Thai VI

ถ้าคุณมั่นใจ ดำเนินทางแนว VI อย่างแน่วแน่
เลือกซื้อหุ้น ด้วยความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว และความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน

แต่กลับพบว่า หุ้นใน port ติดลบ 25% เข้าไปแล้ว

ทุกๆคนถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ มีความเห็นว่ายังไงครับ


ผมเจออยู่กับตัวตอนนี้เลย มึนๆ เครียดๆ เหมือนกันครับ
อยากขอความคิดเห็นทุกๆคน

เคยอ่านเจอในหนังสือว่า ถ้ามั่นใจในตัวหุ้นที่เรามีอยู่ แล้วมีบางช่วงเวลาราคาตกลงมามาก ก็เป็นโอกาสที่จะซื้อหุ้นเพิ่ม แต่ความเห็นโดยส่วนตัวผมว่า
สิ่งที่เรามั่นใจว่าหุ้นนั้นดี มันดีจริงหรือไม่ เราเข้าใจในตัวหุ้นของเราจริงๆหรือ
ไม่
ในพอร์ทของผมเองก็มีหุ้นที่ติดลบอยู่ 20-20% คือ bec grammy แล้ววัน
นี้ก็โดนอารมณ์ตลาดเล่นงาน จนต้องขายขาดทุนหุ้นสองตัวออกมาบ้าง

การมั่นใจมากหรือน้อย อยู่น้อยอยู่ที่ตัวธุรกิจครับ ถ้าคุณไม่เข้าใจธุรกิจนั้น คุณก็จะไม่รู้ว่าเป็นไปอย่างไร ขายออกไปสบายใจกว่า แล้วเอาเวลาศึกษาธุรกิจให้ดีครับ ตลาดฯมีหุ้นดี กิจการดีให้เลือกหลายตัวครับ แต่ราคาอาจสูงเกินไปเท่านั้นเอง บวกกับตลาดฯมีภาวะไปแน่นอน เลยขึ้นๆลงๆทำให้หวั่น

ผมก็มี grammy นะ แต่ผมเขียวอ่ะ ผมเดินห้างก็เห็นคนซื้อเทป ซีดี สิ่งของต่างๆที่เกี่ยวกับศิลปินแกรมมี่ เดินไปได้ยินเพลงพี่เบิร์ด ผมก็มีความสุขทุกครั้งครับ

เดี๋ยวนี้ผมซื้อของถูกลิขสิทธิ์เสมอ ถ้าเป็นของแกรมมี่ครับ อุดหนุนบริษัทตัวเอง

หลังจากที่ผมเลือกหุ้นลงทุนได้แล้ว(มั่นใจว่าviจริง)
ผมจะดูว่าราคาเหมาะสมหรือไม่(เทียบกับพื้นฐาน)
ถ้าผมคิดว่าเหมาะสมแล้วแต่หุ้นอาจจะตกลงต่อได้
ผมจะทะยอยซื้อเก็บเวลาหุ้นตก สะสมไปเรื่อยๆ
เพราะว่ายิ่งตก ยิ่งปลอดภัย ผลตอบแทนยิ่งเพิ่มขึ้น(เทียบกับราคาซื้อ)

ถามว่าต้องตัดขาดทุนหรือไม่ถ้าตกลงไปเรื่อยๆ
ผมแทบไม่เคยตัดขาดทุนเลยครับ
เพราะทุกตัวของผมจะมีปันผลสม่ำเสมอหลายๆปีที่ผ่านมา
และจะมากกว่าเงินฝากคือตั้งแต่3-5%เป็นอย่างน้อย

ยกตัวอย่างbec เค้าปันผล0.8-1/หุ้นทุกปีไม่เคยไม่ปันผล
ถ้าคุณซื้อ17บาท คุณได้5%แน่นอนถ้าคุณพอใจก็ซื้อเก็บไว้
แต่ถ้าราคหุ้นตกต่อไปอีก คุณตัดขาดทุน ก็ขาดทุนจริงๆ

ผมเคยอ่านgrahamเค้าอุปมาให้ฟัง
ถ้าคุณมีบ้านให้เค้าเช่า ได้ค่าเช่าสม่ำเสมอ และเหมาะสมกับราคาบ้าน
ความเสี่ยงของคุณมีอย่างเดียวคือผู้เช่าเบี้ยวค่าเช่า
ไม่ใช่ที่ข้างบ้านเค้าขายไปราคาถูกๆแล้วคุณต้องขายตามเค้า
แบบตัดขาดทุนเพราะกลัวราคาจะตกต่อ

