Thai VI

อยากมีเงิน 7ล้านก่อนอายุ 30
ก่อนอื่นต้องบอกประวัติก่อนครับ
ตอนนี้อายุ 26
ทำงานเปิดร้านขายของ แต่งงานแล้ว
มีความสามารถในการเก็บเงินเดือนละ 50,000
ตอนนี้มีใน บช หุ้น 250,000
รา้นที่เช่าจะหมดสัญญาอีก 22เดือน นับจากนี้(ไม่อยากจะทำต่อ แต่ทำต่อก็ได้ คือพ่อแม่แก่มากแล้ว)
คาดว่าหมดสัญญาจะมีเงินราวๆ 1,500,000 และรถอีกคัน ตอนนี้ผ่อนอยู่ หมดพร้อมกับสัญญาเช่า และจะไม่มีรายได้หลังจากนั้น
คือเงินจะแบ่งเป็น 2ช่วง ช่วงระหว่างเก็บเงิน และช่วงหลังหมดสัญญา
พอจะมีแนวทางใดที่เป็นไปได้บ้าง
มีเงินเพิ่มปีละกี่ % รบกวนเพื่อนๆพี่ๆแนะนำด้วยครับ

ขอบพระคุณอย่างสูง

1) หุ้น - ตัดทิ้งไปได้เลยอันดับแรก เพราะ เงินเริ่มลงทุนสมมุติ 2 ล้านและเป็นคนที่เล่นหุ้นเก่งมาก ๆ ได้ 10% ต่อปี และมีเงินเพิ่มปีละ 6 แสน (เงินที่หามาได้ไม่ให้ใช้เลยแม้แต่บาทเดียว)

อายุ 27 จะมีเงิน 2.8 ล้าน
อายุ 28 จะมีเงิน 3.68 ล้าน
อายุ 29 จะมีเงิน 4.64 ล้าน
อายุ 30 จะมีเงิน 4.7 ล้าน

2) ทำธุรกิจที่เป็นของตนเอง แต่ต้องลงทุนและมีความเสี่ยงสูง จขกท. มีความสามารถพิเศษอะไรบ้างครับที่เป็น Talent ของตนเอง เช่น ฝีมือในการทำอาหาร, บันเทิง ฯลฯ

3) ไปเป็น ผู้บริหารระดับสูง ขององค์กรเอกชน และควบคู่กับลงทุนในหุ้น หากสามารถสร้างเงินเก็บต่อเดือนได้มากขึ้นก็มีโอกาสเป็นไปได้ และที่สำคัญองค์กรเอกชน บริษัทต่าง ๆ มีสวัสดิการอย่างอื่นเพิ่มเติมอีก

บทความคุณ hongvalue กำลังเข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน http://hongvalue.wordpress.com/2011/08/ ... %E0%B8%B5/ คือทุกวิกฤติจะมีหุ้นหลายเด้งรออยู่ อยู่ที่ว่าจะหาเจอหรือเปล่าเท่านั้นครับ เพราะหุ้นแบบนี้เป็นหุ้นที่คนส่วนใหญ่มองข้าม หรือไม่ก็มองไม่เห็นข้อดีของมัน ไม่ง่ายที่จะเจอ ที่สำคัญความรู้ในธุรกิจนั้นๆต้องแน่น

อืม วิธีมันก็น่าจะมีหลายวิธีนะครับ แต่ที่ผมสงสัยคือ ทำไมต้อง " 7ล้าน "
แล้วทำไมต้อง "ก่อนอายุ 30" ครับ....-_-??)

7 ล้านบาทถ้านำไปฝากประจำดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี ครบปีได้ดอกเบี้ย
245,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 20,000 บาท ก็อาจไม่พอใช้แต่ก็พอจะจุนเจือได้บ้าง หรือเอาไปต่อยอดต่อให้เป็น ... แต่ดูจากรูปการแล้ว อายุ 30 ปี คงจะไม่รีบกระเษียณ แต่เพื่อให้เป็นไปตามแผนมากกว่า

ถ้าเริ่มต้นด้วยคำถามนี้ ก็ต้องไปหาความรฺุ้ ก่อนเลยครับ

การลงทุน ในการหาความรู้ ความเข้าใจ ในการลงทุน จะเป็นตัวกำหนด ผลตอบแทนการลงทุน

เช่น ที่คุณ picatos เคยเขียนใน กระทู้ มีเงินร้อยล้านอะไรนี่ล่ะครับ

ว่า อ่านหนังสือวันละกี่ชั่วโมง อ่านงบการเงินกี่บริษัท ดู op day ...

ถ้าทำแล้ว มีความเข้าใจ และ ประสบการณ์ การลงทุน เพียงพอ

ผลตอบแทนก็จะมาได้เอง


ถ้าไม่ทำ หรือ ทำแล้ว แต่ ยังไม่ค่อยเข้าใจ ผลตอบแทน ก็จะได้ตามความรู้ที่มี

jenjira55 เขียน:อยากมีเงิน 7ล้านก่อนอายุ 30

มีความสามารถในการเก็บเงินเดือนละ 50,000

รา้นที่เช่าจะหมดสัญญาอีก 22เดือน นับจากนี้(ไม่อยากจะทำต่อ แต่ทำต่อก็ได้ คือพ่อแม่แก่มากแล้ว)
คาดว่าหมดสัญญาจะมีเงินราวๆ 1,500,000 และรถอีกคัน ตอนนี้ผ่อนอยู่ หมดพร้อมกับสัญญาเช่า และจะไม่มีรายได้หลังจากนั้น
คือเงินจะแบ่งเป็น 2ช่วง ช่วงระหว่างเก็บเงิน และช่วงหลังหมดสัญญา
พอจะมีแนวทางใดที่เป็นไปได้บ้าง

