หน้า 1 จากทั้งหมด 1

หุ้นแบบไทย-ไทย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 12, 2013 9:29 pm
โดย ปรัชญา
หุ้นตัวหนึ่ง หยุดพักการซื้อขายไปนาน ราคา0.23บาท
ถูกปลดปล่อยมาให้เทรดกันได้ วันที่11/9/2556

ราคาเปิด 13.00
ราคาสูงสุด 17.80
ราคาต่ำสุด 9.85
ราคาเฉลี่ย 13.54
ราคาปิด 17.80

วันนี้แทบจะเหยียบกันตายคาตลาด12/9/2556
ราคาเปิด ...
ราคาสูงสุด 20.00
ราคาเฉลี่ย....
ราคาปิด 12.50

ที่เขียนนี่อยากให้นักลงทุนมือใหม่(หากหัดเข้าไปเก็งกำไร)ได้เรียนรู้ว่า...
อย่าตกเป็นเหยื่อของการเก็งกำไร แบบไม่มีเหตุผล
ราคาปิด เมื่อ11/9/2556 17.80
ราคาปิด 12/9/2556 12.50

บนเส้นทางการลงทุนแนวพื้นฐาน ต้องเข้าใจบริษัทหุ้นชื่อนี้ ตั้งบริษัทอยู่ที่ไหน
ดำเนินธุรกิจอย่างไร ทรัพย์สินมีอะไรบ้าง หนี้สินระยะยาวมีเท่าไหร่ หนี้สินระยะสั้นมีเท่าไหร่
ทดลองคิดกันว่าทำธุรกิจมาจ่ายแต่ดอกเบี้ยอย่างเดียวมันจะรอดมั๊ย
หากธุรกิจยังจะขาดทุนต่อ ราคาหุ้นควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ PEกี่เท่าดีล่ะ
แล้วถ้าบริษัทเริ่มมีกำไร ราคาหุ้นมันจะดีแค่ข้ามคืนหรือเปล่า

คำว่า เทรินอะราว เชื่อใจได้แค่ไหน

จากบนนี้ ชั้น 17.80
ข้างล่าง 12.50
มัน Floor ชัดๆ ครึ่งชั่วโมงก่อนปิดตลาด

Re: หุ้นแบบไทย-ไทย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 12, 2013 9:56 pm
โดย ปรัชญา
HotNews:คิดจะเล่นAJPอย่าบ้าระห่ำตาม ทิสโก้ ตีราคาพื้นฐาน2.40-2.94บาท

รูปภาพ

HotNews:คิดจะเล่นAJPอย่าบ้าระห่ำตาม

ทิสโก้ ตีราคาพื้นฐาน2.40-2.94บาท

คิดจะเล่น AJP อย่าบ้าระห่ำตาม บล.ทิสโก้ ตีราคาพื้นฐาน 2.40-2.94บาท ประเมินจาก PBV ตลาดทั้ง SET และ mai โดยเฉลี่ยขณะนี้ที่น้อยกว่า 3 เท่า และบริษัทฯ เริ่มต้นสู่การฟื้นตัว แถมยังมีขาดทุนสะสมอยู่ 78 ลบ. ส่วนเทพหุ้น ASP มองราคาหุ้น AJP เปิดเทรดร้อนแรงเกินพื้นฐาน ระบุหากประมินจาก
EPS ที่ 0.15 บาท ราคาควรซื้อขายที่ 1.50 บาท
ขณะ ผู้สื่อข่าว www.HoonInside.com สำรวจ หุ้นที่เคยถูกตลท. สั่งพักการซื้อขาย พบว่า บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน)MALEE ซึ่งถูกพักการซื้อขายเมื่อปี 2552 โดยขณะนั้นราคาหุ้น MALEE อยู่ที่ 1.57 บาท/หุ้น มีราคาพาร์ 10 บาท โดย MALEE ได้กลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้ง เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2554 แบบไม่กำหนดราคา ceiling, floor ซึ่งราคาเปิด ณ วันนั้นอยู่ที่ 8.20 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาที่ 7.80 บาท ก่อนจะปิดที่ราคา 15 บาท
ส่วน บมจ.อั่งเปา แอสเสท หรือ PAO ปัจจุบันคือ บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) NUSA กลับมาซื้อขายอีกครั้ง เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 โดยเปิดเทรดที่ 1.15 บาท จากราคาก่อน SP อยู่ที่ 0.38 บาท (14 พ.ย.48) ซึ่งในอดีต บมจ.อั่งเป่า แอสเสท(PAO) เดิมชื่อ บมจ.ไทยเกรียง กรุ๊ป (TDT) ทำธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งทอ และเป็นหุ้นเข้าเกณฑ์อาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ภายหลังบริษัทได้หยุดกิจการสิ่งทอ หันมาทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังจากนั้นได้มีกลุ่มณุศาศิริเข้ามาเพิ่มทุนและปรับราคาพาร์ ซึ่งปัจจุบันเป็น 1 บาท ตลาดฯให้สังกัดเป็นหลักทรัพย์หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

