Thai VI

จริงหรือไม่ ในช่วงหุ้นตก ๆ หรือหุ้นที่ไม่มีผู้ดูแล การ Short sale ด้วยเงิน margin ไม่มาก ก็สามารถซ้ำเติมทำให้ราคาหุ้นตกลงไปกว่าที่ควรจะเป็น ถูกต้องหรือไม่

ชอร์ตเซลทุบสถิติ มูลค่าแตะ 1.5 แสนลบ. GLOW-TDEX-RATCH ถูกถล่มขายมากสุด

หนีภาวะขาลงยอดธุรกรรมชอร์ตเซลหุ้นไทยทุบสถิติคาดมูลค่าปีนี้แตะ 1.5 แสนลบ.
สร้างสถิติสูงสุด เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 1.13 แสนล้านบาท 6 เดือนแรกของปี 2556
มีมูลค่าขายชอร์ตที่ 83,386.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40%พร้อมมองครึ่งปีหลังยอดธุรกรรมพุ่งต่อ
หลังต่างชาติทำทีท่าขายสุทธิได้อีก จัดอันดับข้อมูลการขายชอร์ตครึ่งปีแรก GLOW-TDEX-
RATCH ถูกถล่มขายมากสุดในเชิง%ปริมาณการขายชอร์ตเทียบกับปริมาณการซื้อขายแบบ
Auto Matching ส่วน BLAND คว้าแชมป์มูลค่าการขายชอร์ต KBANK เบอร์ 1 ด้านจำนวน
หุ้น
ชอร์ตเซลคือการขอยืมหุ้นมาขายก่อนและเสียค่าธรรมเนียมให้คนที่ให้ยืมโดยเป็นที่นิยม
ในภาวะทิศทางที่หลักทรัพย์ใดๆ ถูกคาดหมายว่าจะต้องเป็นขาลงแน่ๆ โดยผู้ทำจะได้ประโยชน์
จากส่วนต่างราคาและในอีกแง่หนึ่งผูที่มีหุ้นตัวนั้นๆอยู่แล้วสามารถลดความเสียหายหากราคาหุ้น
นั้นๆ ปรับลงจริงตามคาดอีกด้วย ซึ่งในปีนี้ที่ภาวะตลาดหุ้นผันผวนเช่นปีนี้ปรากฏตัวเลขยอดธุรก
รรมมากขึ้นชัดเจน

คาดมูลค่าชอร์ตเซลปีนี้แตะ 1.5 แสนลบ.ทำสถิติสูงสุด
นายวสันต์ จันทร์สัจจา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์
(บล.) บัวหลวง จำกัด(มหาชน) เปิดเผยกับ eFinancethai.com ว่า มูลค่าการขายชอร์ต(ชอร์ต
เซล)ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ หรือ เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อนที่มี
มูลค่า 1.13 แสนล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 มีมูลค่าขายชอร์ตที่ 83,386.28
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่า 59,597.45 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง
ครึ่งปีแรกดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงถึง 2 ช่วง ทำให้มีนักลงทุนยืมหุ้นมาชอร์ตเซลมาก
ขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 15 มี.ค.- 9 เม.ย.56 ดัชนีปรับตัวลดลง 127.41 จุด ทำให้มีมูลค่าชอร์ต
เซลสูงถึง 10,184 ล้านบาท และ ช่วงวันที่ 21 พ.ค.- 28 มิ.ย.56 ดัชนีปรับตัวลดลง 191.53 จุด
มีมูลค่าการทำชอร์ตเซล 33,697.60 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนดัชนีมีการปรับตัวลดลงแรงเพียง 1
ช่วงเท่านั้น ส่วนเดือนที่มีการขายชอร์ตมากสุดคือ เดือนมิ.ย.56 ซึ่งอยู่ที่ 26,205.48 ล้านบาท
ถือว่าสูงสุดตั้งแต่เปิดให้บริการธุรกรรมนี้

