจของนักลงทุนเกี่ยวกับฟันด์โฟลว์มาตอบคำถาม แต่ละบทแบบสั้นๆ กระชับ ชัด เข้าใจง่าย ยกตัวอย่างที่นักลงทุนมักจะชอบตั้งคำถาม คือ เงินทุนไหลเข้ากับการคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยในอนาคต"
เนาวรัตน์ เจริญประพิณ- Money Channel

"แม้หนังสือชุดนี้จะใช้ชื่อว่า "Fund Flow พลังเม็ดเงินลิขิตหุ้น" แต่ผมเชื่อว่า นักลงทุนที่อยู่ในตลาดการเงินทุกประเภทหรือประกอบธุรกิจอยู่ในภาคเศรษฐกิจจริง ล้วนแต่สามารถนำความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับการถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือนี้ มาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนได้ไม่ยาก"
ยืนยง เทพจำนง- ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายลงทุน บมจ.หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย

"หนังสือเล่มนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนไทย ไม่ว่ามือใหม่หัดขับหรือมืออาชีพ หรือแม้แต่บรรดานักลงทุน Value Investors นักวิชาการเองอย่างพวกผม ก็สามารถใช้หนังสือเล่มนี้ประกอบการทำความเข้าใจ และประกอบการเรียนการสอน Fund Flow ที่มีต่อตลาดทุนได้"
รศ.ดร. วรศักดิ์ ทุมมานนท์- คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เล่มนี้เป็นเล่มที่ 1 นะครับ
หนังสือชุดนี้มี 2 เล่ม ครับ

อ่านค่อนข้างยากนะ สำหรับผม แต่ก็ทำให้อ่าน/ฟัง ข่าวเศรษฐกิจรู้เรื่องขึ้นเยอะ

กำลังสนใจเล่มนี้อยู่เหมือนกันครับ
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะอ่านรู้เรื่องไหม

อ่านแล้วเหมือนคนเขียนจะรู้

รู้เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว เป็นอดีต

คุณวิศิษฐ์เป็นหนึ่งในคนที่ผมนับถือเลยเรื่องความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ ฟังแกพูดทีไร ก็มักจะมีสถิติข้อมูลอย่างแน่นมาประกอบเสมอเวลาจะเสนอมุมมองหรือฟันธงอะไรสักอย่าง ขอบคุณที่ตั้งกระทู้นะครับ ผมคงซื้อแน่ ๆ เล่มนี้

อ่านไว้เพื่อประดับสมองสนุกๆไม่น่ามีปัญหาครับ แต่ผมเห็นหลายคนอ่านแล้วธาตุไฟเข้าแทรก พยายามจะวิเคราะห์ภาพ macro, fundflow ยิ่งคิดมากยิ่งรู้มากก็ยิ่งไม่กล้าถือหุ้น port โล่งมาตั้งแต่ 800 จุด ป่านนี้ยังกังวล QE หนี้ยุโรป หน้าผาการคลังอเมริกา แล้วก็เรื่องราวที่น่าเชื่อว่าโลกใกล้จะแตกในเวลาอีกไม่นานนี้

เดินตามเจ้าสำนักเราดีกว่าครับ

ถ้าใครอ่านหนังสือของ แกรแฮม
ที่ชื่อ intelligent investor มันจะกล่าวถึง
ความแตกต่างระหว่างผลตอบแทนของตราสารหนี้ ที่เป็นพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี
กับผลตอบแทนของหุ้นสามัญ
ที่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีสูงกกว่า อัตราผลตอบแทนของหุ้นสามัญอย่างมากมาย
ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ ตัวที่ต่อยอดคือ Fund Flow ที่บอกให้รู้ว่าทำไม
ทำไมนักลงทุนถึงควรดูอัตราผลตอบแทนของดอกเบี้ยประกอบการลงทุน
ถ้าใครมีพื้นฐาน
อัตราดอกเบี้ยต่ำ นั้น ทำให้ตัว Discount rate ที่ทำหน้าที่เป็นตัวลดทอนใน model :DCF
เมื่อทำเป็น มูลค่าปัจจุบัน มีค่ามากขึ้น (เกือบเท่ากับจำนวนในอนาคต หรือกล่าวอีกอย่างคือ เงินในอนาคตเมื่อคิดกลับมาที่ปัจจุบันเกือบมีมูลค่าเท่ากัน)
แต่ถ้าอัตราดอกเบี้ยสูง มันทำให้มูลค่าปัจจุบันมันน้อย

นักลงทุน มองที่ผลที่ได้ตัวเลขมากๆ ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยต่ำๆถึงดีกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงๆ
และเมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำๆ มันเกิดโครงการจำนวนมากเกินขึ้น ถ้าหากต้องการทดสอบว่าโครงการไหนที่ไปต่อได้ ลองปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 1% ,2% เป็น Step ไปจะเห็นเลยว่า อยู่รอดหรือไม่

