Thai VI

เมืี่อต้นปีในสภาวะที่ตลาดกำลังมีงานเลี้ยงรื่นเริงอย่างสุดเหวี่ยง ราคาหุ้นชั้นดีมีคุณภาพหลายตัวถูกไล่ซื้อจนขึ้นไปทำราคาปิดที่สูงมาก ค่า pe ที่เหมาะสมของหุ้นเหล่านั้นสามารถปรับสูงขึ้นไปได้เรื่อยๆ โดยมีเหตุผลที่ดีมารองรับเสมอ มาวันนี้งานเลี้ยงฉลองสิ้นสุดลงโดยไม่ได้บอกกล่าวกันล่วงหน้า ราคาของหุ้นเทพเหล่านั้นได้ตกต่ำลงอย่างมากจากสูงสุดเริ่มคืนสู่สามัญ สร้างความเสียหายอย่างมากแก่นักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นเหล่านั้นในช่วงทีี่มีราคาสูงมากโดยคิดว่ายังมี Mos ที่สูงอยู่คุ้มค่าแก่การลงทุน ตัวอย่างหุ้นเหล่านั้นและราคาปิดสูง, ต่ำมีดังนี้
1. Bjc 90, 40.25
2. Nmg 3.06, 1.25
3. Ofm 86.25, 32.25
4. Work 63.75, 27.25

กระทู้นี้ผมตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นตัวอย่างเตือนสติสำหรับการเลือกลงทุนในหุ้นที่ดีมีคุณภาพแต่ซื้อลงทุนในช่วงที่มีราคาสูงเกินไป มันก็สามารถสร้างความเสียหายแก่เราได้มากเช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับการเข้าซื้อหุ้นเก็งกำไรในตลาด มิได้มีเจตนาเสียดสี เยาะเย้ยแก่นักลงที่เสียหายจากหุ้นเหล่านี้ใดๆทั้งสิ้น

เข้าใจว่า cpn มีการแตกพาร์นะครับ

เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:เข้าใจว่า cpn มีการแตกพาร์นะครับ

ขอบคุณครับ ที่ช่วยอัพเดทข้อมูล ผมขอตัดตัวอย่าง Cpn ออกไปเนื่องจากมีการแตกพา
และมิได้สร้างความเสียหายอย่างมากแก่นักลงทุน

มันเคยขึ้นไปขนาดนั้นได้ไงหว่า

ไม่ทราบว่าหุ้นที่ยกขึ้นมาเป็นหุ้นที่ดี ที่มีคุณภาพอย่างไรบ้างครับ?

พอดีเห็นแต่ชื่อหุ้นกับราคา แต่มองไม่เห็นว่าคุณภาพเป็นอย่างไรครับ

หุ้นเหล่านี้ดีและมีคุณภาพหรือเปล่าอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ

จำได้แต่เพียงว่าหุ้นบางตัวตอนที่กำลังวิ่งขึ้นมา พร้อมกับ PE ที่เริ่มสูงผิดปกติ ตอนนั้นเริ่มมี "มุมมองใหม่ ๆ" แบบ expert opinion เช่น หุ้นตัวนี้ใช้ PE มาประเมินดูไม่ได้ หรือกำลังมี story ที่ทำให้พื้นฐานของบ.เปลี่ยนซึ่งจะทำให้กำไรเพิ่มอย่างมหาศาล

มุมมองลักษณะแบบนี้ มันอาจจะไม่ผิด แต่คนที่จะใช้ก็คงต้องเข้าใจอย่างลึกซื้งครับ เพราะถ้ามันไม่ใช่อย่างที่คิด สุดท้ายมันก็อาจจะเจ็บหนักครับ

ถ้าดูหุ้นสี่ตัวข้างต้น รวมถึงหุ้นที่มีลักษณะมุมมองแบบนั้นบางตัวที่ไม่ได้ถูกยกตัวอย่างมา เราก็มักจะเห็นลักษณะร่วมบางอย่างเช่น