หวั่นหุ้นร่วงทำครึ่งปีหลังทำธุรกรรมยืมหุ้นขายเพิ่มขึ้น
สำหรับในช่วงครึ่งหลังปี 56 คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนสูง เนื่องจากยังมี
ปัจจัยลบกดดันอยู่ ทั้งเรื่องการเมืองไทย โดยเฉพาะความล่าช้าของ พรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
ทำให้โครงการลงทุนต่างๆต้องเลื่อนออกไป และปัจจัยต่างประเทศ กรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ
(เฟด)อาจจะมีการลดขนาดหรือยกเลิกวงเงินมาตรการ QE ในช่วงปลายปีและกลางปีหน้า ทำให้
เม็ดเงินต่างชาติไหลออกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งวิกฤตเศรษฐกิจของยุโรปยังไม่ดีขึ้น ทำให้อาจส่ง
ผลลบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย
' ทั้งนี้ หากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็จะมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่มองต่างโดยยืมหุ้นเพื่อนำมาขาย
หรือหากดัชนีตลาดหุ้นไทยมีทิศทางปรับตัวลดลงก็จะทำให้นักลงทุนยืมหุ้นมาขายก่อนเช่นกัน
เพราะปัจจุบันนักลงทุนรู้จักใช้เครื่องมือเข้ามาบริหารพอร์ตของตนเองมากขึ้น ขณะที่ธุรกรรมยืม
หุ้นในปัจจุบันก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะโบรกเกอร์จำเป็นต้องยืมหุ้นเพื่อนำมารองรับการออก
ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นด้วย' นายวสันต์
ขณะที่ในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด
(TSD) เปิดให้โบรกเกอร์แจ้งความจำนงในการใช้บริการยืมหุ้นกับทาง TSD เพราะทาง TSD
ได้มีการรวบรวมหุ้นจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ต่างๆเพื่อนำมาให้บริการกับทาง
โบรกเกอร์ โดยโบรกเกอร์สามารถที่จะนำไปให้ลูกค้ายืมต่อได้ หรือจะเป็นผู้ยืมเองก็ได้ ซึ่งทาง
บล.บัวหลวงได้มีการเซ็นสัญญาการใช้บริการดังกล่าวกับทาง TSD ในเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน

โบรกเกอร์จับตากระแสเงินต่างชาติไหลออกต่อ
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยไทย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า แนว
โน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้คาดว่าจะยังคงแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากภาพรวมของ
เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศยังมีทิศทางที่ไม่แน่นอน และยังไม่มีปัจจัยใหม่มาสนับสนุนดัชนีฯ
ให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะนี้ ทั้งนี้เรื่องที่ต้องติดตาม คือ การไหลออกของกระเเสเงินทุน
จากต่างชาติ (fund flow) และการเก็งกำไรกำไรระยะสั้นจากการรายงานผลประกอบการไตร
มาส 2/56ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะวันนี้มีการ
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
'ช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวน ทำให้คาดเดาภาพรวมในแต่ละวันลำบาก ต่างชาติก็ขายออกมา
เรื่อยๆ และปัญหาการเมืองในประเทศก็เริ่มส่อเค้าในทิศทางไม่ดี อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจ
ของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ' นายเทิดศักดิ์ กล่าว
ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ทยอยซื้อหุ้น Fundamental ในระยะกลาง-ยาว ทั้งนี้
ประเมินแนวรับที่ 1,390 จุด และแนวต้านที่ 1,420 จุด

จัดอันดับข้อมูลการขายชอร์ตครึ่งปีแรก
รายงานข้อมูลอ้างอิงจากสถิติที่รวบรวมโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบตัวเลขธุรก
รรมยืมหุ้นขายหรือชอร์ตเซล ระหว่างวันที่ 08 ม.ค. 2556 - 30 มิ.ย. 2556 ใน 5 อันดับต้นแบ่ง
ตามประเภทต่างๆ ได้ดังนี้

