หน้า 1 จากทั้งหมด 1

การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้างครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 21, 2013 10:37 am
โดย nz
การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังหรือจุดอ่อนอะไรบ้างครับ

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 21, 2013 12:04 pm
โดย bank115
G ที่เราจะเอามาคิด เป็น future G ครับ
ซึ่งมันอาจจะไม่ growth เท่าที่เราคิดก้ได้ครับ

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 1:23 am
โดย todto
ระวังว่า Growth ต้องเป็น growth เฉลี่ยระยะยาวครับ ไม่ใช่แค่ปีนี้ปีหน้าครับ

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 2:27 am
โดย pornchal
อย่าใช้ กับหุ้นที่มี G ต่ำ เช่นหุ้นที่ไม่เติบโต มันจะตลกมาก เช่น G = 1%
หุ้น pe 3 เท่า peg =3 สูงเกิน 1 มาก ไม่น่าซื้อ บ้าละ...อย่างงี้เป็นต้น

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 7:28 am
โดย naphas12
หา Growth นี่แหละยากที่สุดแล้ว

อีกประเด็นคือ พวก Growth ต่ำ P/E ก็ต่ำ เช่น Growth 10% P/E 10 ได้ 1
ส่วนอีกตัว Growth 20, P/E 20 PEG ได้ 1 เหมือนกันแต่ Break Even ตัวที่สองจะเร็วกว่า

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 7:32 am
โดย naphas12
naphas12 เขียน:หา Growth นี่แหละยากที่สุดแล้ว

อีกประเด็นคือ พวก Growth ต่ำ P/E ก็ต่ำ เช่น Growth 10% P/E 10 ได้ 1
ส่วนอีกตัว Growth 20, P/E 20 PEG ได้ 1 เหมือนกันแต่ Break Even ตัวที่สองจะเร็วกว่า
ดังนั้น ผมจึงคิดว่าสูตร Break Even น่าจะเหมาะสมกว่า และได้ทำสูตร Plug-In สำหรับ Excel ไว้แล้ว
ใครต้องการไว้ศึกษาก็แจ้งมาได้ครับ

=BreakEven(Price,EPS,Growth) ค่าที่ได้คือจำนวนปีที่จะคืนทุน (แต่ไม่ได้คำนวณมูลค่าปัจจุบัน)

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 5:21 pm
โดย SI Freedom
ในหนังสือ ลงทุนสวนกระแส ของแอนโทนี โบลตัน พูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน
ตัวแอนโทนี เองไม่นิยมใช้ PEG เพราะหาเหตุผลไม่เจอว่า ทำไมหุ้น 2 ตัว
ถึงมีความน่าลงทุนเท่ากัน เพราะ PEG เท่ากัน
ตัวแรก PE 5 G=5 ตัวที่สอง PE 10 G =10 .. แต่ถ้าต้องเลือกเค้าจะเลือกตัวแรก
ซึ่งส่วนตัวผมก็คิดว่า หาโอกาสในการเพิ่ม G ในอนาคต ง่ายกว่า การรักษา G ให้คงอยู่ในระดับสูงๆ เพราะถ้าโตสะดุดเมื่อไร อาจเจอ 2 เด้ง ซึ่งเราอาจจะกำลังได้เห็นจากค้าปลีกบางตัว แต่ประเด็นเรื่องการคืนทุน ก็สำคัญเช่นกัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบโมเดลธุรกิจด้วยครับ

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 22, 2013 10:36 pm
โดย ส.สลึง
น่าจะเหมาะกับ บ. ที่กำไรค่อนข้างเสถียร
ไม่ขึ้นๆ ลงๆ หรือบางครั้งก็ต้องแยกแยะ
ระหว่างกำไรปกติ กับกำไรพิเศษที่ทำให้
ภาพของ eps บิดเบี้ยว

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 23, 2013 12:51 pm
โดย BoatAttasit
G เป็นแค่สมมุติฐานของเราที่ยังไม่เกิดขึ้นเท่านั้นครับ

แต่ PE เป็นของจริงที่เกิดขึ้นแล้วและเป็นเงินของเราที่เราต้องจ่ายออกไปจริงๆ

และก็พึงระวังบริษัทที่เราตั้งGไว้สูงมากๆให้ดีครับ
มีบทความนึงของดร.นิเวศน์บอกว่า บริษัทที่เติบโต10%ในระยะยาวถือว่าใช้ได้
บริษัทที่เติบโต15%ถือว่าเยี่ยม บริษัทที่เติบโต20%นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในระยะยาวๆถ้าทำได้ก็ทำได้แค่ข่วงหนึ่งเท่านั้น