1) กำลังเข้าสู่อุตสาหกรรมบางอย่างที่ดูแล้วมีอนาคต (หรือเปล่า???) เช่น ทีวีดาวเทียม ทีวีดิจิตัล หรือแม้แต่พลังงานทางเลือก โดยที่บางบ.ก็ยังประมูลคลื่นไม่ได้ด้วยซ้ำ ผมเองยอมรับว่าไม่มีความรู้ด้านนี้ จึงไม่ทราบเหมือนกันว่า ถ้าประมูลได้จริง มันจะส่งผลต่อกำไรมากน้อยแค่ไหน จะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาเล่นซักกี่ราย มันจะสวยหรูจริงหรือไม่ หรืออาจจะจบแบบ ITV เรื่องราวที่ฟังดูร้อนแรง มันจึงไม่แปลกที่พอข่าวออกไปหรือมีการจุดประเด็นเหล่านี้ หุ้นก็วิ่งขึ้นไปชนิดที่ E ยากจะตาม P ทัน เพราะบางบ.เองมันก็เป็นแค่ช่วงเริ่มตั้งไข่ และก็ไม่แปลกที่ใครที่ซื้อหุ้นไปก่อนหน้าที่หุ้นจะขึ้นก็ได้รับอานิสงค์ไปเต็ม ๆ ก่อนที่เรื่องทั้งหมดมันจะเกิดขึ้นจริง ๆ ด้วยซ้ำ

2) กำลังจะมีหรือมีปัจจัยที่อาจจะส่งผลต่อรายได้หรือกำไรของกิจการ เช่น การถูกซื้อกิจการ หรือการควบรวม หรือการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว โดยมีการตั้งสมมติฐานว่าการซื้อกิจการและการควบรวมนั้นจะทำให้บ.แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และก็มีเริ่มมีการยอมรับค่า PE ที่สูงกว่าปกติ โดยมีการมองกลับว่าในระยะยาว PE ก็จะค่อย ๆ ลดลงตามการเพิ่มขึ้นของกำไร

แล้วราคาไหนเป็นราคาที่ถูกต้องครับ
ราคาที่สูงหรือราคาที่ต่ำ หรือผิดทั้งคู่

เป็นราคาที่ถูกต้องทั้งคู่ ตามหลัก market efficiency ......... มั๊ง

ช่วงที่หุ้นเป็นตลาดกระทิง หุ้นบางตัวแพงแล้ว แต่แพงได้อีก ที่หลายๆคนชอบพูดกัน มานะตอนนี้อาจใช้ไม่ได้แล้วนะครับ
เห็นกันแล้วว่า.. กำไรในอนาคตที่ยังไม่มา แล้วไม่รู้จะมาเมื่อไร 1ปี 2ปี หรืออาจจะไม่เกิด ใช้ไม่ได้จริง

มาตอนนี้คงมีหลายๆคนเจ็บมาไม่น้อย อะไรที่ยังไม่เกิด อย่าไปให้น้ำหนักมันเยอะ เดียวจะเจ็บแบบผม อิอิ ><

ตลาดหุ้นร่วงคราวนี้ คิดอีกแบบก็ถือเป็นโอกาส
ตอนนี้ เล็งๆ พวกที่ ราคา เกินเอื้อม ได้แต่ ชะเง้อมอง ตอนนี้ ก็ลงมาให้ ใกล้เอื้อมถึงมากขึ้น

ในวิกฤติมีโอกาสนะครับ

ส่วนตัว ไม่เชื่อทฤษฎี "ทุกปัจจัยสะท้อนอยู่ในราคาแล้ว""
โดยเฉพาะในภาวะตลาดไม่ปกติ

หลายเดือนที่ผ่านมา มีหุ้นอีกจำนวนมากที่ราคาลดลงกว่า 50% ซึ่งส่วนหนึ่ง น่า
จะเป็นเพราะความผันผวนของตลาด หรือเป็นเรื่องของตลาดคือแล้วแต่ตลาดจะให้ราคา
ไม่ใช่ทุกตัวที่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานอย่างมีนัยยะ
(อาจจะมีเหตุผลอื่นอยู่เบื้องหลังอีกก็เป็นได้ ใครจะรู้??)