5 อันดับสูงสุดเทียบอัตราร้อยละปริมาณการขายชอร์ตเทียบกับปริมาณการซื้อขายแบบ
Auto Matching
หลักทรัพย์ / ปริมาณหุ้นที่ขายซอร์ต / มูลค่าการขายชอร์ต / %ปริมาณการขายชอร์ตเทียบกับ
ปริมาณการซื้อขายแบบ Auto Matching
(หุ้น) (บาท)
GLOW 6,644,900 496,852,175.00 5.27%
TDEX 7,074,600 68,975,792.00 4.38%
RATCH 6,722,700 377,450,325.00 4.32%
KBANK 38,692,200 7,668,025,700.00 4.26%
TTW 29,901,800 304,745,960.00 3.95%

5 อันดับสูงสุดปริมาณหุ้นที่ขายซอร์ต
หลักทรัพย์ / ปริมาณหุ้นที่ขายซอร์ต / มูลค่าการขายชอร์ต / %ปริมาณการขายชอร์ตเทียบกับ
ปริมาณการซื้อขายแบบ Auto Matching
(หุ้น) (บาท)
BLAND 640,298,900 1,196,382,170.00 0.91%
QH 339,103,700 1,200,670,364.00 1.54%
TMB 307,930,700 736,310,396.00 0.91%
TRUE 251,502,900 2,325,282,010.00 1.01%
JAS 244,934,100 1,890,995,165.00 1.42%

5 อันดับสูงสุดมูลค่าการขายชอร์ต
หลักทรัพย์ / ปริมาณหุ้นที่ขายซอร์ต / มูลค่าการขายชอร์ต / %ปริมาณการขายชอร์ตเทียบกับ
ปริมาณการซื้อขายแบบ Auto Matching
(หุ้น) (บาท)
KBANK 38,692,200 7,668,025,700.00 4.26%
ADVANC 24,320,300 6,097,908,800.00 2.74%
BBL 24,463,400 5,156,788,600.00 3.85%
PTT 12,329,300 4,082,146,100.00 2.06%
SCB 22,974,100 4,045,975,100.00 2.57%

หมายเหตุ - ไม่รวมรายการขายชอร์ตของสมาชิกที่เป็นผู้ร่วมค้าหน่วยลงทุนหรือผู้ดูแลสภาพคล่อง
ของหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟเพื่อบัญชีบริษัทประเภทเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา
หรือเพื่อดูแลสภาพคล่อง แล้วแต่กรณี


เรียบเรียง โดย นายศักดิ์ชาย งอกงาม
อีเมล์แสดงความคิดเห็น [email protected]

ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 10/07/13 เวลา 8:20:25

ตลาดหุ้น มีทั้งดีมานแท้ และ ดีมานเทียม
ดีมานแท้ ซื้อเพื่อเก็บ
ดีมานเทียมซื้อเพื่อเก็ง
ดีมานเทียมทำให้ราคาหุ้นสูงกว่าที่ควรจะเป็นได้
ชอตเซล (ซัพพลายเทียม) ก้อทำให้ราคาหุ้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็นได้
แล้วมันแปลกยังไงครับ ?

ปกติแล้ว ราคาหุ้นมันก็แกว่งขึ้นลง ไม่อยู่ที่ intrinsic value อยุ่แล้วนี่ครับ
พูดอีกแบบ ราคาหุ้น ณ เวลาหนึ่ง มันก้อไม่ได้เป็นราคาที่ควรจะเป็นอยุ่แล้วนี่ครับ

ตามที่ผมเข้าใจ
แล้ว จขกท สงสัยอะไรครับ ?