ถ้าต้องการfixเป๊ะๆ อืม ผมไม่เชียร์หุ้น เพราะอยู่บนสมมติฐานที่ว่าเราไม่สามารถคาดการณ์ราคาหุ้นได้ แต่คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจได้
พอจะคาดการณ์แนวโน้มเงินปันผลได้ ส่วนราคาหุ้นแล้วแต่ตลาดจะกรุณา
ผมเชียร์ให้คุณขยายธุรกิจโดยขยายทีมงานให้น้อยที่สุด รีดเอาประสิทธิภาพจากทรัพยากรที่มีอยู่ให้มากที่สุด อาจจะโดยการตบรางวัล
เพิ่มโบนัส ขึ้นเงินเดือน ร้อยแปด ซึ่งรวมถึงตัวคุณเองด้วย และคุณจะต้องเป็นทัพหน้าที่เหนื่อยสุด เสียสละสุด ประมาณว่าตื่นก่อน นอนทีหลัง

จากข้อมูลบอกว่าเป็นธุรกิจซื้อมาขายไป สิ่งสำคัญที่สุดคือ การทำรอบ ยิ่งหมุนรอบได้จัดเท่าไร ปสภ.ก็สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
ยิ่งถ้าสามารถขายของได้กลางอากาศจะยิ่งสุดยอด เพราะนั่นหมายถึงว่าไม่ต้องควักทุนไม่ต้องสต๊อกของเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เงินเก็บทุกๆเดือนนำมาใช้ในธุรกิจให้หมด เร่งขยายตลาด ขายเงินสดเท่านั้น โดยอาจจะใช้ราคาหรือการบริการที่รวดเร็วแม่นยำเป็นตัวนำ
ยิ่งตอนที่มีภาวะขึ้นราคา คุณต้องนำเงินเก็บมาสต๊อกของราคาเก่าให้คุ้มที่สุด สมมติสินค้าตัวหนึ่งขึ้น10% หลังจากเอ๊งชิ้วลูกค้าแล้ว
คุณเก็บสินค้าไว้ขายราคาใหม่หมดภายใน4เดือน อัตราการทำกำไรจากเงินก้อนนั้นจะเท่ากับ30%ลบด้วยgross marginปกติ ซึ่งสูงทีเดียว ถ้าเทียบกับการลงทุนทุกประเภท
รถถ้าเป็นรถเก๋ง ผมแนะให้เปลี่ยนเป็นรถกระบะ รถเก๋งแม่มได้เท่ห์ ได้สบาย แต่ใช้หาตังไม่ได้เหมือนกระบะ
ในระดับของเงินลงทุนที่ยังน้อยๆ การลงทุนในธุรกิจตนเอง ผลตอบแทนดีที่สุดครับ ตราบจนธุรกิจเติบใหญ่จนชนข้อจำกัดในด้านการบริหาร ด้านทรัพยากร เมื่อนั้นจึงโยกเงินลงทุนมาซื้อธุรกิจคนอื่นครับ

ถามว่าทำไมต้องคือ 7 ล้านมีความเป็นไปได้ที่สุดบนพื้นฐานของความจริง
ความรู้เรื่องทำธุรกิจมีพอสมควร
ส่วนความรู้เรื่องหุ้น มีแค่เรื่องจิตวิทยา ไม่มีความรู้เรื่องกราฟ ทุกวันอาศัยแค่ว่าคนคิดกันยังไง ต่อไปจะยังไง แบบนั้นมากกว่า กราฟได้เกรด 1
มองคนเป็น มองเทรน(น่าจะ)ออก เพราะด้วยสิ่งที่ทำอยู่
ตัวเองมีดีเรื่องความประหยัด วิธีคิดอ่าน
ใจจริงอยากมีอิสระทางการเงิน แล้วไปอยู่กับพ่อแม่ให้เร็วที่สุด

ขอบคุณพี่ๆที่มาชี้แนะครับ

เป้าหมายนั้นสูงมากครับ มองมุมนึงมันก็ท้าทายดี แต่มองในอีกมุมนึงนั้นอันตราย เพราะหากดั้งด้นที่จะทำก็หมายถึงว่าเราต้องรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น

ผมเห็นด้วยกับทีพี่ NB แนะเอาไว้ ว่าวิธีที่หาเงินได้ไวที่สุดก็น่าจะเป็นการทำธุรกิจที่ตัวเองถนัดครับ

อีกทางหนึ่งที่น่าทำควบคู่กันก็คือลดรายจ่ายครับ ถ้าเราใช้น้อย เราก็จะมีเงินเก็บมากขึ้น และสุดท้ายเราก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเงินไปเยอะๆ เพราะมีไม่มากเราก็อยู่ได้ครับ

งั้นผมถามต่อครับ โจทย์คือเงินจำนวน 7 ล้านตอนอายุ 30 นั่นคือเป้าหมาย
ที่คุณบอกว่าจะมีอิสรภาพทางการเงิน แล้วไปอยู่กับพ่อแม่

คำถาม คือ
1)จำนวนเงิน หรือการอยู่กับพ่อแม่ กันแน่ที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริง??
2)ถ้าเรามีเงินจำนวน 7 ล้านตอนอายุ 30 แล้วเราจะมีอิสรภาพทางการเงินจริงหรือ??
3)แล้วถ้าเรามีเงินไม่ถึงตอนอายุ 30 หละ เราจะทำยังไงกับเป้าหมายที่วางเอาไว้??

สุดท้าย คือ "ทำไมเราถึงเลือกทำตามเป้าหมายทั้ง 2 อย่างไปพร้อมๆกันไม่ได้หละ??"

