Thai VI

กระทู้นี้ขอชวนพี่ๆ เพื่อนๆมาคุยถึงแนวโน้มธุรกิจถ่านหินกันครับ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ผมเริ่มสนใจจากการที่เห็นราคาหุ้นกลุ่มนี้ๆหลายตัวตกลงมาอย่างมาก จนบางตัวซื้อขายกันที่ P/BV ต่ำกว่า 1 พยายามหาอ่านจากบทวิเคราะห์ (Asia Plus ชอบบทวิเคราะห์โบรคนี้ครับ) บอกว่าปัจจุบันราคาถ่านหินมี Downsize ที่ต่ำมากแล้ว รวมทั้งระยะยาวจะยังเติบโตได้ราวๆ 5 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี แต่พอไปอ่านตามเว็บบอร์ดสาธารณะ เพื่อนหลายๆคนมีความเห็นว่าธุรกิจนี้เหมือนกับจะหดตัวและไม่ค่อยเติบโตแล้ว จากพลังงานทดแทนที่ค้นพบ รวมทั้งข่าวจากห้อง Banpu ครับ
- http://www.bloomberg.com/news/2013-06-2 ... mates.html
-http://www.manager.co.th/Home/ViewNews. ... 0000078335 ( Credit : K.nameisnothing K.คนอุดร)
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผลลบกับธุรกิจถ่านหินครับ
จึงอยากทราบความเห็นพี่ๆ เพื่อนๆเกี่ยวกับแนวโน้มที่คาดในอนาคตของธุรกิจนี้ครับ

ผมเห็นว่าหลายๆประเทศหันมาวิจัยเรื่อง Shale Gas มากขึ้น และทุกๆปีเราก็เจอโอกาสในการนำก๊าซและน้ำมันมาใช้ในประเทศใหม่ๆได้เพิ่มขึ้น ทำให้ผมกลัวที่จะลงทุนถ่านหินหรือพลังงานมากครับ

EIA ล่าสุดเดือน June มีการประมาณ shale gas เฉพาะแอ่งโคราชไว้ 22 ล้านๆ คิวบิกฟุต เทคโนโลยี่ปัจจุบันเอามาใช้ได้ 5 ล้านๆคิวบิกฟุต หรือประมาณครึ่งหนึ่งของ gas ที่ยังเหลือจากแหล่งปกติในอ่าวไทย
การค้นพบ shale gas แหล่งใหม่ๆเพิ่มมากขึ้นเหมือนการค้นพบบ่อน้ำมันเมื่อ 1950+ ยังมีอะไรที่น่าติดตามอีกมากสำหรับปริมาณ Shale gas ในโลกนี้ครับ

ผมว่าอยู่ที่มองว่าจะเล่นสั้นหรือเล่นยาวแค่ไหน
ในเทคปัจจุบัน พลังงานทดแทนหรือพลังงานหมุนเวียนยังไม่สามารถทดแทนถ่านหินได้อย่างสิ้นเชิง
ด้านพลังงานลมที่ทั่วโลกมองว่าเป็นพลังงานแห่งอนาคต สามารถสร้างได้จำนวนมาก ต้นทุนกลางๆ
ยังมีข้อเสียเรื่องความไม่แน่นอนของลม ข้อจำกัดด้านพื้นที่และมลภาวะทางเสียง
พลังงานชีวมวล มีข้อจำกัดเรื่องซัพพลาย ทำให้ไม่สามารถสร้างแบบจำนวนมากได้
แสงอาทิตย์ แม้ว่าต้นทุนจะถูกลงมาก แต่ยังนับว่าราคาแพงเมื่อเทียบกับอย่างอื่น
ใช้พื้นที่จำนวนมาก มีความไม่แน่นอนของแสง
ส่วนshales gasต้องวางท่อ ซึ่งประเทศที่มีระบบท่อพร้อมมีแค่อเมริกาเท่านั้น
มีการคาดการณ์ว่าอเมริกาจะเป็น energy independance countryในปี2030
จีนที่เร่งลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ยังต้องลงทุนระบบท่อไปอีกหลายปีกว่าจะทดแทนความต้องการใช้ก๊าซได้อย่างมีนัยสำคัญ คงต้้องรอถึง2020

ด้านดีมานด์
อินเดียยังขาดแคลนไฟฟ้าอย่างมาก ไฟตกไฟดับเป็นธรรมดา ยังต้องนำเข้าถ่านหินจำนวนมากเพื่อผลิตไฟฟ้า
ส่วนถ่านหินที่อินเดียผลิตได้ยังมีต้นทุนสู้ออสเตรเลีย อินโดนีเซียไม่ได้ครับ
จีน กระแสurbanizationยังเป็นเทรนใหญ่ของจีน คนอพยพเข้าเมืองตั้งถิ่นฐาน ชนชั้นกลางกำลังเติบโต
บ้านคอนโดยังขายดี ราคาขยับขึ้นเรื่อยๆแม้รัฐบาลจีนจะพยามกดราคา ออกมาตราการมาควบคุมอสังหา
นั่นหมายถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าจะขายดี ต้องพัฒนาขนส่งมวลชนระบบรางซึ่งต้องการไฟฟ้าสนับสนุน

ฉนั้นในความเห็นผม ยังมีเวลาอีกหลายปีให้ได้ลุ้นราคาถ่านหินที่100$/t

สองสามวันและสองสามอาทิตย์ก่อน อ่านข่าว สรุปได้ว่า

การใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นในอินเดียในอนาคต
เพราะว่าการผลิตแก๊สธรรมชาติลดลงอย่างรวดเร็ว
เพราะบ่อมันอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว

แต่จีนจะใช้ลดลง และปีนี้จีนจะมีการผลิตถ่านหินมากกว่า
ความต้องการในประเทศเป็นครั้งแรก .. และจำต้อง
ลดการใช้ถ่านหินลง เพราะอากาศมันแย่มากแล้ว
ต่อไปอาจต้องส่งออก ...

ส่วน US ส่งถ่านหินออกไปขายแล้ว. และเทคโนการขุดเจาะ
shale gas และ shale oil ได้ถึงจุดที่ไม่ต้องพัฒนาแล้ว คือตอนนี้
ได้เต็มที่แล้ว ลงทุนพัฒนาต่อได้ไม่คุ้มเสีย. เอามาใช้อย่างเดียว
ดังนั้นต่อไปต้นทุนในการขุดเจาะจะลดลงเรื่อยๆ เพราะ R&D
ไม่ต้องมีแล้ว. ในขณะที่ US ต้องส่งออกถ่านหิน รัฐบาล US
กลับต้องลดการอุดหนุน โรงไฟฟ้าถ่นหินในประเทศกำลังพัฒนา