วันสองวันนี้ต่างประเทศเค้าบวกกันหมดเยอะด้วย ไม่มีเหตุผลที่ไทยจะลงแต่วันนี้มันก็ลงได้ ลงหนักด้วย หุ้นตัวที่รายย่อยและรายใหญ่ถือหลายตัวราคาหลุดต่ำกว่าเซทตอน1300-1350 ไปแล้ว แต่ที่เซทยังทำยืน1380ได้เพราะเค้าเอาตัวใหญ่ดึงเซทไว้

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีพวกหากำไรจากหุ้นขาลงนี่แหละ ช๊อตหุ้นทุบหุ้น ลากไปขายแล้วทุบลง ดู true เมื่อวานเป็นตัวอย่าง เมื่อวานลากไปเชือด 7.80 แล้ววันนี้ขายทุบลงมาถึง 6.80 เม่าติดดอยตายกันเป็นเบือ

วิธีแก้เผ็ดพวกนี้มีสองอย่าง ผ่อนผันแมนทาแน้นมาจิ้นชั่วคราว หรือไม่ก็ยกเลิกช๊อตเซล+tfex ชั่วคราว แต่คงไม่มีใครเชื่อเพราะเห็นทุกวันนี้โบรคยังสนับสนุนให้คนเล่นช๊อตกันอยู่เลย (มาร์โทรมาชวนทุกวัน) ทั้งๆที่ตลาดหุ้นจะพังแล้ว ผจก ตลาดเงียบเป็นผีดิบ ทำอะไรไม่ถูกแล้ว

ผมยึดคำสอนท่านนายกโจครับ เจ้ามือตัวจริงคือผลประกอบการ ถ้าหุ้นตกเกินพื้นฐานเพราะ short sale ก็เป็นโอกาสดีของพวกเราในการซื้อไม่ใช่หรือครับ เราอย่าไปขายตามคนอื่นก็พอ

ถ้าให้เลือกระหว่างมีคนขายหุ้นตัวเดียวกับที่ผมถือ กับ มีคน short sell หุ้นที่ผมถือ ผมเลือกอย่างหลังดีกว่า เพราะอย่างน้อยมั่นใจได้ว่าในอนาคตไม่นานเกินไปจะมีคนมาไล่ซื้อหุ้นกลับคืน

ช๊อตเซลสมัยนี้เค้าทำกันเป็นแก๊งครับ เหมือนกับการปั่นหุ้น ขายด้วยซื้อด้วยจบในวัน ราคามีแต่ลงคนทุุบได้เงินกลับบ้านทุกวัน คนถือหุ้นมีแต่เจ๊ง

ช๊อตก็ช๊อตไปสิครับ เราแค่มองห่างๆ อย่าลงไปคลุกฝุ่นกับเค้าก็แล้วกัน

การมีวิธีการเล่นแบบนี้ ผมคิดว่าดีกับพวกเรา vi โบราณนะครับ เพราะผมคิดว่ามันทำให้หุ้นเกิด under value, over value มากขึ้น ทำให้เราตักตวงโอกาสจากความไม่สมดุลระหว่างราคาและมูลค่าได้

ตัวต่อไปคือsystem tradeครับ
ตัวอย่างมีแล้วที่ไอ้กัน
ซื้อโดยไม่ต้องดูพื้นฐานแค่ดูเทคนิค(หุ้นชื่ออะไรไม่จำเป็นต้องรู้)
ตั้งCutlossเมื่อราคาถึงจุดที่ตั้งไว้ไม่ดูว่าเพราะอะไร
ช่วงตลาดตกแรงๆแล้วมันcutพร้อมๆกันก็เกิดสารพัดblackได้ทุกเมื่อ
เห็นหลายๆบลจ.ตั้งท่าออกมาแล้ว
คุณภาววิทย์(แพท)ยังออกลงทุนแบบrobot
บ้านเรายังมีคนลงทุนแบบนี้ไม่เยอะแต่ต่อไปไม่แน่เพราะของเค้ากำลังมาแร๊ง