อย่างที่เพื่อนๆข้างบน บอกไว้ครับ

ถ้าเลือกดี คาดว่าบริษัทมีกำไรสุทธิในอนาคต

ถือว่าฝากประจำกับ ธนาคาร

ช่วงนี้ตลาดแดงเกือบทุกวัน คนที่พึ่งเข้ามาซื้อหุ้น น้อยคนครับที่จะไม่ติดลบ
คิดซะว่ามีเพื่อนร่วมชะตากรรม อีกเยอะในตลาดทุนครับ

ประจวบ เขียน:ผมเคยอ่านgrahamเค้าอุปมาให้ฟัง
ถ้าคุณมีบ้านให้เค้าเช่า ได้ค่าเช่าสม่ำเสมอ และเหมาะสมกับราคาบ้าน
ความเสี่ยงของคุณมีอย่างเดียวคือผู้เช่าเบี้ยวค่าเช่า
ไม่ใช่ที่ข้างบ้านเค้าขายไปราคาถูกๆแล้วคุณต้องขายตามเค้า
แบบตัดขาดทุนเพราะกลัวราคาจะตกต่อ

พี่ประจวบ ให้ประโยคที่ดีมากเลยครับ

มีคำหนึ่งด้วยว่า ให้ดูธุรกิจขนาดใหญ่ เหมือนร้านชำปากซอย จะทำให้เข้าใจธุรกิจมากขึ้น

คุณประจวบสุดยอดเลยอ่ะ ซึ้งครับ

short หุ้นตัวนั้นไม่ได้หรือครับ ถ้ามันยังไม่ XD
แต่บางตัว short ไปมีโอกาสไม่ได้คืนนะสิครับ
คงต้องดูเป็นตัวๆ

ใครช่วย short pttep wg bki pb safe เยอะๆ หน่อยครับ
ตามยุคสมัยเชียร์ขายบ้าง หุหุ

ถ้าเป็นผม ผมจะทบทวนความรู้และการวิเคราะห์ของผมครับ ว่ามีอะไรที่เรามองข้ามไปหรือไม่ มีอะไรที่เราวิเคราะห์ผิดพลาดหรือไม่ ปัจจัยแวดล้อมต่างๆเปลี่ยนแปลงไปจนส่งผลกระทบด้านร้ายต่อบริษัทหรือไม่

ลองตั้งกระทู้สอบถามคุยกับเพื่อนๆดูว่ามีแนวคิดอย่างไรกับบริษัทนี้

ถ้าเรายังคงมั่นใจ เราก็ถือรอหรือซื้อเพิ่มได้ครับ เรือที่ดี เวลาเผชิญพายุย่อมแกร่งไกวไปบ้าง แต่สุดท้ายก็จะกลับมาแล่นได้มั่นคงเหมือนเดิมครับ

มันน่าคิดตรงที่ว่า เป็นหุ้นที่ดี แต่ ติดลบ 25%

หุ้นอะไรครับบอกหน่อย

เรื่องเวลาซื้อหุ้น ดูช่วงเวลาเปรียบเทียบ indicator อื่นด้วย

หุ้นดีดี ที่ชาว VI นิยมพูดถึงแล้วติดลบมากมาก ดังตัวอย่างข้างล่างครับ



Posted: Sun Jul 04, 2004 12:15 pm Post subject:

--------------------------------------------------------------------------------

หุ้นกลุ่ม VI ที่เคยได้รับความสนใจจากชาว TVI ที่สร้างความผิดหวังอย่างมากในช่วง 6 เดือน ก็คงไม่พ้นจะเป็น FANCY, OGC, TCB, STANLY
เพราะดูเหมือนจะมีสมาชิกให้ความสนใจในหุ้น ดังกล่าวกันพอสมควร

TCB , STANLY

เวลาซื้อหุ้น สำคัญมากอย่าไล่ซื้อ หากหุ้นมีราคาแพงมากแล้ว

P/e , p/bv , Dvd% ค่าเหล่านี้เป็นตัวบอกราคา การคาดหวังด้านกำไรได้


แต่ถ้าเป็นพวกที่กล่าวมาก็มีแนวโน้ว กลับขึ้นไปยืนในราคาสูงที่ผ่านได้ครับ

( หากหุ้นดี เป็น monopoly ดีมากแค่ไหน แต่ราคาแพงมาก ไม่มีประโยชน์ครับที่จะถือรอผลกำไร )