มันไม่ใช่ว่าแนว VI ไม่อ่าน แต่อ่านแล้วเพื่อให้ได้เบื้องหลังของหลักการ
และนำหลักการมาประยุกต์ใช้ต่อไป ปรับต่อไปว่า จริงๆแล้ว VI เป็นแค่ไกด์ไลน์
แต่สุดท้ายแล้ว ต้องทะลุทลวงให้ได้ ไม่งั้นก็โดนความคิดของคนอื่นๆครอบงำอยู่
กว่าที่ บัฟเฟตหลุดพ้นจากแนวความคิดของเกรแฮมได้ใช้เวลา 20 ปีกว่าๆ จึงจะหลุดได้
แล้วเราละกี่ปีจะหลุดจากแนวคิดด้วยกล่าวได้ละเนี่ย

ว๊าก กดผิด
จะกดบวกให้พี่มิ ดันไปพลาดโดนลบ (มือถือ)

kongkiti เขียน:ว๊าก กดผิด
จะกดบวกให้พี่มิ ดันไปพลาดโดนลบ (มือถือ)

ไม่เป็นไร
เล่มนี้ผมอ่านเมามันส์มากๆๆ เพราะเป็นพื้นฐาน (พอดีมีความรู้อยู่บ้าง)
เลยอ่านไม่กี่ชั่วโมงจบ
ตอนนี้ไปซื้อ เล่มสองมา อ่านแป๊บเดียว เกือบครึ่งเล่มแล้วล่ะ
(รอบนี้ไปอุดหนุนดูกิจการ SE-ED ที่เป็น Sun set หน่อยว่า บริการดีหรือเปล่า
ตอนจ่ายบอก มีบัตรลดไหม มี AIS หรือเปล่า แบบว่าต้องให้เราลด
แบบนี้แสดงว่า พนักงาน SE-ED เห็นใจลูกค้าอย่างมาก ทำทุกอย่างให้ลูกค้ามีส่วนลดล่ะ)

เล่มสอง ไม่เห็นมีเลยนี่ครับ
พอจะแคปหน้าปกให้ดูหน่อยได้ไหมครับ

se-ed ในจังหวัดผม มีแต่เล่ม 2 ไม่มีเล่ม 1 แปลก ดี

อ่านมันส์มากทั้งสองเล่ม

ว่ากันตามตรง ถ้าไม่มีพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคบ้าง คงอ่านไม่รู้เรื่องเหมือนผม --'
ผมว่าอ่านงบการเงินนี่ง่ายกว่ามาก
ผมไม่คิดว่า 2 เล่มนี้เป็น strong recommendation นะครับ
ยังไงอ่านแล้วก็คงได้ความรู้มากน้อย แล้วแต่พื้นฐานใครพื้นฐานมัน

ผมอ่านคำนิยมของท่านนึง เห็นบอกว่าในเล่ม 2 ดร. ทำนายว่าหุ้นไทยจะขึ้นไปถึง 2200 จุด ในปี 2020 อยากถามความเห็นเพื่อนๆครับ ว่าจะมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้หุ้นประเทศเราไปไกลขนาดนั้นครับ โครงสร้างพื้นฐานสองล้านๆ การเปิดเออีซี หรือ ฟันโฟลว์ หรือการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนของเรา อยากให้เพื่อนๆช่วยกันให้คำแนะนำหน่อยครับ ขออภัยถ้าไม่เกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่าครับ

[quote="VAEEEEE"]ผมอ่านคำนิยมของท่านนึง เห็นบอกว่าในเล่ม 2 ดร. ทำนายว่าหุ้นไทยจะขึ้นไปถึง 2200 จุด ในปี 2020 อยากถามความเห็นเพื่อนๆครับ ว่าจะมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้หุ้นประเทศเราไปไกลขนาดนั้นครับ โครงสร้างพื้นฐานสองล้านๆ การเปิดเออีซี หรือ ฟันโฟลว์ หรือการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนของเรา อยากให้เพื่อนๆช่วยกันให้คำแนะนำหน่อยครับ ขออภัยถ้าไม่เกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่าครับ[/quote]

2200 ในปี 2020 นี่เท่ากับ 7-8%ทบต้นเองนะครับจากดัชนีปัจจุบัน

ครับผม แต่ผมคิดว่ายากนะครับ ความเห็นส่วนตัว ที่จะเห็นหุ้นขึ้นติดต่อกันขนาดนั้น คงต้องค่อยๆดูกันไปครับผม

จะไปหาซื้อ แต่ไม่มีขายแล้วอ่ะครับ