ถ้าผมตั้งใจจะถือหุ้นตัวหนึ่งแบบนานๆ (ตราบใดที่พื้นฐานกิจการไม่เปลี่ยนก็จะไม่ขาย)
การเอาหุ้นให้คนอื่นยืมไป Short นี่จะทำให้ผมมีรายได้เสริมอีกทางใช่ไหมครับ (เห็นบอกว่ามีค่าธรรมเนียมให้กับเจ้าของ)
ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมจะต้องทำอย่างไรบ้าง จึงจะมีคนมายืมหุ้นในมือไป Short ครับ (ลงไปลงทะเบียนหรือเอาหุ้นไปฝากกับใครที่ไหนครับ)
และการทำเช่นนี้มีความเสี่ยงอะไรบ้างครับ

ตลาดวันนี้เป็นตัวอย่างว่าฝั่งที่เทรด Short Sell ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
ดูจากกลุ่มธนาคารครับ

จะShortจะLong เราจะกังวล ห่วงใย หรือกลุ้มใจ ไปทำไม ในเมื่อมันไม่มีผลต่อ กิจการของเรา

การมี short sell ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี สามารถสร้างจุดสมดุลในกรณีตลาดมีราคาแพงเกินจริง อีกทั้งเป็นการป้องกันการเกิดฟองสบู่ในตลาดได้ด้วย, กรณีหุ้นราคาถูกอยู่แล้ว แล้วยังมีคน short sell คงเป็นโอกาสของนักลงทุนที่ชาญฉลาด เข้าลงทุน ทำให้ตลาดกลับมาสู่จุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

คนขุดทอง เขียน:การมี short sell ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี สามารถสร้างจุดสมดุลในกรณีตลาดมีราคาแพงเกินจริง อีกทั้งเป็นการป้องกันการเกิดฟองสบู่ในตลาดได้ด้วย, กรณีหุ้นราคาถูกอยู่แล้ว แล้วยังมีคน short sell คงเป็นโอกาสของนักลงทุนที่ชาญฉลาด เข้าลงทุน ทำให้ตลาดกลับมาสู่จุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

เห็นด้วยครับ Short Sell ก็เป็นเพียงอีกหนึ่งอาการของนายตลาดเท่านั้น

http://www.set.or.th/dat/content/rule/t ... rtSale.pdf
short sell หุ้นที่ยืมมา เอามาวางขวาไว้ได้เท่านั้นไม่ใช่เหรอครับ ไม่สามารถเอามาโยนซ้ายได้
ฉนั้นไม่น่ามีผลกับราคา
ที่โยนซ้ายก็โครมๆนั่นหุ้นในมือทั้งนั้น ไม่ใช่หุ้นที่ยืมมา และไม่เรียกว่าshort sell แต่เรียกว่าSAP

สมัยก่อนตอนฟองสบู่แตกที่ดัชนี1700 ตอนนั้ ยังไม่มีเปิด short sell อย่างเป็นทางการ เมื่อมีการเก็งกำไรสูงมาก ทำให้ราคาหุ้นสูงเกินจริงไปเยอะมาก เมื่อไม่มีการshort sell มาถ่วงดุลทำให้เกิดฟองสบู่และแตกในที่สุด ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในประเทศ ส่วนพวกฝรั่งซึ่งมีประสพการณ์มากกว่าเป็นผู้นำเปิดการขายอย่างถล่มถลาย โกยกำไรไปแทบจะฝ่ายเดียว ทิ้งให้นักลงทุนไทยขาดทุนย่อยยับนับสิบปี และหลายๆคนต้องออกจากตลาดไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

อีกประเด็นคือ ทุกวันนี้รายย่อยก็สามารถทำ Short Sell ได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าหากคิดว่า Short Sell กำไรง่าย ได้เปรียบ เราเองก็สามารถทำได้นะครับ

แนววีไอ แนวเก็งกำไร แนวกราฟ แนว Fund Flow หรือ Short Sell ทุกแนวมันก็มีข้อจำกัด ข้อดีข้อเสีย ด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ

