Thai VI

ตอนนี้ SET ลบประมาณ 70 จุด ยอมรับว่าไม่ค่อยได้ทำอะไรเลยครับ หุ้นที่มีอยู่ก็ไม่ได้ขาย เพราะตอนที่ซื้อก็ประเมินแล้วว่า MOS น่าจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง โอเคครับตลาดเล่นกันหนักแบบนี้มันก็คงต้องไหลตามลงมาอยู่แล้ว ครั้นจะขายออกไปก็รู้สึกว่าด้วยปัจจัยบวกของหุ้นตัวนั้น ถ้าตลาดหยุดบ้าคลั่งมันก็น่าจะกลับมาได้ ส่วนหุ้นที่เคยอยากได้ก็ซื้อเข้ามาหน่อย

เป็นธรรมดาพอร์ตที่เคยพีค ๆ มันก็ต้องลดลงมาบ้าง อยู่ที่ว่าจะทำใจให้นิ่งมากน้อยแค่ไหน อยากจะมองเทียบกับพอร์ตช่วงที่พีคสุดหรืออยากจะมองจากจุดที่พอร์ตเคยต่ำที่สุด ถ้ามองแบบแรกก็คงจะเครียด แต่ถ้ามองแบบหลังก็คงจะสบายใจกว่า ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกจุดอ้างอิงที่จุดไหน

โชคดีทุก ๆ ท่านครับ

ขอบคุณคุณเล็กครับ ในยามนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่ากำลังใจครับ สูดหายใจลึกครับ ก็เพราะวิกฤตไม่ใช่หรือที่ทำให้ผมมีวันนี้

ผมไม่ได้ขายเหมือนกันครับ

ปล. ไม่ได้แนะนำว่าควรหรือไม่ควรนะครับตัดสินใจกันเองครับ

ดีซะอีกครับ ได้หุ้นตัวที่เราอยากซื้อ

แต่สิ่งที่ทำให้ผมได้เห็นคือ หุ้นบางตัวที่ขึ้นมาด้วย story บางอย่าง อาจจะเป็น story ของตัวบ.เอง หรือเทรนอะไรบางอย่าง จนทำให้ราคามันวิ่งขึ้นไปอย่างไร้เหตุผลและอาจจะทำให้เราหลงมองว่ามันดีจริง ๆ หรือเสียดายที่ไม่ได้โดดเกาะไปกับเค้าด้วย หุ้นเหล่านั้นยามตลาดลงอย่างรุนแรง มันก็ไหลลงแรงกว่าตลาดมากชนิดที่ bid เข้ามาเท่าไหร่ก็มีทิ้งให้ตลอด

นับจากต้นปีตลาดยังบวกอยู่นะครับ อย่าลืม

ได้ลงทุนในบริษัทที่ชอบ ในราคาที่ถูกลงครับ

tt เขียน:นับจากต้นปีตลาดยังบวกอยู่นะครับ อย่าลืม

SET (28/12/2012) ปิด 1391.93 จุด ผลตอบแทนเงินปันผลของ SET ปี 2012 = 2.98%

SET (11/06/2013) ปิด 1452.63 จุด

SET จากต้นปียังบวกอยู่ 4.36% ถ้าบวกเงินปันผลเข้าไปด้วยก็ 7.34%

หุ้นลงก็ดีนะจะมีโอกาสได้ทะยอยซื้อ สำหรับผมถือเป็นโอกาสนะ ผมไม่ได้มองว่าเป็นวิกฤติ
นานๆจะได้เห็นการลงแรงๆอย่างนี้ซักที

ผมก็ไม่ได้ขายครับ
ครั้งนี้หุ้นตกเพราะอะไรครับ
ต้มยํากุ้ง, hamberger, greexit, Gulf war, tsunami or great flood???

eventually แล้วมันก็จะผ่านไป ตลาดหุ้นเปนเรื่องของจิตใจ เกินครึ่ง


เปนโอกาสที่จะได้ซื้อเพิ่ม และอีกบทเรียนของ margin of safety

ยอมรับว่าวันนี้มึนครับ แต่ก็อยู่เฉยๆเหมือนกันเพราะมองหุ้นแต่ละตัวที่ถือก็ไม่ได้แพง ยังมีอัพไซด์พอสมควรเลยตัดใจขายไม่ลง