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 26, 2013 10:30 am
โดย nz
naphas12 เขียน:
naphas12 เขียน:หา Growth นี่แหละยากที่สุดแล้ว

อีกประเด็นคือ พวก Growth ต่ำ P/E ก็ต่ำ เช่น Growth 10% P/E 10 ได้ 1
ส่วนอีกตัว Growth 20, P/E 20 PEG ได้ 1 เหมือนกันแต่ Break Even ตัวที่สองจะเร็วกว่า
ดังนั้น ผมจึงคิดว่าสูตร Break Even น่าจะเหมาะสมกว่า และได้ทำสูตร Plug-In สำหรับ Excel ไว้แล้ว
ใครต้องการไว้ศึกษาก็แจ้งมาได้ครับ

=BreakEven(Price,EPS,Growth) ค่าที่ได้คือจำนวนปีที่จะคืนทุน (แต่ไม่ได้คำนวณมูลค่าปัจจุบัน)
สนใจครับ แนวคิดเป็นยังไงเหรอครับ

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 26, 2013 11:23 am
โดย pullmeunder
ระวังการใช้ค่า g ที่มากเกินไป

เช่น ค้าปลีกบางตัว pe 30 หาก g ปีที่แล้วคือ 30 แม้ peg จะได้เท่ากับ 1 แต่ก็ยังมีความเสี่ยงว่าการเติบโตปีละ 30% นั้นมันเป็นการคาดหวังที่มากเกินไปหรือปล่าว

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 26, 2013 1:38 pm
โดย Wongratt
todto เขียน:ระวังว่า Growth ต้องเป็น growth เฉลี่ยระยะยาวครับ ไม่ใช่แค่ปีนี้ปีหน้าครับ
เห็นด้วยครับ เห็นบทวิเคราะห์ใช้ Growth ปีเดียวบ่อยมากครับ เคยเห็นบางบทวิเคราะห์ให้เป้าบริษัท PEG 0.8 (โดย PE 40, Growth 50% ปีหน้าปีเดียว) ตกใจเลย

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 26, 2013 3:24 pm
โดย nz
แล้ว Growth เฉลี่ยระยะยาว ควรจะมองล่วงหน้าสักกี่ปีดีครับ

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 26, 2013 6:23 pm
โดย BoatAttasit
ไม่ควรเกิน5ปีครับ ผมว่ายาวเกินไปก็คาดเดายากเช่นกันนะครับ อุตสาหกรรม,การแข่งขัน เปลี่ยนได้ตลอด

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 26, 2013 9:38 pm
โดย vim
SI Freedom เขียน:ในหนังสือ ลงทุนสวนกระแส ของแอนโทนี โบลตัน พูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน
ตัวแอนโทนี เองไม่นิยมใช้ PEG เพราะหาเหตุผลไม่เจอว่า ทำไมหุ้น 2 ตัว
ถึงมีความน่าลงทุนเท่ากัน เพราะ PEG เท่ากัน
ตัวแรก PE 5 G=5 ตัวที่สอง PE 10 G =10 .. แต่ถ้าต้องเลือกเค้าจะเลือกตัวแรก
ซึ่งส่วนตัวผมก็คิดว่า หาโอกาสในการเพิ่ม G ในอนาคต ง่ายกว่า การรักษา G ให้คงอยู่ในระดับสูงๆ เพราะถ้าโตสะดุดเมื่อไร อาจเจอ 2 เด้ง ซึ่งเราอาจจะกำลังได้เห็นจากค้าปลีกบางตัว แต่ประเด็นเรื่องการคืนทุน ก็สำคัญเช่นกัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบโมเดลธุรกิจด้วยครับ
ตรงนี้น่าสนใจมากครับ เพราะ Peter Lynch เขียนในหนังสือ One Up on Wall Street ไว้ว่าเขาจะเลือกตัวที่ PE สูงกว่า เพราะเมื่อเวลาผ่านไป PE จะลดลงอย่างรวดเร็วเพราะ G สูง ผมเดาว่านี่น่าจะเป็นสไตล์ที่แตกต่างกันของสองท่านนี้

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 26, 2013 10:42 pm
โดย Little Duck
บางครั้งเห็นบทวิเคราะห์ใช้ fwd PE ลงในสูตร PEG
กลายเป็นหลอกว่า PEG ต่ำซะงั้น