ถ้ามีคนรุมชอร์ตแล้ว ทำให้ราคามันตกกว่าที่ควรจะเป็น มันก็เป็นข่าวดีสำหรับนักล่าของถูกอย่างพวกเราสิครับ หลักการลงทุนมันไม่ซับซ้อนหรอกครับ เมื่อใดลูกตุ้มราคามันเหวี่ยงห่างแกนมูลค่าไปมาก เดี๋ยวมันก็ต้องเหวี่ยงกลับเสมอ มากไปเดื๋ยวก็ลงมาต่ำ ต่ำไปเดี๋ยวก็กลับมาสูง

เราควรจับจ้องที่มูลค่า ไม่ใช่ราคา
มูลค่าเองก็เคลื่อนที่ได้ของให้จับตาดูให้ดี เพียงแต่มันอุ้ยอ้ายใช้เวลามากกว่าราคานัก

มันอาจมีบ้างที่ ราคาร่วง ทำให้มูลค่าร่วง
ถ้าเรารู้ว่ามีตรงนี้ ก็ขอให้เลือกลงทุนในธุรกิจที่ มูลค่ามันได้รับผลกระทบจากการเปลีย่นแปลงของราคาได้ยาก เราก็สบายใจกว่าครับ

OutOfMyMind เขียน:ถ้ามีคนรุมชอร์ตแล้ว ทำให้ราคามันตกกว่าที่ควรจะเป็น มันก็เป็นข่าวดีสำหรับนักล่าของถูกอย่างพวกเราสิครับ หลักการลงทุนมันไม่ซับซ้อนหรอกครับ เมื่อใดลูกตุ้มราคามันเหวี่ยงห่างแกนมูลค่าไปมาก เดี๋ยวมันก็ต้องเหวี่ยงกลับเสมอ มากไปเดื๋ยวก็ลงมาต่ำ ต่ำไปเดี๋ยวก็กลับมาสูง

เราควรจับจ้องที่มูลค่า ไม่ใช่ราคา
มูลค่าเองก็เคลื่อนที่ได้ของให้จับตาดูให้ดี เพียงแต่มันอุ้ยอ้ายใช้เวลามากกว่าราคานัก

มันอาจมีบ้างที่ ราคาร่วง ทำให้มูลค่าร่วง
ถ้าเรารู้ว่ามีตรงนี้ ก็ขอให้เลือกลงทุนในธุรกิจที่ มูลค่ามันได้รับผลกระทบจากการเปลีย่นแปลงของราคาได้ยาก เราก็สบายใจกว่าครับ

ถามเป็นความรู้หน่อยครับว่าหุ้นแบบไหนครับที่ราคาร่วงแล้วทำให้มูลค่าร่วงไปด้วยครับ

short sale ลดราคาระยะสั้นๆหรอครับ

ถ้างั้นต้องรีบซื้อครับเดี๋ยวมันเลือก sale

BoatAttasit เขียน:short sale ลดราคาระยะสั้นๆหรอครับ

ขายระยะสั้นครับ
คือขายตอนราคาสูงแล้วก็รีบซื้อคืนตอนราคาต่ำกว่า เป็นกลยุทธทำกำไรตอนที่หุ้นเป็นขาลง

nz เขียน:

OutOfMyMind เขียน:ถ้ามีคนรุมชอร์ตแล้ว ทำให้ราคามันตกกว่าที่ควรจะเป็น มันก็เป็นข่าวดีสำหรับนักล่าของถูกอย่างพวกเราสิครับ หลักการลงทุนมันไม่ซับซ้อนหรอกครับ เมื่อใดลูกตุ้มราคามันเหวี่ยงห่างแกนมูลค่าไปมาก เดี๋ยวมันก็ต้องเหวี่ยงกลับเสมอ มากไปเดื๋ยวก็ลงมาต่ำ ต่ำไปเดี๋ยวก็กลับมาสูง