ลองถามตัวเองดูครับ...^^)

เข้ามาให้กำลังใจด้วยค่ะ

แต่อยากบอกว่าน่าจะซอยเป้าหมายให้ย่อยๆ ขึ้น (ไม่อยากให้เป็นจำนวนเงินเลย)
เพื่อเป็น milestone ในแต่ละช่วง เมื่อเราทำสำเร็จไปทีละ step จะเกิดความภูมิใจ
ซึ่งจะเป็นแรงขับให้เรามีพลังสำหรับก้าวต่อไปด้วยค่ะ

ที่ต้องไม่ลืมคือ...ต้องยืดหยุ่น..และหมั่นทบทวน
ถ้ามันไม่ได้...มันมีปัจจัยอะไรมาเกี่ยว ปัจจัยนั้นเราจัดการกับมันได้มั้ย...ถ้าได้ต้องทำอย่างไร
และถ้าไม่ได้....ก็ต้องทำใจ....และปรับเป้าหมายใหม่เป็นระยะๆ ด้วย

เป้าหมายนั้นถ้าเราทำสำเร็จจะทำให้มีพลัง
แต่ในทางกลับกัน....มันอาจจะกลายเป็นตัวบั่นทอนจิตใจได้เหมือนกัน..ถ้าผลลัพท์เป็นทางตรงกันข้าม

พี่เองก็ไม่ได้เคยตั้งเป้าหมายเป็นตัวเงินนะคะ
ตั้งเป้าหมายแต่เพียงว่าเราจะให้ "เงินออม" ช่วยทำงาน
ให้มีประสิทธิภาพที่สุด.....เท่าที่ศักยภาพของตัวเราเองจะทำได้

สิ่งที่ต้องทำคือเพิ่มศักยภาพของตัวเองค่ะ

การเข้ามาหาความรู้ที่นี่ ถือว่าเป็นก้าวที่ถูกต้องแล้ว
พยายามพัฒนาศักยภาพของตัวเราให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อเหตุดี....ผลก็น่าจะออกมาดีค่ะ

Plant เขียน:งั้นผมถามต่อครับ โจทย์คือเงินจำนวน 7 ล้านตอนอายุ 30 นั่นคือเป้าหมาย
ที่คุณบอกว่าจะมีอิสรภาพทางการเงิน แล้วไปอยู่กับพ่อแม่

คำถาม คือ
1)จำนวนเงิน หรือการอยู่กับพ่อแม่ กันแน่ที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริง??
2)ถ้าเรามีเงินจำนวน 7 ล้านตอนอายุ 30 แล้วเราจะมีอิสรภาพทางการเงินจริงหรือ??
3)แล้วถ้าเรามีเงินไม่ถึงตอนอายุ 30 หละ เราจะทำยังไงกับเป้าหมายที่วางเอาไว้??

สุดท้าย คือ "ทำไมเราถึงเลือกทำตามเป้าหมายทั้ง 2 อย่างไปพร้อมๆกันไม่ได้หละ??"

ลองถามตัวเองดูครับ...^^)

1การได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่ได้เร็วที่สุด(ด้วยจำนวนเงินที่มากพอ)นั่นคือเป้าหมายครับ
2 เคยลองคิดเล่นๆว่าถ้ามี 7 ล้าน อย่างน้อยถ้าฝากประจำคงได้เดือนละ 20,000 มาให้ภรรยาใช้ไม่ขัดสนมากนัก ส่วนตัวพ่อยกที่นาไว้ให้แล้ว คงกลับไปทำนา ส่วนพ่อแม่ท่านไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน เพียงแต่ว่าเราอยากกลับไปดูแล และสานต่อความฝันของพ่อเท่านั้นเอง
3 ถ้าได้ไม่ถึง เรื่องนี้ไม่เคยคิดเลยครับ

ต้องขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่แชร์มุมมองกันครับ

พี่ขอถามหน่อยครับ ปัจจุบันมีหุ้น สองแสนห้า ภายในเวลา กี่ปีอันนี้พี่ไม่ทราบ จะมี เจ็ดล้าน = เป้าหมาย

คำถามคือ ถ้ามีไม่ถึงเจ็ดล้าน การกลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ท่าน เป็นไปได้หรือไม่ครับ?

jenjira55 เขียน: 1การได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่ได้เร็วที่สุด(ด้วยจำนวนเงินที่มากพอ)นั่นคือเป้าหมายครับ
2 เคยลองคิดเล่นๆว่าถ้ามี 7 ล้าน อย่างน้อยถ้าฝากประจำคงได้เดือนละ 20,000 มาให้ภรรยาใช้ไม่ขัดสนมากนัก ส่วนตัวพ่อยกที่นาไว้ให้แล้ว คงกลับไปทำนา ส่วนพ่อแม่ท่านไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน เพียงแต่ว่าเราอยากกลับไปดูแล และสานต่อความฝันของพ่อเท่านั้นเอง
3 ถ้าได้ไม่ถึง เรื่องนี้ไม่เคยคิดเลยครับ

ต้องขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่แชร์มุมมองกันครับ

แสดงว่าคุณ "jenjira55" ยังไม่เข้าใจความหมายที่ผมจะสื่อทั้งหมดครับ
เอาเป็นผมแนะนำให้หาหนังสือเล่มนี้มาอ่านครับ

"เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง เริ่มต้นง่าย แค่ใจมองเห็น"
ของคุณหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์

ผู้เขียนเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ต่างๆ เรียนรู้ และตกผลึกความคิดทั้งหมดในการ
เดินทางสู่อิสรภาพทางการเงินด้วยตนเอง เป็นความรู้ แง่คิดที่เกิดจากตนเอง
ไม่ได้จำหรือลอกเขามา หรือเขียนตามตำราต่างๆที่มีอยู่ทั่วไป และขณะนี้ก็เป็น
โค้ชทางการเงินทั้งส่วนบุคคลและธุรกิจให้กับคนไทยในหลายๆจังหวัดครับ...^^)

Nevercry.boy เขียน:พี่ขอถามหน่อยครับ ปัจจุบันมีหุ้น สองแสนห้า ภายในเวลา กี่ปีอันนี้พี่ไม่ทราบ จะมี เจ็ดล้าน = เป้าหมาย

คำถามคือ ถ้ามีไม่ถึงเจ็ดล้าน การกลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ท่าน เป็นไปได้หรือไม่ครับ?