หุ้นตกครั้งนี้ก็ไม่แปลก เพราะบางตัวอาจขึ้นมาเกินพื้นฐาน จะเห็นได้ว่า % เงินปันผลแค่ 2% กว่าเท่านั้นเองครับ ก่อน subprime 3 กว่าเกือบ 4

ผมหุ้นเต็มพอร์ท ฝ่าวิกฤตมาตลอด เลยยังไม่มีประสบการณ์ short แล้วรอช้อนครับ ใครมีรบกวนช่วยแชร์ด้วยครับ ว่าตอนนั้นคิดยังไง ถึงมั่นใจว่าจะเกิดวิกฤต

ดัชนีตกนับจุดสูงสุดถึงวันนี้ ลดลงเพียง 13% เท่านั้น ยังนับว่าน้อยมาก

แต่มูลค่าสินทรัพย์ของผมหายไปแล้ว 50%

ผมมีการปรับพอร์ทเล็กๆ ถือหุ้น100 % ตลอด ในปีนี้4 เดือนแรกพอร์ทสร้างนิวไฮมาตลอด ถึงเดือน5ถึงปัจจุบันมีอาการเป๋ตามตลาด ซึ่งดัชนีระดับนี้ผมระแวงตลอดเวลา โดยมีการขายไปหลายตัวตามสถาณการณ์และปัจจุบันพอร์ทลดลงประมาณ15% จากจุดสูงสุด โชคดีที่มีการสะสมไว้มากพอสมควร และผมก็ยิ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิต ถ้าภาพรวมยังลงอีก ไม่ใช่ไม่แน่ใจตัวหุ้นที่ถือนะ แต่บางครั้งหุ้นที่ดีบางตัว(ไม่ได้ถือ)ก็เกิดอาการเหวี่ยงแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ก็ต้องปรับพอร์ทกันบ้างเพื่อรอการดีดกลับ สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้จริง ก็ต้องดูผลงานบรรทัดสุดท้ายครับ

ขออนุญาติให้คำแนะนำนิดนึงนะครับ สำหรับนักลงทุนที่มีความรู้มากพอและมีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ผมคงไม่ขอแนะนำอะไร เพียงอยากจะเตือนสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่อาจยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ดีพอถึงหุ้นที่เข้าลงทุน ถ้าไม่มั่นใจในตัวธุรกิจหรือการประเมินราคาเหมาะสมจริงๆ อย่าเพียงแค่ทนถือนะครับ ประเมินความเสี่ยงของพอร์ตให้ดี รักษาเงินต้นสำหรับการลงทุนอย่างรอบคอบ ตลาดหุ้นมีโอกาสเสมอเมื่อเราพร้อม ลดความเสี่ยงบ้างก็คงช่วยให้คุณลงทุนในระยะยาวต่อไปได้ แต่ถ้ามั่นใจทำการบ้านมาดีก็ถือลงทุนกันต่อไป

โชคดีทุกๆ คนนะครับ

เราไปเทียบกับจุดสูงสุด ลองไปดูมันขึ้นจากจุดต่ำสุดสิ จะเห็นว่ามันลงมานิดเดียวเอง แล้วเราจะกังวลอะไร

ขอถามหน่อยครับ ที่หุ้นลงคราวนี้เพราะเศรษกิจในประเทศเราเริ่มไม่ดีหรือเปล่า ขอบคุณครับ

Smsalert เขียน:ขอถามหน่อยครับ ที่หุ้นลงคราวนี้เพราะเศรษกิจในประเทศเราเริ่มไม่ดีหรือเปล่า ขอบคุณครับ

น่าจะเป็นเรื่องของ fund flow เป็นส่วนใหญ่นะ เพราะเห็นผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น + ค่าเงินบาทอ่อนระทวย จนตอนนี้ไม่เห็นผู้ส่งออกมาบ่นสักคำ