บล.ทิสโก้ ออกบทวิเเคราะห์ เปิดเผยว่า บริษัท เอเชีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) AJP กลับมาซื้อขายวันนี้ (11 ก.ย.) หลังพ้นเหตุจากการถูกเพิกถอน โดย บริษัท เอเชีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) "AJP" จดทะเบียนบริษัทเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2521 โดยใช้ชื่อ บริษัท อ่าวขามไทย จำกัด ประกอบธุรกิจเหมืองแร่ดีบุกในทะเลและให้เช่าเรือขุดแร่ดีบุก ภายหลังจากประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักในปี 2537 จึงเริ่มเข้าสู่ธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจผลิตหินอุตสาหกรรม และได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ชิโนไทย รีซอร์เซส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) "STRD" ในช่วงปี 2540 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ "ต้มยำกุ้ง" ส่งผลให้บริษัทถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ พักการซื้อขาย (SP) และถูกย้ายไปยังหมวด "REHABCO"
ในปี 2547 บริษัทหยุดการทำธุรกิจเหมืองแร่ดีบุกและธุรกิจเหมืองหินอุตสาหกรรม เปลี่ยนมาเป็นธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง, น้ำมันหล่อลื่น ในลักษณะผู้ค้าน้ำมันสำเร็จรูป จนได้กลับมาซื้อขายอีกครั้งในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค อย่างไรก็ดีในปี 2552 บริษัทได้ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP (ครั้งที่สอง) และถูกถอนชื่อออกจากกระดานซื้อขาย และย้ายไปยังกลุ่ม NPG เนื่องผลประกอบการปี 2551 ขาดทุน ทำให้บริษัทต้องเข้าทำแผนฟื้นฟูกิจการอีกครั้ง ภายหลังมาในปี 2553 บริษัทได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่มาเป็นกลุ่มกล่อมจิตเจริญ และกลุ่มรัชกิจประการ ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นที่ 34.6% และ 30.0% ตามลำดับ (ซื้อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่ราคา 1.50 บาท/หุ้น) พร้อมกันกับเปลี่ยนธุรกิจอีกครั้ง จากการขายน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น มาประกอบธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและสื่อวิทยุกระจายเสียง โดยในช่วงปลายปี 2555 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท เอเซีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) "AJP" และสามารถมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 1 ปีในปี 2555 ที่ประมาณ 24 ล้านบาท ส่งผลให้พ้นเหตุจากการถูกเพิกถอน และตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุญาตให้กลับมาซื้อขายได้ในวันที่ 11 กันยายน 2556 โดยการซื้อขายวันแรกจะไม่กำหนดเพดานสูงสุด-ต่ำสุด

ลักษณะธุรกิจ
ประกอบธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม โดยได้ทำสัญญารับสิทธิร่วมผลิตรายการกับบริษัท เอ็ม วี เทเลวิชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทได้สิทธิการใช้สถานี 8 ช่องสถานี เป็นเวลา 10 ปี (ปี 2553-2563) และได้ลงทุนเพิ่มอีก 8 ช่องสถานี เป็นเวลา 10 ปี (ปี 2556-2566) โดย 8 ช่องสถานีหลังจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/56 โดยมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าซื้อสิทธิการใช้บริการ 40 ล้านบาท และค่าเช่าช่องบริการรายเดือนต่อช่อง 6 แสนบาท