จริงๆคืออยากมีเงินมากเพื่อให้ตัวเองกลับบ้านไปแบบสบายๆไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องทำไรมากมายก็พอมีกินมีใช้
ถ้ามี2ล้านก็ได้แต่ประเมินแล้วคงกลับบ้านไปแบบเหนื่อยๆ
5 ล้านคงพอดี
เพราะว่ากลับไปก็คงไปทำนา ทำสวน คงพอมีกินโดยไม่ใช้เงินเก่า

jenjira55 เขียน:

Nevercry.boy เขียน:พี่ขอถามหน่อยครับ ปัจจุบันมีหุ้น สองแสนห้า ภายในเวลา กี่ปีอันนี้พี่ไม่ทราบ จะมี เจ็ดล้าน = เป้าหมาย

คำถามคือ ถ้ามีไม่ถึงเจ็ดล้าน การกลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ท่าน เป็นไปได้หรือไม่ครับ?

จริงๆคืออยากมีเงินมากเพื่อให้ตัวเองกลับบ้านไปแบบสบายๆไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องทำไรมากมายก็พอมีกินมีใช้
ถ้ามี2ล้านก็ได้แต่ประเมินแล้วคงกลับบ้านไปแบบเหนื่อยๆ
5 ล้านคงพอดี
เพราะว่ากลับไปก็คงไปทำนา ทำสวน คงพอมีกินโดยไม่ใช้เงินเก่า

โอเค เข้าใจแล้วครับ น้องเป็นคนกตัญญู ยังไงก็ประสบความสำเร็จแน่ครับ ต้องใช้โมเดลการออมครับ อืมม์ ถ้าเป็นวิชาวิศวกรรม ก็ต้องเป็น buffer หรือ safety stock โดยใช้ inventory model มาอธิบาย อธิบายให้ง่ายดังนี้ครับ

1. น้ำไม่ต้องเต็มตุ่ม แต่น้ำเข้าและน้ำออก ต้องเหลือน้ำก้นตุ่มไว้เสมอ ในยามฝนแล้ง ประเด็นคือ น้องไม่ต้องมีเงินเต็มจำนวน (เต็มตุ่ม) แต่ต้อง balance ระหว่าง รายได้ และรายจ่าย ให้สมดุล และแต่ละเดือน เหลือเงินออมไว้ ปัจจุบันเรายังไม่มี 7 ล้าน คุณพ่อคุณแม่ท่านอยู่กันได้ แสดงว่ารายจ่ายต่อเดือน ณ รายได้ปัจจุบันยังพอไหว

2 เงินออมแยกเป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งเรียกว่า working cap เอาไปใช้ในการลงทุน เช่น หุ้น กิจการส่วนตัว หรืออื่น ๆ ส่วนที่สองเรียกว่า เงินสำรองฉุกเฉิน ก้อนที่สองต้องมากพอหรืออย่างน้อยเท่ากับจำนวนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ดังนี้
2.1 working cap เอาไปลงทุน ค่อย ๆ สะสมไปเป็น snowball
2.2 สำรองฉุกเฉิน >= หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต

3 ลงทุนในความรู้ น้องอายุ 26 อายุยังน้อยมาก ๆ สมัยก่อนผู้ชายอายุ 25 พึ่งจะบวช เรียนรู้ให้มาก หลายต่อหลายคนประสบความสำเร็จก็ต้องรู้จักเรียนรู้ก่อน หากเริ่มเรียนรู้และประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองทำ สมมติ ลงทุนในหุ้นก็สั่งสมประสบการณ์ไป คนเราจะทำในสิ่งที่ชอบรักในสิ่งที่ใช่ ถ้าไม่ใช่ทำไปสักพักนึงมันก็จะเลิกเอง ตลาดหุ้นคัดคนออกเสมอ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เอง ชอบ ในการลงทุน เค้าก็ทำได้ดี บิลเกตต์ หรือ สตีฟ จอบส์ ไม่ได้เล่นหุ้นแต่ก็รวย คือต้องเริ่มจาก "ชอบ" ก่อน แล้วสิ่งดี ๆ จะตามมา

4 อันนี้สำคัญมากครับ เงินเจ็ดล้าน คนไทย ค่อนประเทศไม่มีครับ แต่คนไทยค่อนประเทศใช้ชีวิตให้มีความสุขได้ ดูแลพ่อแม่ได้แม้อยู่ไกลกัน ถ้าเป็นไปได้พี่อยากขอให้เราตั้งเป้าหมายชีวิต โดยไม่ให้เงินมากำหนด เงินนั้นมันชอบหลอกเรา เรานึกว่ามันเป็นทาสเรา แต่จริง ๆ แล้วเราเป็นทาสมัน และต่อให้เรามีเท่าไร? เราก็ไม่มีวันที่จะมีอิสระภาพทางการเงิน

พยายามจะช่วยคิดนะ

สรุปคือ
ปัจจุบัน + ข้อดี
1. มีความสามารถในการเก็บเงินเดือนละ 50,000

2. ตัวเองมีดีเรื่องความประหยัด วิธีคิดอ่าน

ถือว่าหาเงินได้มาก และคงต้องออมเก่ง....ขอชื่นชมจุดนี้ก่อน

อนาคตอันไกล้
- อีก 22 เดือน จะมีเงิน 1.5 ล้าน และรถที่ไม่ต้องผ่อน 1 คัน
(บวกหุ้นที่มีอยู่ 250,000 สมมติโตเป็น 350,000)
มีคำถามว่า หุ้นนี้มีปันผลหรือไม่ หรือว่าต้องขายเท่านั้นจึงจะได้เงิน