ปีนี้ยังเฉยๆ อาจมีผลประกอบการ Surprise ซัก 1-2 Quarter
แต่ลองคิดภาพปีหน้า ปีต่อไป ยาวๆ แล้วจะเหนื่อยหน่อย สำหรับบริษัททั่วๆไปนะครับ
1. ภาษีไม่มีลดอีกแล้ว, 20% ขาดตัว
2. นโยบายประชานิยม ยังไปต่อไหม : บ้านหลังแรกไปแล้ว, รถคันแรกไปแล้ว, จำนำข้าวไปแล้ว, ปรับค่าแรง 300 บาท ไปแล้ว, ราคาข้าวของขึ้นพร้อมกันหมด...ทำอะไรต่อดี (ทีวีดิจิตอลเครื่องแรกดีไหมครับ??...อิอิ ถูกไปหน่อย คงไม่ไหว)
3. รัฐบาลเริ่มต้องกู้เงินหนัก ซึ่งไม่รู้ว่าจะ Boost ภาคธุรกิจ ได้ดีขนาดไหน
4. บริษัทใหญ่ๆ รุกหนักสำหรับการออกไปต่างประเทศ ตีความได้ 2 แบบ คือ แสวงหาโอกาสใหม่ หรือ ในประเทศโตยาก แล้ว ซึ่งการไปต่างประเทศ หากพื้นฐานไม่เจ๋งจริง ก็ไม่ใช่ว่าจะดี
5. นักลงทุนมือใหม่ อาจยังไม่เจอ Port ติดลบเยอะๆ ตอนนี้ก็แค่ขาดทุนกำไรกัน ผมว่า หากขาดทุน ต้นทุนนี่หลอนแน่นอน (...แต่การลงทุนแบบ VI กลยุทธ์หลักอย่างนึงที่ใช้ได้ผลดี ก็คือ ลืมต้นทุน)

เขียนมาตั้งเยอะ บ้างข้อ อาจไม่ตรงแนว VI
ยังไงก็ Stay Calm, Stay Invest เหมือนเดิมแหล่ะครับ
เก็บกระสุนไว้สู้ Titan กันบ้างก็ดี
หรือไม่ก็ไปขุดหากระสุนมาเพิ่ม เอาแบบล้มช้างเลยคราวนี้

ให้กำลังใจทุกคนครับ ผมก็อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย โดนไปเยอะอยู่ แต่ยังไงก็จะทำใจให้สงบนิ่งครับ ขอฝากคำพูดจากหนังสือของ Peter Lynch ไว้หน่อยครับ ตอนนี้เป็นช่วงทดสอบจิตใจของ VI เลย ถ้าจะลงทุนวันแบบนี้ยังไงก็ต้องเกิดอีกเป็นสิบๆ ครั้งครับ



"เวลาหุ้นขึ้นแรงๆ เหล่านักวิเคราะห์ก็จะบอกว่าหุ้นมีการขึ้นมาเยอะแล้วจะมีแรงเทขายทำกำไร ให้ชะลอการลงทุนไว้ก่อน.... ถ้าเมื่อใดหุ้นตกลงไปแรง แทนที่พวกเขาจะเชียร์ให้เราซื้อหุ้น พวกเขากลับบอกว่า "การตกลงมาแรงครั้งนี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อ 2 ปีก่อนที่อเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอย ให้ชะลอการลงทุนไว้ก่อน..." ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายๆจะมีอยู่ทุกที่และตลอดเวลา ถ้านักลงทุนเชื่อนักวิเคราะห์เหล่านั้น คุณก็จะไม่มีวันได้ซื้อหุ้นเลยเพราะจะต้อง"ชะลอการลงทุนไว้ก่อน" อยู่เสมอ

เส้นแบ่งแยกระหว่างนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จและนักลงทุนผู้พ่ายแพ้ ไม่ใช่ความเฉลียวฉลาด และการอ่านงบการเงิน หรือแม้แต่การหาจังหวะที่เส้นกราฟตัดกันไปมา แต่เป็นการเพิกเฉยต่อข่าวร้ายๆที่เกิดขึ้นในวอลสตรีทต่างหาก"
Peter Lynch

ไม่รู้ว่าเปรียบได้อย่างอารมณ์ของคนเรารึเปล่า วันนี้เค้าอาจจะโกรธ วันพรุ่งนี้อาจจะอารมณ์ดีก็ได้. ซึ่่งอารณ์ของคนเรามันก็เป็นอย่างนี้แหละเดี๊ยวดี เดี๊ยวไม่ดี

ช่วงนี้ของผม เป็นช่วงเดินเช็คของในตลาดครับ
กำลังเปรียบเทียบว่าอันไหนดีกว่าอันไหน หรือซื้ออันเดิมที่ราคา
ลดลงมาดี อีกไม่นานคงได้เวลาชอปปิ้งของผมครับ...^^)