และเรา(นักลงทุน) ควรคิด ทบทวน ศึกษา ค้นคว้า ความบกพร่องของตลาดแบบนี้
เพื่อให้ก่อประโยชน์ต่อการลงทุนของเราให้มากที่สุด มากกว่า..............บลา บลา ...........


.......................................................................
อยู่ในตลาด แล้วแต่ตลาด
แค่นักลงทุนธรรมดา ไม่ใช่เจ้ามือ

ยามหุ้นขึ้น แม้แต่กระเทยตามข้างทางที่ไปฮาเร็มก้สามารถ ขายได้ราคาดี

ยามหุ้นลง แม้แต่สาวสวยแค่ไหนก้เจอต่อราคากดแล้วกดอีกต่อแล้วต่ออีก

หุ้นก้แบบนี้แหล่ะครับ ผมชอบหุ้นลงเพราะ คนสวยแค่ไหน ผมก้ซื้อได้ราคาถูกๆ

จ่ายน้อยๆแต่ได้คุ้มๆ ผมชอบคนสวยครับ ยิ่งถูกด้วย ยิ่งดีมาก

เวลาผมเดินในฮาเร็ม ผมจะมองคนไหนสวยจริง คนไหนโบ๊ะแป้ง คนไหนแอบไปศัลยกรรม

คนสวย ต้องให้เวลาครับ ถ้าผมซื้อเธอได้ถูก ผมจะกอดเธอแน่นๆ รอวันไหน ที่

มีคนมาบอกว่า คนสวยที่ผมถือ เป็นดาราแล้ว สวยจนได้เล่นหนัง เมื่อนั้นผมจะทิ้งเธอไป


โบราณกล่าวไว้ถูกต้อง เงินถ้าสร้างผลตอบแทนเงินก้มีแต่เพิ่มขึ้น แต่ความสวยของหญิง

สาวนั้นนับวันยิ่งลดลง แน่นอน เป็นดาราแล้ว อีกหน่อยก้แก่ ก้เหี่ยว ไม่ทิ้งตอนนั้นจะทิ้ง

ตอนไหนครับ

picatos เขียน:ไม่ทราบว่าหุ้นที่ยกขึ้นมาเป็นหุ้นที่ดี ที่มีคุณภาพอย่างไรบ้างครับ?

พอดีเห็นแต่ชื่อหุ้นกับราคา แต่มองไม่เห็นว่าคุณภาพเป็นอย่างไรครับ

คำว่าหุ้นดีมีคุณภาพ ในความหมายและความคาดหวังของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน
ในมุมมองของผมหุ้นที่ดีและมีคุณภาพ คาดหวังที่รายได้และกำไรสุทธิมีโอกาสเติบโตได้ไม่น้อยกว่าปีละ 15% ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 3 ปี และมีงบกระแสเงินสดจากการดำเนินการเป็นบวกมากกว่ากำไรสุทธิทีี่ทำได้ หนี้สินที่ต้องเสียดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ไม่สูงจนเกินไป และสามารถจ่ายปันผลเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นมากขึ้นในทุกๆปี แปรผันโดยตรงไปกับกำไรที่คาดหวังว่าจะเติบโตขึ้นไปได้เรื่อยๆ ถ้าหากว่าหุ้นที่ผมยกตัวอย่างมาข้างต้นไม่มีคุณสมบัติเป็นหุ้นที่ดีมีคุณภาพในมุมมองของน้อง Picatos หรือ นักลงทุนท่านอื่นๆ ผมคงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย พอร์ทส่วนตัวของผมก็มิเคยซื้อลงทุนกับหุ้นที่เป็นตัวอย่างแต่อย่างใด แต่ที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาก็เพืี่อวัตุประสงค์เตือนสติกับเพื่อนนักลงทุนว่าอย่าโลภหรือคาดหวังแต่ผลกำไรที่จะได้จากการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกระแสที่ร้อนแรงจนมากเกินไป เราควรที่จะมีสติไม่โลภหวังแต่ได้กำไรจากการลงทุนจนมากเกินไปและควรมองในแง่ร้ายบ้างว่าถ้ายอดขายและกำไรของ บมจ.ที่เราซื้อลงทุนไปตามกระแสนั้น มันไม่เติบโตไปตามที่เราคาดหวังไว้สูง มันอาจจะทำให้เราขาดทุนได้อย่างมากมายเช่นกัน