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 27, 2013 6:49 am
โดย ส.สลึง
ถ้าเราคิดว่า ธุรกิจที่เราสนใจ
ควรมี pe ไม่ควรเกิน g
ถ้าเราอนุรักษ์นิยมสักหน่อย
g ที่ใช้ก็ควรสมเหตุสมผล
อันนี้ บอกไม่ได้ ต้องทำการบ้านเยอะๆ
จะ 3 ปี 5 ปี 10 ปี
คล้ายๆ เวลาขับรถ
ต้องมองให้ไกลเข้าไว้
แต่สายตาคนเรามองไกลได้ไม่เท่ากัน
ทักษะก็ไม่เท่ากัน (ประสบการณ์)
รถสภาพก็ต่างกัน (ข้อมูล)
มุมมองทัศนะก็ต่างกัน (ความรู้ในธุรกิจที่เราสนใจ)

แต่ที่แน่ๆ
ถ้าคุณเห็นข้างหน้าได้ไม่ไกล
คุณก็ควรขับรถให้ช้าลง
จริงไหม ?

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 27, 2013 3:31 pm
โดย SI Freedom
vim เขียน:
SI Freedom เขียน:ในหนังสือ ลงทุนสวนกระแส ของแอนโทนี โบลตัน พูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน
ตัวแอนโทนี เองไม่นิยมใช้ PEG เพราะหาเหตุผลไม่เจอว่า ทำไมหุ้น 2 ตัว
ถึงมีความน่าลงทุนเท่ากัน เพราะ PEG เท่ากัน
ตัวแรก PE 5 G=5 ตัวที่สอง PE 10 G =10 .. แต่ถ้าต้องเลือกเค้าจะเลือกตัวแรก
ซึ่งส่วนตัวผมก็คิดว่า หาโอกาสในการเพิ่ม G ในอนาคต ง่ายกว่า การรักษา G ให้คงอยู่ในระดับสูงๆ เพราะถ้าโตสะดุดเมื่อไร อาจเจอ 2 เด้ง ซึ่งเราอาจจะกำลังได้เห็นจากค้าปลีกบางตัว แต่ประเด็นเรื่องการคืนทุน ก็สำคัญเช่นกัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบโมเดลธุรกิจด้วยครับ
ตรงนี้น่าสนใจมากครับ เพราะ Peter Lynch เขียนในหนังสือ One Up on Wall Street ไว้ว่าเขาจะเลือกตัวที่ PE สูงกว่า เพราะเมื่อเวลาผ่านไป PE จะลดลงอย่างรวดเร็วเพราะ G สูง ผมเดาว่านี่น่าจะเป็นสไตล์ที่แตกต่างกันของสองท่านนี้
ผมเข้าใจว่า ปีเตอร์ ลินช์ ก็เป็นนักลงทุนในหุ้นเติบโตครับ และหุ้นเติบโตก้อมักจะตามมาด้วย PE สูงๆ แต่ผมว่า ลินช์ คงไม่เลือกลงทุนในหุ้นที่ PE มากกว่า G นะครับ ในหนังสือ One up on Wall street ลินช์ก็เป็นคนสรุปไว้เอง ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะโต 20-30% ไปตลอดสิบปีหน้า เอาแค่โต 10-15% คู่แข่งก้อเริ่มเข้ามาแล้ว และเข้าข่ายเป็นบริษัทโตร้อนแรงซึ่งมักจะลงเอยด้วย .... :twisted: :twisted: และบริษัทยังจะต้องหาวิธีจัดการกับกำไรที่ได้มาว่าทำอย่างไร ถึงจะไป re-invest ต่อให้ได้ roe สูงกว่าการปันผลออกมาสูงๆให้ ผถห. ซึ่งก็ไม่พ้นการขยายกิจการ ลงทุนเพิ่ม ซึ่งบางครั้งก็เจ็บตัวไปเอง
สุดท้ายผมว่าการลงทุนหุ้น PE 30 G 30 มันเป็นอะไรที่ aggressive มากเกินไปกว่าคำว่า Value Investment ครับ