- แต่จะไม่มีรายได้หลังจากนั้น
(ข้อนี้...ที่พี่ๆ เค้าเข้ามาห่วงกันมาก..รวมทั้งพี่ด้วย)


เป้าหมาย (ภาพใหญ่ของตัวเองที่อยากเห็น)
1. อยากมีเงิน 7ล้านก่อนอายุ 30
(ปัจจุบัน 26 มีเวลา 4 ปีนับจากนี้...และประมาณ 26 เดือน นับจากอนาคตอันใกล้)

2. แสดงว่าจากเงิน 1.5 ล้าน จะต้องเป็น 7 ล้าน ยังขาดอีก 5.5 ล้าน จึงจะถึงเป้าหมาย
(ในอีก 26 เดือน นับจากอนาคตอันใกล้)
3. การได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่ได้เร็วที่สุด(ด้วยจำนวนเงินที่มากพอ)
เป็นเป้าหมายที่ดีและน่าชื่นชม แต่ในวงเล็บ ที่พี่ๆ เขาห่วงว่าถ้าไม่พอไม่กลับไปใช่หรือไม่?
4. เคยลองคิดเล่นๆว่าถ้ามี 7 ล้าน อย่างน้อยถ้าฝากประจำคงได้เดือนละ 20,000
มาให้ภรรยาใช้ไม่ขัดสนมากนัก (ข้อนี้จะเกิดขึ้นได้แสดงว่าต้องมี 7 ล้านก่อน)

5. ส่วนตัวพ่อยกที่นาไว้ให้แล้ว คงกลับไปทำนา
(ทำนาเป็นหรือไม่.....ถ้าไม่และยังยืนยันว่าจะกลับไปทำนา ต้องรีบเรียนรู้
การทำนาให้ได้ผลผลิตที่ดี_การลดต้นทุนน่าจะช่วยได้_แนะนะหนังสือ
“ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว” เป็นหนังสือแปลผู้เขียนชื่อ ฟูกูโอกะ อ่านคู่ไปด้วย
และลองดูเรื่องของผู้ใหญวิบูลย์ เข็มเฉลิม ควบคู่ไปด้วย
อาจทำเป็นสวนเกษตร ไม่ต้องปลูกข้าวอย่างเดียว)

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... 10&group=3)


6. ส่วนพ่อแม่ท่านไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน เพียงแต่ว่าเราอยากกลับไปดูแล
และสานต่อความฝันของพ่อเท่านั้นเอง
(พ่อแม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลใดๆ ไหม_มีโรคประจำตัว หรือโรคที่คาดว่าจะมีจากกรรมพันธุ์
เช่น เบาหวาน ความดันหรือไม่_ต้องเตรียมสำหรับการนี้ไว้บ้าง)


“3 ถ้าได้ไม่ถึง เรื่องนี้ไม่เคยคิดเลยครับ”
จากจุดนี้_จึงมีพี่ๆ มาเป็นห่วงเยอะ และอยากเตือนให้คิดๆ เผื่อไว้บ้างเท่านั้นเอง
ถ้าได้ถึงหรือได้เกินก็จะดีค่ะ แต่ถ้าไม่ถึงมันจะกลับไปกระทบกับข้อที่ว่า
“อย่างน้อยถ้าฝากประจำคงได้เดือนละ 20,000 มาให้ภรรยาใช้ไม่ขัดสนมากนัก”
(เพราะข้อนี้เข้าใจว่าตั้งใจจะมาจากดอกผลของเงิน 7 ล้าน ตามเป้าหมาย)

คำถามเพิ่มเติม
1. มีลูกหรือไม่ และตั้งใจจะมีลูกหรือไม่... ถ้าตั้งใจจะมีหลัง 4 ปีไปแล้ว ก็ค่อยคิดก็ได้
แต่ถ้าจะมีก่อนก็ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงดูลูกไว้ด้วยนะ
และค่าเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ถึงเป้าหมายช้าลงแน่

ที่ถามมาทั้งหมดให้ลองถามตัวเอง และตอบเองนะคะ แค่จัดหมวดหมู่ให้เฉยๆ ค่ะ

อยากบอกว่าชื่นชมที่เริ่มคิดที่จะตั้งเป้าหมายดีๆ ไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เพราะที่เคยเจอบางคนจะ 40 แล้วยังไม่มีเป้าหมายใดๆ เลย

และอาจด้วยวัยที่ยังน้อย.....เลยทำให้การตั้งเป้าหมายนั้นอาจตกหล่นรายละเอียดระหว่างทางไปบ้าง (ไม่แปลกอะไรนะ)

เดี๋ยวลองใส่รายละเอียดเพิ่มตามข้อคำถามต่างๆ ดูก่อน....แล้วค่อยๆ ปรับไปค่ะ ทั้งเป้าหมายทั้งวิธีการ

.............................................................................

พี่เคยอ่านเจอกระทู้ใน pantip เป็นเรื่องของน้องผู้ชายคนนึงที่เค้าตามแฟนไปอยู่ต่างจังหวัด
ตอนแรกคิดว่าจะอยู่ไม่ได้ อยู่ไปอยู่มาสนุกเพราะเค้าไปทำอะไรหลายอย่าง
เช่น ทำท่อประปาให้พ่อแม่แฟนรดน้ำต้นไม้
ไปปล่อยสัญญาณ Internet แล้วเก็บเงิน จนมีลูกค้าเพิ่มแล้วขยายกิจการ อะไรประมาณนี้ค่ะ

จำไม่แม่น จะหา link มาแปะให้ก็หาไม่เจอ

........................................................

