investment biker เขียน:
เข้าใจว่าพลพรรคเหล่าอินทรี(ย์) น่าจะเชี่ยวชาญหุ้น Makro มากกว่าผมมาก อยากทราบความเห็นนิดนึง แต่ช่วงนีัได้ข่าวว่ากำลังฝึกวิชาเสื้อเกราะไหมฟ้า ไม่รู้ว่าจะมีเวลามาตอบไหม
มิบังอาจครับพี่นักขี่ ความรู้กระผมเพียงเศษเสี้ยวของเซียนหุ้น9หลักครับพี่ แต่พี่IB ให้เกียรติเรียกใช้บริการ จะลองเล่านิทานจากมันสมองอันน้อยนิดนะครับ
ว่ากันจากตัวอุตสาหกรรมก่อนเลยดีกว่า makroอยู่ในอุตสาหกรรมที่จะเรียกว่าห่วยแตกกกก อุตฯหนึ่งเลยก็ว่าได้ เป็นอุตฯค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค barrier of entry ไม่มีซะละ แต่เดิมใครพอมีตังสักหน่อย มีรถกระบะคันนึง ลูกน้องติดรถ1หรือ2คนก็โดดมาทำธุรกิจนี้ได้ อาศัยตัดของกันไปตัดของกันมา gross marginบางเจี๊ยบ ไม่น่าจะเกิน2.5% วันวานที่makroโดดมาทำธุรกิจ เหนื่อยนะครับ แต่ก่อนแรงงานหาง่าย ใครก็ทำค้าส่งโชว์ห่วยได้ ว่ากันด้วยราคาล้วนๆ แล้วสภาพตลาดวันวานก็ต่างกับวันนี้เยอะ แต่เดิมตามตลาดจะมีร้านโชว์ห่วยจำนวนมาก แต่เด๋วนี้ล้มหายตายจากเหลือไม่ถึง30% เนื่องด้วยลูกหลานไม่รับสืบทอดกิจการ การบริหารแรงงานเป็นเรื่องยากเย็น ลองนึกภาพนะครับ น้ำตาลทรายกระสอบหนึ่ง50kg น้ำมันปี๊บละ12kg แป้งลังละ10kg ฯลฯ คนไทยไม่ทำแล้วครับ บ่นว่าหนัก เหนื่อยเกินไป แรงงานพม่า เขมรทั้งนั้นที่อยู่ในอุตฯ แล้วส่วนใหญ่ลูกหลานร้านโชว์ห่วยจะเป็นได้ดีเป็น หมอ วิดวะ อาจารย์ จึงไม่ใคร่อยากลำบากเหมือนรุ่นพ่อแม่ ย้อนวันวานกันอีกสักนิด เมื่อสักยี่สิบกว่าปีก่อนตอนที่makroเข้ามาใหม่ ครัวเรือนยังไม่มีรถแทบทุกบ้านเหมือนทุกวันนี้ คนที่ไม่มีรถจึงต้องใช้บริการยี่ปั๊วท้องถิ่น ภาพคนใช้บริการmakroจึงไม่หลากหลายเหมือนทุกวันนี้ ใครจะนั่งรถเมล์ไปซื้อของmakroมาขาย ถุงก็ไม่มีใส่ นั่นคือภาพอดีตคร่าวๆที่makroฝ่าฟันมา
ปัจจุบันภาพเปลี่ยน ร้านโชว์ห่วยขนาดใหญ่ตามตลาดล้มหายตายจากเหลือไม่ถึง30%ได้มั้ง ร้านเหล่านี้เองที่เป็นทั้งยี่ปั๊วซาปั๊ว ให้กับร้านโชว์ห่วยเล็กๆตามตรอกซอกซอยตามหมู่บ้านมาซื้อไปขาย ร้านขายส่งที่ไม่มีหน้าร้านเองก็ประสบชะตากรรมไม่หนีกัน ขาดแคลนแรงงานเป็นปัจจัยหลัก ประกอบกับปัจจุบันครัวเรือนส่วนใหญ่มีรถ ดังนั้นหวยก็มาออกที่makro แค่อยู่เฉยๆ marget shareก็เพิ่มขึ้น แต่บังเอิญmakroไม่เฉย ก็เลยเติบโตกันไป
ผมไม่รู้ว่าจะเรียกmakroว่าเป็นดอกไม้กลางทะเลทราย เหมือนปีเตอร์ ลินซ์เคยว่าไว้ได้ไหม
ในวันนี้makroเองก็มาไกลเกินกว่าที่จะมีหน้าใหม่ในอุตฯไล่ทัน และถึงจะมีใครคิดจะมาขอแบ่งเค้ก แค่เจอgross margin ของธุรกิจก็ต้องคิดหนักละครับ
คงพอจะตอบคำถามจขกท.ได้นะครับ
ผมว่าการไร้ซึ่งคู่แข่งของmakroเป็นเหตุผลครึ่งนึงที่เจ้าสัวตัดใจซื้อmakroขึ้นมา เหตุผลอีกครึ่งอยู่ที่โอกาสทางธุรกิจครับ มันเปิดกว้างมากถึงมากที่สุด อ้ออีกเหตุนึงก็คงเป็นchannelในการปล่อยสินค้าเครือcpออกสู่ตลาด ขอสงวนไม่พูดถึงhidden agendaนะครับ
เราลองมาสำรวจmakroกัน เท่าที่นึกได้ ผมขอแบ่งเป็นcategoryแบบนี้