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 27, 2013 4:09 pm
โดย vim
SI Freedom เขียน:
ผมเข้าใจว่า ปีเตอร์ ลินช์ ก็เป็นนักลงทุนในหุ้นเติบโตครับ และหุ้นเติบโตก้อมักจะตามมาด้วย PE สูงๆ แต่ผมว่า ลินช์ คงไม่เลือกลงทุนในหุ้นที่ PE มากกว่า G นะครับ ในหนังสือ One up on Wall street ลินช์ก็เป็นคนสรุปไว้เอง ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะโต 20-30% ไปตลอดสิบปีหน้า เอาแค่โต 10-15% คู่แข่งก้อเริ่มเข้ามาแล้ว และเข้าข่ายเป็นบริษัทโตร้อนแรงซึ่งมักจะลงเอยด้วย .... :twisted: :twisted: และบริษัทยังจะต้องหาวิธีจัดการกับกำไรที่ได้มาว่าทำอย่างไร ถึงจะไป re-invest ต่อให้ได้ roe สูงกว่าการปันผลออกมาสูงๆให้ ผถห. ซึ่งก็ไม่พ้นการขยายกิจการ ลงทุนเพิ่ม ซึ่งบางครั้งก็เจ็บตัวไปเอง
สุดท้ายผมว่าการลงทุนหุ้น PE 30 G 30 มันเป็นอะไรที่ aggressive มากเกินไปกว่าคำว่า Value Investment ครับ
ในหนังสือเล่มนั้นเขายกตัวอย่างระหว่างหุ้นสองตัวที่มี PEG 1 เหมือนกัน

ตัวแรก PE 10 G 10
ตัวต่อมา PE 30 G 30

เมื่อเวลาผ่านไปค่า PE ของสองตัวนี้ก็จะค่อยๆลดลง หากคิดค่า PE ล่วงหน้าเป็นรายปีแล้ว เราก็จะได้

ตัวแรก PE 10 -> 9.09 -> 8.26 -> 7.51 -> 6.83 -> 6.20 -> 5.64 -> 5.13
ตัวที่สอง PE 30 -> 23.08 -> 17.75 -> 13.65 -> 10.50 -> 8.08 -> 6.22 -> 4.78

จะเห็นว่าเมื่อเวลาผ่านไป 7 ปี หุ้นตัวที่สองจะโตจน PE ลงต่ำกว่าหุ้นตัวแรก ทั้งๆที่ราคาตั้งต้นสูงกว่า ดังนั้นหากหุ้นนั้นเติบโตได้ที่ G สูงจริงๆ การลงทุนก็จะคุ้มในระยะยาว

ตรงนี้เองที่ Lynch ให้ข้อระวังไว้เหมือนที่คุณ SI Freedom ว่าไว้ คือเราต้องถามตัวเองว่าการเติบโตของบริษัทนั้นจะโตไปได้นานอีกเท่าไหร่ หากการเติบโตลดลงกว่าที่คาดก็อาจเป็นปัญหา การลงทุนในหุ้นเติบโตจะต้องระวังประเด็นนี้

แต่ Lynch ก็ยกตัวอย่างหุ้นที่เติบโตไปได้โดยไม่มีหยุดอยู่ตัวหนึ่ง คือหุ้น McDonald's ซึ่งมีช่วงเติบโตอยู่หลายช่วง ตั้งแต่ช่วงแรกที่ขยายสาขา พอถึงจุดหนึ่งผู้คนก็คิดว่าบริษัทนี้เริ่มอิ่มตัว ราคาหุ้นเลยลงมา ซึ่งหารู้ไม่ว่าบริษัทนั้นหันไปเปิดร้าน Drive-Through ซึ่งทำให้เติบโตได้อีกรอบใหญ่ๆ หลังจากนั้นก็ซาๆลงไป มาเติบโตรอบที่สามด้วยการขายอาหารเช้า และเติบโตอีกรอบด้วยการเปิด McCafe หุ้นเติบโตแบบนี้ Lynch จะชอบมาก

นอกจากนั้นขอเสริมเรื่อง PEG ของ Lynch ที่เขาจะใช้สูตร PEG = PE / (Growth + Dividend) ซึ่งอาจไม่ตรงกับแนวคิดนักการเงินสายหลักเท่าไหร่ เพราะเขาถือว่าการเติบโตของกำไรของบริษัท ต้องชดเชยด้วยปันผลที่ปันมาด้วย

Re: การวัดคุณค่าหุ้นโดยดูที่ PEG Ratio มีข้อพึงระวังอะไรบ้าง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 05, 2013 8:24 am
โดย chowbe76
อะไรที่เกี่ยวข้องกับPEให้ระวังวัฏจักร