และเคยอ่านหนังสือเล่มนึง จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว

ที่ว่ามีคนรับจ้างหาบน้ำ.....ถ้าจะเพิ่มรายรับ....ต้องเพิ่มจำนวนเที่ยวที่หาบน้ำ (หักโหม)
พอแก่ตัวไม่สามารถไปหาบน้ำได้....จึงไม่มีรายรับเข้าอีกเลย
แต่ปัญหาคือ มีรายจ่าย และ ยังไม่ตาย

ส่วนอีกคน รับจ้างหาบน้ำเหมือนกัน...เพิ่มเที่ยวเหมือนกัน
แต่ควบคู่กันไปเอาเงินที่เพิ่มไปซื้อวัสดุอุปกรณ์
สร้างท่อเชื่อมต่อจากแหล่งน้ำนั้นมายังหมู่บ้านด้วย

แรกๆ ก็โดนวิจารณ์ว่าแปลก แต่ตอนหลังพอท่อเชื่อมต่อได้หมดแล้ว
เขาก็ผันน้ำมายังหมู่บ้าน และมีรายรับจากการขายน้ำโดยไม่ต้องไปหาบน้ำอีกเลย (มี passive income)

ในกรณีของน้อง อาจลองมองหาดูว่าที่บ้านพ่อแม่เรามีช่องทางที่เราจะไปลงทุนทำอะไร
ที่จะมีรายได้เพิ่มจากการทำนาไปด้วยได้บ้าง

เผลอๆ คิดไปคิดมา.....เจอไอเดียเด็ด ๆ ไปทำได้ทันที ได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่ก่อน 4 ปีซะอีก
โดยที่ยังไม่ต้องรอให้มีถึง 7 ล้านเลย....แล้วค่อยไปเพิ่มจำนวนเป็น 7 ล้านหลังจากนั้นก็ได้นะคะ

ขอให้เจอแนวทางที่ดี เร็วๆ นะ

หวังว่าคงเข้าใจที่พี่ๆ มาช่วยกันตั้งคำถามให้ตอบนะคะ
ทั้งนี้เพื่อให้เราตอบและเกิดความกระจ่างแผนในตัวเองขึ้นเรื่อยๆ นั่นเองค่ะ

คล้ายๆ กันครับ
เป็นกำลังใจให้

เงิน 7 ล้านดูเหมือนอาจจะเยอะในตอนนี้ แต่อีก 10, 20, 30 ปีข้างหน้า จะยังเยอะอยู่หรือไม่?????

และคิดว่าตัวเองจะมีอายุยืนยาวแค่ไหน แนวโน้มคนอายุยืนขึ้น อีกหน่อยอายุ 80 ปีจะเป็นเรื่องปกติ นั่นแปลว่าชีวิตอีก 50 ปีข้างหน้านั้น เงิน 7 ล้านนี้จะ "เอาอยู่" หรือไม่

ถ้าอายุ 30 ปี แต่ว่าไม่ได้ต้องการจะทำงานอะไรมากมายแล้ว (ยกเว้นจะกลับไปทำนา) นั่นแปลว่าเงิน 7 ล้านนี้ อาจจะกลายเป็นไข่ในหิน ห้ามลดลง เพราะถ้าลดลงเมื่อไหร่ เงินที่จะให้ภรรยาเดือนละ 20000 บาทก็จะหายไป ยังไม่นับว่าเงินจำนวนนี้โดนเงินเฟ้อกัดกร่อนลงไปทุกปี

ค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง เช่นความเจ็บป่วยของเราและคนในครอบครัว จริงอยู่คนไทยทุกคนมีบัตรทอง แต่ก็ใช่ว่ายามเจ็บป่วยนั้น golden card จะทำให้คุณไม่มีค่าใช้จ่ายเลย ที่สำคัญคนอายุน้อยมักมองข้ามจุด ๆ นี้ไป และมันมักจะมาโดยไม่มีสัญญาณเตือน และสามารถเอาเงินจากกระเป๋าคุณไปได้โดยที่เรามิอาจจะปฏิเสธได้

คุณถามความเห็น ผมตอบตรง ๆ เลยนะครับ เงิน 7 ล้าน ถ้าไม่มีมาเพิ่มเรื่อย ๆ ถ้าจะกินดอกผลของเงินจำนวนนี้อย่างเดียวต่อไปอีกหลายสิบปี ในขณะที่คุณก็อายุยังน้อยนั้น ผมเกรงว่า "จะเอาไม่อยู่" ครับ

สิ่งผมเป็นห่วงจริงๆคือ "จุดอ่อนของเป้าหมาย" ครับ
เป้าหมาย คือ "การได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่ได้เร็วที่สุดด้วยจำนวนเงินที่มากพอ"

จุดอ่อนของเป้าหมาย คือ "อายุขัยของคน" ครับ
ไม่เพียงแต่พ่อแม่ของคุณนะครับ ผมรวมถึงตัวคุณด้วย
คุณจะรู้ได้ยังไงว่าอีก 4 ปี ในอนาคตทั้งคุณและพ่อแม่จะยังไม่มีใคร
ที่จะเจอกับเรื่องร้ายๆที่อาจผ่านเข้ามา จนทำให้ต้องสูญเสียใครซักคนไป

พี่หนุ่มที่ผมแนะนำหนังสือเขา เคยบอกว่า
"คนเรานั้นมักเข้าใจผิด คิดว่าเกิดมาแล้วต้องเป็นเด็ก โตไปเป็นวัยรุ่น
พอเป็นผู้ใหญ่แล้วก็แก่เจ็บแล้วก็ตาย ซึ่งจริงๆแล้วความตายมันมาหาเราได้ในทุกๆวัย
ไม่ใช่ในแบบที่ทุกๆคนคิด"

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดมันจึงไม่ใช่ "เงิน" ครับ แต่เป็น "เวลา" ต่างหากที่สำคัญ
ลองคิดทบทวนดูดีๆนะครับ....^^)