1.สินค้าอุปโภคบริโภค เรียกโชว์ห่วยละกัน
2.อาหารสด ผัก ผลไม้
3.สินค้าแช่แข็ง ทั้งพืชผัก เนื้อสัตว์แช่แข็ง
4.อุปกรณ์เครื่องครัว รวมถึงเครื่องใช้ไม้สอยภายในบ้าน ร้านอาหาร
5.food packaging
6.เครื่องใช้ไฟฟ้า
7.ยาและเวชภัณฑ์
เรามาดูข้อ1กัน ก็คงโตตามการบริโภคภายใน และการกินตลาดtraditional trade
ข้อ6 ผมว่าmakroเขาไม่ได้โฟกัสมาก อาจจะเน้นในส่วนพวกตู้แช่ที่ใช้ในร้านอาหารมากกว่า
ข้อ7 เวชภัณฑ์ยอดขายหลักมาจากพวกกลุ่มยาบรรจุเสร็จ พวกทัมใจ ทิฟฟี่ เนื่องจากยากลุ่มนี้มีchannelหลักอยู่ที่ร้านชำตามหมู่บ้าน(ยอดขายสูงกว่าร้านขายยาหลายเท่านะครับ) แต่ก็คงจะโตยาก เพราะบริษัทยาหลายๆแห่งมีข้อตกลงกับสมาคมร้านขายยา ว่าจะไม่ขายตรงถึงmakro ให้ไปซื้อผ่านปั๊วยาอีกที ด้วยเหตุกลัวmakroทำลายโครงสร้างราคาขายปลีกยา
ตั้งแต่ข้อ2-ข้อ5 น่าสนใจมากครับ และสัดส่วนกำไรที่มาจาก4ข้อนี้ก็growthในอัตราที่น่าสนใจติดต่อกันมาหลายปี(จำตัวเลขไม่ได้) Gross margin ผมกะคร่าวๆเฉลี่ยน่าจะสูงถึง20-30% เหตุผลก็คือเทรนด์เปลี่ยน อย่างร้านเครื่องครัว เด๋วนี้จะหาซื้อเครื่องครัวตามตลาดนี่ไม่ใช่จะหากันง่ายๆแล้วนะครับ ร้านเครื่องครัวมีแต่ปิดตัวลง ที่เปิดอยู่ก็มีแต่จะเล็กลงๆ สาเหตุก็คล้ายๆร้านโชว์ห่วย ปัญหาแรงงาน แต่เครื่องครัวจะเป็นสินค้าที่turn over rateไม่เร็วเหมือนโชว์ห่วย สต๊อกกันที ขายลืม แถมnatureของธุรกิจ ลูกค้าชอบต่อราคามาก
พวกFood packaging นี่ก็กำไรกันมโหฬาร แถมมีคุณลักษณะหนึ่งน่าปวดหัวต่อผปก.มากก็คือกินที่ ตึกแถวคูหาหนึ่ง2ชั้น เก็บโฟมใส่อาหารได้ไม่น่าจะเกิน3แสนบาท มันเป็นสินค้าที่ต้องการสถานที่ใหญ่ทีเดียว แล้วคิดดูมีโฟมในท้องตลาดเป็นร้อยรูปแบบ ต้องใช้เนื้อที่มหาศาลขนาดไหน
ส่วนพวกอาหารสดอาหารแช่แข็งก็คงพอเดาได้ว่าทำไมถึงโตเยอะนะครับ
อีกจุดนึงที่คนมองข้ามไป เด๋วนี้จะเห็นend userเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ
ว่าด้วยยุทธศาสตร์การเติบโตเชิงรุก เอาง่ายๆแค่เปิดสโตร์ให้ครบทุกจังหวัด บางจังหวัดสามารถมีได้2-3สโตร์ แค่นี้ก็โตได้เป็นเท่าตัว นอกจากนี้ก็สามารถเพิ่มformatใหม่ๆได้อีก ตัวอย่างเช่นfood service ที่ตอนนี้มี2สาขา ผลตอบรับดีทีเดียว ผมเคยไปเดินที่หัวหินมา ก็ชอบนะครับ ตอบโจทย์ร้านอาหารและรร. ได้ครบ สาขานี้ไม่เน้นโชว์ห่วยครับ ส่วนตัวผมเองอยากให้makroลงมาเพิ่มสโตร์ขนาดกลางพท.ราว1500ตรม. เพราะสะดวกในการเจาะตลาด ไม่ติดกม.ผังเมืองด้วย
ผมมองว่าการมาของcpallเป็นcatalyst ให้makro ที่ผ่านมาผบห.เดินเกมส์ด้วยความระมัดระวังยิ่ง สังเกตุไหมครับ เปิดปีนึงไม่เยอะ แต่ไม่เคยมีเจ๊ง ผิดกับcpall เจ้านั้นเค้ากล้าลอง ถ้าไม่work ก็ปิด ผมว่าถ้าmakroและcpallได้เรียนรู้แลกเปลี่ยน ประสบการณ์กัน ตรงนี้แหละที่ผมมองว่ามันsynergyกัน
เอ่อ...จบดีกั่ว ง่วง
ขอบคุณพี่IB มากครับที่ทำให้ผมได้โม้เหม็นยาวยืด ตอนนี้อยู่ในเกราะไหมฟ้ายี่ห้อ aro ครับพี่ จึงรอดพ้นหายนะมาได้
ผมไม่ได้เชียร์ให้ซื้อ ถือ ขาย makro ใดๆนะครับ เพราะส่วนตัวก็ยังลังเล ทำอะไรไม่ถูกครับ