เห็นน้อง Milky เปรียบหุ้นกับผู้หญิง พอดีเห็นมีคนเปรียบประเภทหุ้นกับดาราซุปตาร์นะครับ
ลองดูกันครับใช่หรือไม่ใช่ ผมว่าฮาดี

1. หุ้นปันผล เป็นธุรกิจเก่าแก่ ในอดีตเคยเป็นหุ้นโตเร็วมาก่อน (แอน ทองประสม)
2. หุ้นยักษ์ใหญ่ดาวค้างฟ้า ไม่ว่าเศรษฐกิจตกต่ำยังไงก็ยังอยู่ได้ (อั๊ม พัชราภา)
3. หุ้นโตไว Growth Stock ยังไปได้อีกไกลเลย ขวัญใจผม (ญ่าญา อุรัสยา สเปอร์ปันด์)
4. หุ้นสินทรัพย์ กินบุญเก่า มีทรัพย์สินอร้าอร่ามที่ซ่อนเอาไว้เป็นทุนอยู่เดิม (ตั๊ก บงกช
หวานใจ เจ้าสัวบุญชัย)
5. หุ้นตีกลับ หรือ Turnaround เป็นหุ้นที่ย่ำแย่มาก่อน และพลิกกับมาได้ (ญาญ่า หญิง)
6. หุ้นวงจร (Cycle) ขึ้นลงเป็นรอบๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ตามวงจรอุตสาหกรรม (เจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ)
7. ขอเพิ่มเองอีกหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนเมืองไทยชอบกันมาก คือหุ้นตามกระแส ตามข่าว ตามผู้บริืหาร มาๆ ไปๆ เล่นถึงบทบาท ตบจูบๆ คือ (น้องพลอย เจอมาร) จอมวีน นั่นเอง

ที่สุดของที่สุดยอดนักปั๊น VI ในตำนานสายตาแหลมคม ระดับท่านดร.นิเวศน์ คือ เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร นั่นเอง

เจอรูปแระ ชอบมักๆ

so simple เขียน:เห็นน้อง Milky เปรียบหุ้นกับผู้หญิง พอดีเห็นมีคนเปรียบประเภทหุ้นกับดาราซุปตาร์นะครับ
ลองดูกันครับใช่หรือไม่ใช่ ผมว่าฮาดี

1. หุ้นปันผล เป็นธุรกิจเก่าแก่ ในอดีตเคยเป็นหุ้นโตเร็วมาก่อน (แอน ทองประสม)
2. หุ้นยักษ์ใหญ่ดาวค้างฟ้า ไม่ว่าเศรษฐกิจตกต่ำยังไงก็ยังอยู่ได้ (อั๊ม พัชราภา)
3. หุ้นโตไว Growth Stock ยังไปได้อีกไกลเลย ขวัญใจผม (ญ่าญา อุรัสยา สเปอร์ปันด์)
4. หุ้นสินทรัพย์ กินบุญเก่า มีทรัพย์สินอร้าอร่ามที่ซ่อนเอาไว้เป็นทุนอยู่เดิม (ตั๊ก บงกช
หวานใจ เจ้าสัวบุญชัย)
5. หุ้นตีกลับ หรือ Turnaround เป็นหุ้นที่ย่ำแย่มาก่อน และพลิกกับมาได้ (ญาญ่า หญิง)
6. หุ้นวงจร (Cycle) ขึ้นลงเป็นรอบๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ตามวงจรอุตสาหกรรม (เจนนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ)
7. ขอเพิ่มเองอีกหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนเมืองไทยชอบกันมาก คือหุ้นตามกระแส ตามข่าว ตามผู้บริืหาร มาๆ ไปๆ เล่นถึงบทบาท ตบจูบๆ คือ (น้องพลอย เจอมาร) จอมวีน นั่นเอง

ที่สุดของที่สุดยอดนักปั๊น VI ในตำนานสายตาแหลมคม ระดับท่านดร.นิเวศน์ คือ เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร นั่นเอง

8888888888888888888888888 ครับ กด Like เลยครับ