แผนธุรกิจในอนาคต
บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2556 ที่ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังจะมีรายได้เร่งตัวขึ้นจาก 8 ช่องสถานีใหม่ (เริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/56 เป็นต้นไป) ขณะที่ในปีหน้า บริษัทคาดรายได้จะอยู่ที่ 180-190 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลสัมปทานช่องทีวีดิจิตอล ซึ่งมีความสนใจที่จะประมูล 1 ช่องในรายการประเภทวาไรตี้

ประเมินราคาที่เหมาะสม
จากงบการเงินล่าสุดสิ้นไตรมาส 2/56 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 130 ล้านบาท (มีขาดทุนสะสมที่ราว 78 ล้านบาท) คิดเป็นมูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น 0.65 บาท ถึงแม้ค่าเฉลี่ยราคาต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี (PBV) ของกลุ่ม MEDIA อยู่ที่ประมาณ 5.1 เท่า แต่ด้วยบริษัทเพิ่งเริ่มต้นสู่การฟื้นตัว ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ถึงความสำเร็จ และยังมีขาดทุนสะสมอยู่ ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ เทียบกับค่าเฉลี่ยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ในกลุ่มนี้ที่ค่อนข้างสูงที่ 3.6% ดังนั้น เราจึงมองว่าหุ้น AJP ควรซื้อขายที่ราคาส่วนลด นอกจากนี้ PBV ของตลาดทั้ง SET และ mai โดยเฉลี่ยขณะนี้ที่น้อยกว่า 3 เท่า (อยู่ที่ 2.2 เท่า และ 2.7 เท่า ตามลำดับ) เราประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสมไม่ควรเกินระดับ 2.40 บาทสำหรับปี 56F และ 2.94 บาทสำหรับปี 57F (อ้างอิงมาจาก PBV 3 เท่า)

อนึ่ง ตามข้อมูลการซื้อขายวันแรกของหุ้นที่พ้นเหตุจากการถูกเพิกถอน อาทิ MALEE, NUSA และ NPK ราคาหุ้นจะซื้อขายที่ PBV ไม่เกิน 3 เท่าเช่นกัน



นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP กล่าวว่า ราคาหุ้น บริษัท เอเซีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) หรือ AJP กลับมาเทรดวันแรกที่ราคา 13 บาท หลังจากถูกพักการซื้อขายไปในช่วงก่อนหน้านี้ โดยราคาเปิดที่ 13 บาท เป็นราคาที่ร้อนแรงมาก และมองว่าค่อนข้างสูงมาก เนื่องจากค่า EPS (กำไรต่อหุ้น) ของ AJP อยู่ที่ 0.15 บาท เมื่อเทียบกับค่า P/E ratio ของตลาดฯ ที่ระดับ 14 เท่า ราคาของ AJP น่าจะซื้อขายอยู่ที่ 1.50 บาท ดังนั้นราคาที่ซื้อขายจึงนับว่าค่อนข้างแพง