เราควรจับจ้องที่มูลค่า ไม่ใช่ราคา
มูลค่าเองก็เคลื่อนที่ได้ของให้จับตาดูให้ดี เพียงแต่มันอุ้ยอ้ายใช้เวลามากกว่าราคานัก

มันอาจมีบ้างที่ ราคาร่วง ทำให้มูลค่าร่วง
ถ้าเรารู้ว่ามีตรงนี้ ก็ขอให้เลือกลงทุนในธุรกิจที่ มูลค่ามันได้รับผลกระทบจากการเปลีย่นแปลงของราคาได้ยาก เราก็สบายใจกว่าครับ

ถามเป็นความรู้หน่อยครับว่าหุ้นแบบไหนครับที่ราคาร่วงแล้วทำให้มูลค่าร่วงไปด้วยครับ

พวกที่ต้องการเพิ่มทุนครับ ถ้าหุ้นราคาสูง จะเพิ่มทุนก็ออกหุ้นเพิ่มทุนมาน้อย กลับกันถ้าราคาหุ้นต่ำอยากได้เงินเท่าเดิม ต้องเพิ่มจำนวนหุ่นสูงขึ้น dilution ก็จะเยอะครับ

nz เขียน: ถามเป็นความรู้หน่อยครับว่าหุ้นแบบไหนครับที่ราคาร่วงแล้วทำให้มูลค่าร่วงไปด้วยครับ

ทุกอย่างมัน Dynamic หมดครับ เปลี่ยนแปลงได้อย่ายืนขาตาย
คือทุกอย่างมันกระทบชิ่งกันได้หมด อยู่ที่ว่ามันแรงพอจะเปลี่ยนจุดสมดุลหรือไม่
บางปัจจัยก็กระทบแบบผิว ๆ บางปัจจัยก็กระทบแล้วเปลี่ยนฐานราก

สมมติเอาง่าย ๆ บริษัท A กำลังจะได้รับโครงการใหญ่จากลูกค้า ซึ่งต้องการเงินทุน กำลังเตรียมจะออกหุ้นกู้ แต่ปรากฏว่ามีข่าวร้ายอะไรซักอย่างกระแทกทั้งตลาดอย่างจัง ทำให้ราคา บริษัท A ร่วงแรงมาก จนทำให้มาร์เก็ตแคปหด เครดิตเรตติ้งอาจจะเรตหุ้นกู้ของบริษัท A ต่ำกว่าที่เค้าคิด บริษัท A จึงต้องยอมให้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่สุดท้ายคนไม่มั่นใจ ไม่มาลงทุนในหุ้นกู้ เงินไม่พอ รับงานไม่ได้ ลูกค้าฟ้องค่าเสียหาย เกิดคดีความ ทุกอย่างก็อาจลุกลามไปกันใหญ่ได้ครับ

อันนี้อาจเป็นเคสที่โอเวอร์นิดนึง หวังว่าไม่น่าเกิดขึ้นจริงไปได้หรอกครับ แค่ยกตัวอย่างแบบสุด ๆ เพื่อให้เห็นภาพว่า การเปลี่ยนแปลงของราคา ก็เป็นหนึ่งปัจจัยใน 108 ปัจจัยที่เกี่ยวกับหุ้นที่ทำให้พื้นฐานเปลี่ยนได้ครับ

OutOfMyMind เขียน:

nz เขียน: ถามเป็นความรู้หน่อยครับว่าหุ้นแบบไหนครับที่ราคาร่วงแล้วทำให้มูลค่าร่วงไปด้วยครับ

ทุกอย่างมัน Dynamic หมดครับ เปลี่ยนแปลงได้อย่ายืนขาตาย
คือทุกอย่างมันกระทบชิ่งกันได้หมด อยู่ที่ว่ามันแรงพอจะเปลี่ยนจุดสมดุลหรือไม่
บางปัจจัยก็กระทบแบบผิว ๆ บางปัจจัยก็กระทบแล้วเปลี่ยนฐานราก