Plant เขียน:
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดมันจึงไม่ใช่ "เงิน" ครับ แต่เป็น "เวลา" ต่างหากที่สำคัญ
ลองคิดทบทวนดูดีๆนะครับ....^^)

บวกล้านแต้ม

Nevercry.boy เขียน:

Plant เขียน:
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดมันจึงไม่ใช่ "เงิน" ครับ แต่เป็น "เวลา" ต่างหากที่สำคัญ
ลองคิดทบทวนดูดีๆนะครับ....^^)

บวกล้านแต้ม

สวัสดีครับพี่ สบายดีไม๊ผมไม่ได้เข้ามานาน อาจเป็นเพราะว่าไม่รู้จะเข้ามาทำไม ฮา
สำหรับผมไม่หวังมีเท่านั้นเท่านี้ในกี่ปีแล้วครับ คิดมากไปไร้ความสุข
การลงทุนมันคือการเดินทาง ไปเรื่อยๆไม่รีบ

ziannoom เขียน:

Nevercry.boy เขียน:

Plant เขียน:
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดมันจึงไม่ใช่ "เงิน" ครับ แต่เป็น "เวลา" ต่างหากที่สำคัญ
ลองคิดทบทวนดูดีๆนะครับ....^^)

บวกล้านแต้ม

สวัสดีครับพี่ สบายดีไม๊ผมไม่ได้เข้ามานาน อาจเป็นเพราะว่าไม่รู้จะเข้ามาทำไม ฮา
สำหรับผมไม่หวังมีเท่านั้นเท่านี้ในกี่ปีแล้วครับ คิดมากไปไร้ความสุข
การลงทุนมันคือการเดินทาง ไปเรื่อยๆไม่รีบ

การลงทุนมันคือการเดินทาง ไปเรื่อยๆไม่รีบ

นี่ก็คม ยิ่งนานยิ่งคม

ผมสบายดีครับ ต้องปรับตัวกับปัญหาสุขภาพนิดหน่อยครับ

ขอบคุณพี่ๆทุกๆคนครับ ได้มุมมองใหม่ๆเยอะเลยครับ
จากนี้ไปคงต้องกลับมาคิดทบทวนสิ่งต่างๆแบบรอบคอบอีกทีครับ

jenjira55 เขียน:ถามว่าทำไมต้องคือ 7 ล้านมีความเป็นไปได้ที่สุดบนพื้นฐานของความจริง
ความรู้เรื่องทำธุรกิจมีพอสมควร
ส่วนความรู้เรื่องหุ้น มีแค่เรื่องจิตวิทยา ไม่มีความรู้เรื่องกราฟ ทุกวันอาศัยแค่ว่าคนคิดกันยังไง ต่อไปจะยังไง แบบนั้นมากกว่า กราฟได้เกรด 1
มองคนเป็น มองเทรน(น่าจะ)ออก เพราะด้วยสิ่งที่ทำอยู่
ตัวเองมีดีเรื่องความประหยัด วิธีคิดอ่าน
ใจจริงอยากมีอิสระทางการเงิน แล้วไปอยู่กับพ่อแม่ให้เร็วที่สุด

ขอบคุณพี่ๆที่มาชี้แนะครับ

ก็ไปอยู่กับพ่อแม่เลยสิ อยู่ไปด้วยทำงานไปด้วยก็ได้นี่

ชายคนหนึ่งขายกาแฟเฉพาะช่วงเช้า เวลาที่เหลือเขาจะนอนเล่น มีคนหนึ่งไปแนะนำเขาขณะที่กำลังนอนเล่นว่า เขาน่าจะขายทั้งวัน จะได้เงินเยอะขึ้น ชายคนนั้นถามกลับไปว่า แล้วจะหาเงินเยอะ ๆ ไปทำไม คนนั้นก็ตอบไปว่า นำเงินที่ได้ไปลงทุน ใช้ดอกผลที่ได้อย่างมีความสุข มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
ชายคนนั้นก็ตอบกลับไปว่า ผมไม่ได้พักผ่อนอยู่เหรอ
???

ชายคนหนึ่งขายกาแฟเฉพาะช่วงเช้า เวลาที่เหลือเขาจะนอนเล่น มีคนหนึ่งไปแนะนำเขาขณะที่กำลังนอนเล่นว่า เขาน่าจะขายทั้งวัน จะได้เงินเยอะขึ้น ชายคนนั้นถามกลับไปว่า แล้วจะหาเงินเยอะ ๆ ไปทำไม คนนั้นก็ตอบไปว่า นำเงินที่ได้ไปลงทุน ใช้ดอกผลที่ได้อย่างมีความสุข มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
ชายคนนั้นก็ตอบกลับไปว่า ผมไม่ได้พักผ่อนอยู่เหรอ
???

ziannoom เขียน:

Nevercry.boy เขียน:

Plant เขียน:
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดมันจึงไม่ใช่ "เงิน" ครับ แต่เป็น "เวลา" ต่างหากที่สำคัญ
ลองคิดทบทวนดูดีๆนะครับ....^^)

บวกล้านแต้ม

สวัสดีครับพี่ สบายดีไม๊ผมไม่ได้เข้ามานาน อาจเป็นเพราะว่าไม่รู้จะเข้ามาทำไม ฮา
สำหรับผมไม่หวังมีเท่านั้นเท่านี้ในกี่ปีแล้วครับ คิดมากไปไร้ความสุข
การลงทุนมันคือการเดินทาง ไปเรื่อยๆไม่รีบ

ผมว่าคุณ ziannoom ทำถูกแล้วหละครับ การเดินทางไปเรื่อยๆไม่รีบนั้นจะมีความสุขที่สุด

หากมัวแต่ตั้งเป้าจะไปนู่นไปนี่ให้ได้ในเวลาจำกัด เหมือนไปเที่ยวกับทัวร์สามวันสองคืน สุดท้ายแม้จะทำได้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่สิ่งที่ได้ที่ปลายทางก็มีแค่ของที่ระลึก แต่ความสุขกับการเดินทางนั้นได้สูญสายไปหมดแล้ว

leky เขียน:เงิน 7 ล้านดูเหมือนอาจจะเยอะในตอนนี้ แต่อีก 10, 20, 30 ปีข้างหน้า จะยังเยอะอยู่หรือไม่?????