ภาวนาทุกวันให้มันตกสัก 80% จะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่

น้ำลด บริษัทไหนไม่ได้ใส่กางเกงบ้าง ยกมือขึ้น 555 ลดความเครียด

theerasak24 เขียน:ไม่รู้ว่าเปรียบได้อย่างอารมณ์ของคนเรารึเปล่า วันนี้เค้าอาจจะโกรธ วันพรุ่งนี้อาจจะอารมณ์ดีก็ได้. ซึ่่งอารณ์ของคนเรามันก็เป็นอย่างนี้แหละเดี๊ยวดี เดี๊ยวไม่ดี

เห็นด้วยกับพี่ธีครับ..เป็นธรรมดาของโลก..ใจเราวันนึงยังหลายอารมณ์...ก็เพราะอารมณ์และอารมณ์โลกมันถึงได้
แปรปรวน..(เราก็ดูในสิ่งที่เราควรจะดูครับ..พื้นฐานของกิจการเป็นที่ตั้ง)อย่าให้อารมณ์และอารมณ์พัดเราปรวนแปรและเรรวนไปกลับคลื่นลม...

วันนี้โอกาสซื้อครับ

เวลาเลือกหุ้นจะคิดเสมอว่านักลงทุนเค้าคาดหวังอะไรกับหุ้นตัวนี้ถ้ามีmosที่คิดว่าเพียงพอก้จะซื้อ แต่เวลาหุ้นลงแรงๆ เหมือนสิ่งที่เราคิดว่านักลงทุนคาดหวังกันเค้าเลิกหวังไปแล้วหรอเนี่ย หรือว่าพื้นฐานหุ้นเปลี่ยนโดยที่เรามองไม่ออกอันนี้กังวลที่สุด

จนถึงวันนี้ลดลงไป 10 กว่าเปอเซนต์แล้ว แต่ก็ไม่ขายสักหุ้นยังถือเต็มร้อย วันนี้ก็ยังซื้อเพิ่มอีกนิดหน่อย ผมมองดูที่บริษัทครับ เดือนนี้คงไม่ได้ซื้ออีกแล้ว 5555++ เพราะเก็บเงินได้เท่านี้เอง จากนี้ไปก็รอผลงานของบริษัทเท่านั้นว่าจะเป็นอย่างที่คาดหวังไว้หรือไม่

เห็นแล้ว ผมไม่ทำไรเลยครับ เงินอยู่ในหุ้น 100% คิดว่าลงทุนในบริษัทที่มั่นใจแล้ว ไม่นั้งดูราคาวิ่งขึ้นวิ่งลง

ปกติจะเป็นคนถือหุ้นเกือบ 100% และขายหุ้นขาลงไม่ค่อยเป็น
ด้วยมั่นใจในหุ้นที่เลือกมา และด้วยเรื่องของจิตวิทยา ทำให้ทุกครั้ง
ที่ตลาดตกหนักๆ พอร์ทก็จะเสียหายมาก พร้อมๆกับความรู้สึกเจ็บปวด
ที่หุ้นที่ถืออยู่ ลงแบบไร้เหตุผล

สำหรับรอบนี้หลังจากได้ดูจากหลายๆปัจจัย ก็ตัดสินใจลดพอร์ท ตั้งแต่ดัชนี 16xx
แต่เนื่องจากสภาพคล่องของหุ้นที่ถือน้อยและมัวแต่เกี่ยงราคา ก็เลยยังโดนไปไม่น้อย

ครั้งนี้ก็เลยตัดสินใจจะ Short SET50 เพื่อมาHedge กับพอร์ทที่ถืออยู่
จากที่รู้เรื่อง TFEX น้อยมาก ก็เลยไปหาซื้อหนังสือมาศึกษาแบบด่วน
สุดท้ายก็ short set50 เป็นครั้งแรก ศุกร์ที่แล้ว
short ปุ๊บก็โดนตลาดช้อตไป 2วัน แต่ก็เฉยๆนะ
แต่สำหรับวันนี้ผมหลุดพ้นจากความเจ็บปวดไปได้
สำหรับพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรผมก็รับได้ทั้งนั้น