สมมติเอาง่าย ๆ บริษัท A กำลังจะได้รับโครงการใหญ่จากลูกค้า ซึ่งต้องการเงินทุน กำลังเตรียมจะออกหุ้นกู้ แต่ปรากฏว่ามีข่าวร้ายอะไรซักอย่างกระแทกทั้งตลาดอย่างจัง ทำให้ราคา บริษัท A ร่วงแรงมาก จนทำให้มาร์เก็ตแคปหด เครดิตเรตติ้งอาจจะเรตหุ้นกู้ของบริษัท A ต่ำกว่าที่เค้าคิด บริษัท A จึงต้องยอมให้ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่สุดท้ายคนไม่มั่นใจ ไม่มาลงทุนในหุ้นกู้ เงินไม่พอ รับงานไม่ได้ ลูกค้าฟ้องค่าเสียหาย เกิดคดีความ ทุกอย่างก็อาจลุกลามไปกันใหญ่ได้ครับ

อันนี้อาจเป็นเคสที่โอเวอร์นิดนึง หวังว่าไม่น่าเกิดขึ้นจริงไปได้หรอกครับ แค่ยกตัวอย่างแบบสุด ๆ เพื่อให้เห็นภาพว่า การเปลี่ยนแปลงของราคา ก็เป็นหนึ่งปัจจัยใน 108 ปัจจัยที่เกี่ยวกับหุ้นที่ทำให้พื้นฐานเปลี่ยนได้ครับ

เดี๋ยวนี้บ.จัดอันดับเรตติ้งเค้าไม่ดูงบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด biz model
แนวโน้มธุรกิจในการวิเคราะห์เรตติ้งแล้วเหรอครับ
ผู้ซื้อหุ้นกู้รายใหญ่อย่างสถาบันการเงิน บ.ประกัน นี่เค้าลงทุนด้วยอารมณ์กันเหรอ???
เพิ่งเคยได้ยินว่ามาร์เก็ตแคปลดทำให้เรตติ้งลดลงด้วย
ช่วยแสดงบทวิเคราะห์เรตติ้งที่บอกว่ามาร์เก็ตแคปลด แล้วเรตติ้งลดให้ดูหน่อยได้มั้ยครับ

ขออภัยครับ ผมแค่ยกตัวอย่างว่าราคาเปลี่ยนทำให้พื้นฐานเปลี่ยนอย่างง่าย มันเป็นวิธีคิดแบบ reflexivity ของโซรอส หรือคิดแบบ chaos theory ครับ ตัวอย่างไม่ชัดเจนหรือผิดพลาดต้องขออภัยด้วยครับ

ที่ผมท้วงเพราะอยากให้ตรองว่าอะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผลดีๆ
ข่าวร้ายมากระทบทำให้ราคาร่วง แล้วราคาทำให้มูลค่าร่วง
หรือว่าข่าวร้ายทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ทำให้มูลค่า/ราคาร่วง
ต้องให้ชัดเจนนะครับ

ผมไม่เคยอ่านทฤษฎีreflexivity ของโซรอส หรือ chaos theory
ไม่รู้ว่าพัฒนามาจากทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพรึเปล่า
แล้วตัวทฤษฎีreflexivity ให้ความสนใจกับราคาหรือมูลค่า
หรือมีการอนุมานว่าราคา=มูลค่าตามทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ
ถ้าเป็นตามที่ผมเดา ทฤษฎีreflexivity ของโซรอสน่าจะสนใจการเปลี่ยนแปลงของราคามากกว่ามูลค่านะครับ
ซึ่งผมเชื่อว่าราคากับมูลค่าเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

ทุกวันนี้ก็เห็นอยู่ ตปท บวกไทยก็ลง ตปท ลบไทยลงหนักกว่า เพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะช๊อตเซล

ผมได้ยินว่าเขาใช้โรบ็อทช่วงสี่โมงเย็น555