และคิดว่าตัวเองจะมีอายุยืนยาวแค่ไหน แนวโน้มคนอายุยืนขึ้น อีกหน่อยอายุ 80 ปีจะเป็นเรื่องปกติ นั่นแปลว่าชีวิตอีก 50 ปีข้างหน้านั้น เงิน 7 ล้านนี้จะ "เอาอยู่" หรือไม่

ถ้าอายุ 30 ปี แต่ว่าไม่ได้ต้องการจะทำงานอะไรมากมายแล้ว (ยกเว้นจะกลับไปทำนา) นั่นแปลว่าเงิน 7 ล้านนี้ อาจจะกลายเป็นไข่ในหิน ห้ามลดลง เพราะถ้าลดลงเมื่อไหร่ เงินที่จะให้ภรรยาเดือนละ 20000 บาทก็จะหายไป ยังไม่นับว่าเงินจำนวนนี้โดนเงินเฟ้อกัดกร่อนลงไปทุกปี

ค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง เช่นความเจ็บป่วยของเราและคนในครอบครัว จริงอยู่คนไทยทุกคนมีบัตรทอง แต่ก็ใช่ว่ายามเจ็บป่วยนั้น golden card จะทำให้คุณไม่มีค่าใช้จ่ายเลย ที่สำคัญคนอายุน้อยมักมองข้ามจุด ๆ นี้ไป และมันมักจะมาโดยไม่มีสัญญาณเตือน และสามารถเอาเงินจากกระเป๋าคุณไปได้โดยที่เรามิอาจจะปฏิเสธได้

คุณถามความเห็น ผมตอบตรง ๆ เลยนะครับ เงิน 7 ล้าน ถ้าไม่มีมาเพิ่มเรื่อย ๆ ถ้าจะกินดอกผลของเงินจำนวนนี้อย่างเดียวต่อไปอีกหลายสิบปี ในขณะที่คุณก็อายุยังน้อยนั้น ผมเกรงว่า "จะเอาไม่อยู่" ครับ

มัวใช้บัตรทองไม่ได้หรอก คุณภาพสู้โรงพยาบาลเอกชนไม่ได้หรอกครับ ลำบาก

todsapon เขียน:

leky เขียน:เงิน 7 ล้านดูเหมือนอาจจะเยอะในตอนนี้ แต่อีก 10, 20, 30 ปีข้างหน้า จะยังเยอะอยู่หรือไม่?????

และคิดว่าตัวเองจะมีอายุยืนยาวแค่ไหน แนวโน้มคนอายุยืนขึ้น อีกหน่อยอายุ 80 ปีจะเป็นเรื่องปกติ นั่นแปลว่าชีวิตอีก 50 ปีข้างหน้านั้น เงิน 7 ล้านนี้จะ "เอาอยู่" หรือไม่

ถ้าอายุ 30 ปี แต่ว่าไม่ได้ต้องการจะทำงานอะไรมากมายแล้ว (ยกเว้นจะกลับไปทำนา) นั่นแปลว่าเงิน 7 ล้านนี้ อาจจะกลายเป็นไข่ในหิน ห้ามลดลง เพราะถ้าลดลงเมื่อไหร่ เงินที่จะให้ภรรยาเดือนละ 20000 บาทก็จะหายไป ยังไม่นับว่าเงินจำนวนนี้โดนเงินเฟ้อกัดกร่อนลงไปทุกปี

ค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง เช่นความเจ็บป่วยของเราและคนในครอบครัว จริงอยู่คนไทยทุกคนมีบัตรทอง แต่ก็ใช่ว่ายามเจ็บป่วยนั้น golden card จะทำให้คุณไม่มีค่าใช้จ่ายเลย ที่สำคัญคนอายุน้อยมักมองข้ามจุด ๆ นี้ไป และมันมักจะมาโดยไม่มีสัญญาณเตือน และสามารถเอาเงินจากกระเป๋าคุณไปได้โดยที่เรามิอาจจะปฏิเสธได้

คุณถามความเห็น ผมตอบตรง ๆ เลยนะครับ เงิน 7 ล้าน ถ้าไม่มีมาเพิ่มเรื่อย ๆ ถ้าจะกินดอกผลของเงินจำนวนนี้อย่างเดียวต่อไปอีกหลายสิบปี ในขณะที่คุณก็อายุยังน้อยนั้น ผมเกรงว่า "จะเอาไม่อยู่" ครับ

มัวใช้บัตรทองไม่ได้หรอก คุณภาพสู้โรงพยาบาลเอกชนไม่ได้หรอกครับ ลำบาก

หมายความว่าถ้าไม่ต้องการเสียเงินใน 7 ล้านนั้นไปกับค่ารักษาพยาบาลครับ ซึ่งถ้ายอมจ่ายเงินเอง อาจจะเห็นได้ชัดขึ้นว่าเงิน 7 ล้านนี้ ไม่เพียงพอที่จะเป็นหลักประกันได้แน่ครับ เพราะสุดท้ายมันก็อาจจะลดลง เพราะจากที่จขกท.กล่าวว่าต้องการจะกินดอกเบี้ยนั่นแปลว่าเงินที่จะเหลือเอาเข้ามาเติมอาจจะไม่ค่อยมากครับ