ทั้งนี้ AJP ได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการและมีการเปลี่ยนธุรกิจมาหลายครั้ง จากเดิม เคยเป็น บริษัทลูก บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) STEC และในอดีตมีผลการดำเนินงานไม่ดี จนเปลี่ยนธุรกิจมาหลายครั้ง จนมาถึงปัจจุบันบริษัทฯ ดำเนินประกอบธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมโดยการได้รับสิทธิในการจัดหา หรือผลิตรายการโทรทัศน์ร่วมกับผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ สำหรับช่องโทรทัศน์ดาวเดียม รวม16 ช่องสถานี ทำให้บริษัทฯ เริ่มกลับมามีกำไรและรายได้
สำหรับรายได้รวมของ AJP ปีนี้ น่าจะทำได้ราว 140 ล้านบาท ขณะที่กำไรคาดว่าจะอยู่ที่ราว30 ล้านบาท โดย 6 เดือนแรกปี56 มีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมถือว่ามีมาร์จิ้นดี โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเป็น Fix Cost ทำให้รายได้และกำไรของ AJP ค่อนข้างคงที่ แต่ทั้งนี้จากการที่บริษัทฯ เพิ่งได้สิทธิในการจัดหา หรือผลิตรายการโทรทัศน์ร่วมกับผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ สำหรับช่องโทรทัศน์ดาวเทียมอีก 8 ช่องสถานี เป็น 16 ช่อง ทำให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายจากค่าซื้อสิทธิการใช้บริการเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากเดิมที่ต้องจากราว 60 ล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มเป็น 120 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของการที่ยังมีขาดทุนสะสมอยู่กว่า60 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ ต้องใช้แผนการล้างขาดทุนสะสม ซึ่งอาจจะต้องเพิ่มทุนหรือลดทุน แต่คาดว่าบริษัทฯ คงไม่ใช่การลดทุนเนื่องจากปัจจุบันราคาพาร์อยู่ที่ 1 บาท ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีรายได้เพียงทางเดียวคือจากผู้เช่าช่อง ซึ่งผู้เช่าช่องก็มีระยะเวลาการเช่า และการแข่งขันในธุรกิจทีวีดาวเทียมปัจจุบันก็มีสูงมาก


ทั้งนี้ พลเอกสุรพันธ์ พุ่มแก้ว ประธานกรรมการ บริษัท เอเซีย จอยท์ พาโนราม่า จำกัด (มหาชน) หรือ AJP เปิดเผยว่า บริษัทฯจะนำหุ้นกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ วันที่ 11 ก.ย. 56 หลังจากที่บริษัทฯได้มีการปรับปรุงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานได้ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ที่กำหนดให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งปี 55 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 24.87 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธ.ค. 55 จำนวน 117.79 ล้านบาท ขณะที่ก่อนหน้านี้บริษัทฯถูกห้ามซื้อขาย (SP) และเข้าไปอยู่ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (NPG) ซึ่งราคาซื้อขายวันแรกก็ขึ้นอยู่กับความสนใจซื้อขายของนักลงทุนเป็นหลัก โดยบริษัทฯมีมูลค่าทางบัญชีอยู่ที่ 0.65 บาท และการซื้อขายในวันแรกที่ 11 ก.ย. นี้ ก็จะไม่มีการดำหนดเพดานสูงสุด-ต่ำสุด


ปิดการซื้อขาย ( 11 กันยายน 56 ) ราคาหุ้น AJP อยู่ที่ 17.80 บาท เพิ่มขึ้น 17.57 บาท หรือ 7,639.13% มูลค่าการซื้อขาย 2.96 พันล้านบาท โดย AJP เปิดเทรดวันแรกที่ 13 บาท โดยระหว่างวันราคาปรับตัวต่ำสุดอยู่ที่ 9.85 บาท และปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 17.80 บาท


---จบ---


วันที่ : 11 กันยายน พ.ศ. 2556
ที่มา http://www.hooninside.com/news-detail.php?id=220719

Re: หุ้นแบบไทย-ไทย

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 13, 2013 10:35 pm
โดย TTCFZO
บรรยากาศเก่าๆมากกับหุ้นแบบนี้ เริ่มกลับมาครับ

Re: หุ้นแบบไทย-ไทย

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 16, 2013 7:57 am
โดย ปรัชญา
13/09/56 ตอน เทคนิคดูหุ้นปั่น

http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=2480

Re: หุ้นแบบไทย-ไทย

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 16, 2013 8:57 am
โดย CARPENTER
ได้ยินว่าวิธีนี้ เป็นการฟอกเงินที่ง่่ายที่สุด
เสียค่าใช้จ่ายต่ำสุด
ถูกกฏหมาย ไร้ร่องรอย
ใครอยากจะจ่ายเงินให้ใคร
เนื่องจากธุรกรรมอะไรก็แล้วแต่
สามารถใช้การซื้อขายหุ้นแบบนี้