พอร์ตคุณติดลบมากกว่าดัชนีอีกครับ
แสดงว่าอาจจะมีอะไรผิดพลาดบางอย่าง
เช่น

- หุ้นที่ซื้อไม่ได้ดีอย่างแท้จริง
- ซื้อหุ้นที่ราคาแพง ไม่มีส่วนเผื่อความปลอดภัยมาก

หนทางแก้ใข คงต้องทบทวนวิธีการวิเคราะห์หุ้นว่าเหมาะสมหรือเปล่า บางครั้งเราอาจจะคิดเองเออเอง ว่าหุ้นที่เราถือเป็นหุ้นดี แต่อาจจะไม่ได้ดีอย่างแท้จริงก็ได้ อาจจะมีมุมมองที่เรามองข้ามไป ลองใช้วิธีโพสต์ถามเพื่อนๆ ที่นี่ก่อนการซื้อหุ้นก็ได้ครับ

การซื้อหุ้นให้ได้ที่ราคาถูก คงต้องใช้ประสบการณ์พอสมควร ต้องทำใจที่จะซื้อเมื่อคนอื่นกลัว และกลัวในยามที่คนอื่นฮึกเฮิมครับ ทำยากหน่อย แต่น่าจะได้ผลดีในระยะยาว

หรือจะลองใช้การกระจายความเสี่ยงถือหุ้น 4-5 ตัว พร้อมๆกัน ก็น่าจะทำให้พอร์ตมีเสถียรภาพครับ ต่อเมื่อเรามั่นใจหุ้นตัวใดตัวนึงมากๆ ค่อยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นตัวนั้น ก็ยังไม่สายครับ

tcb ต้นทุนสูงอ่ะนำมันแพง staniy หุ้นดีแต่แพง ผลประกอบไม่เป็นอย่างที่หวังเลยร่วง

Fancy เป็นหุ้นตัวหนึ่ง ที่ ปันผล ดี ปีนี้น่าจะได้อย่างต่ำ 0.55 บาท ส่วนใหญ่จะติดหุ้นแถว 10 บาท ก็ จะได้ปันผลในอัตรา 5.5% แต่ ถ้าขายตอนนี้ ก็ขาดทุนจริง ๆ 10-5.70 บาท (ราคาตอนนี้ 5.70 บาท) เท่ากับ 4.30 บาท นั่นหมายถึงขาดทุน 43% เลยนะครับ.........ในความคิดของผม ไม่หวั่นไหวเท่าไหร่ ตราบใดที่เขายังปันผลทุกไตรมาส และ พื้นฐานกิจการไม่เปลี่ยนแปลง ผมก็ยังถืออยู่นั่นแหละ

วันนี้ได้เช็คปันผลของ fancy แล้วครับ งวดไตรมาสแรก 47

ส่วนตัวของผม ต้องคัตลอสครับ!!

แม้ว่าจะวิเคราะห์แล้วว่าราคาที่ซื้อมาสมเหตุสมผลแล้วก็ตาม คัตลอสออกไปก่อน แล้วค่อยลองทบทวนใหม่ว่า ณ ราคาที่คัตลอสไปนั้น ถ้าให้ตัดสินใจใหม่ (ภายใต้สถานการณ์ตลาดตอนที่ตัดสินใจคัตลอส) จะยังตัดสินใจซื้อไหม? หรือลังเล? หรือรอดูก่อน?

บางครั้ง การตัดสินใจซื้อของเรามักถูกชักจูงโดยตลาดไม่มากก็น้อย ดังนั้น ในความเห็น (ส่วนตัว) ของผม ถ้าพลาดแล้ว (ซื้อแล้วลงต่อ แสดงว่าเราซื้อพลาด เพราะตลาดส่วนใหญ่ยังมองแย่กว่าเรา) ให้ถอยออกมาตั้งหลักก่อนครับ

ทุนยังอยู่ซะอย่าง จะลงทุนใหม่กี่ครั้งก็ได้ แต่ถ้าทุนหมดล่ะ?

ขอให้ยึดตามหลักความพอใจครับ
เราเองพอใจซื้อที่ราคาเท่าไร และเราเองพอใจที่ราคาขายที่เท่าไร

ทุกๆครั้งให้ตัดสินใจ บนความพอใจ ของเราเอง

ขอบคุณทุกๆคนมากครับ
ที่ให้แง่คิด
ผมอ่าน ทุกคำตอบดูหลายๆรอบครับ
ผมยอมรับว่ามีหลายจุดที่ผมยังบกพร่อง แล้วก็อ่อนประสบการณ์จริงๆ

ขอบคุณมากๆครับ