การเคลื่อนย้ายการผลิตจากไทยสู่เพื่อนบ้าน ... (รวบรวมข่าว)
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 25, 2013 12:32 pm
ฮงเส็งทุ่มพันล.ตั้ง3รง.ใหม่ต่างแดน ลุยเวียดนามพม่ากัมพูชาหนีพิษแรงงานขาด-แพง
updated: 24 พ.ค. 2556 เวลา 00:57:41 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ฮงเส็งการทอหนีพิษค่าแรงแพง-แรงงานขาด หอบเงินเฉียด 1,000 ล้านบาท บุกตั้งโรงงานเครื่องนุ่งห่มใหม่ใน 3 ประเทศ เวียดนาม-พม่า-กัมพูชา พร้อมขยายโรงงานเฟสสองหลังประสบความสำเร็จจากโรงงานเฟสแรกในเวียดนาม เผยประเทศเพื่อนบ้านหาแรงงานง่าย ราคาถูกกว่า ชี้ค่าเงินบาทอ่อนลงไม่ช่วยอะไรมากนัก เหตุค่าเงินประเทศเพื่อนบ้านอ่อนลงตาม
นายสุกิจ คงปิยาจารย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮงเส็งการทอ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้บริษัทมีแผนลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องนุ่งห่มใหม่ 3 แห่ง ในประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม พม่า และกัมพูชา โดยเตรียมเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 870 ล้านบาท แต่ละประเทศคาดว่าจะใช้เงินลงทุนแห่งละประมาณ 8-10 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 3 เฟส เพื่อให้ได้กำลังการผลิตรวมแห่งละ 0.8 -1.0 ล้านตัวต่อเดือน
"ขณะนี้ในเวียดนามได้มีการลงทุนเฟสแรกแล้ว และได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ จึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานเฟสที่ 2 ในพื้นที่เดียวกันกับโรงงานเดิม ขณะที่ในอีก 2 ประเทศที่เหลือคือพม่า คาดว่าจะหาข้อสรุปเรื่องราคาที่ดินได้ภายใน 3-4 เดือนนี้ เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมต่อการดำเนินการเฟสแรกในปี 2557 ส่วนในกัมพูชาอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินและระยะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าไปลงทุน แต่ถ้าเป็นไปได้คาดว่าจะสามารถดำเนินการเฟสแรกได้ภายในปี 2557 เช่นเดียวกับที่พม่า" นายสุกิจกล่าว
นายสุกิจกล่าวต่อไปว่า การที่ออกมาตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นเนื่องจากแรงงานหาได้ง่ายมากกว่าในประเทศไทย ขณะที่โรงงานในไทยจะเป็นเรื่องของการขาย การทำตลาด การจัดซื้อจัดหา การเงิน ในส่วนโรงงานที่มีอยู่แล้วในจีนอาจไม่มีการขยายเพิ่ม เนื่องจากค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น
นายสุกิจกล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทในขณะนี้ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าค่าเงินบาทมีความผันผวนน้อยลง และนิ่งมากขึ้น โดยค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงในช่วงนี้ เชื่อว่าเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีตัวเลขที่ดีขึ้น ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้น มากกว่าที่จะเป็นผลมาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวคิดจะนำ 4 มาตรการมาใช้ควบคุมเงินทุนไหลจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามา อย่างไรก็ตาม การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงตอนนี้ไม่ได้ส่งเสริมการส่งออกของผู้ประกอบการไทยเท่าไหร่ เนื่องจากการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นส่งผลให้เงินของประเทศอื่นในภูมิภาคนี้อ่อนค่าลงตามไปด้วย จึงยังไม่เห็นความแตกต่างจากเดิมมากนัก ซึ่งมาตรการที่ออกมามีผลให้ค่าเงินลดลง หรือหยุดเงินทุนไหลเข้าได้จริงหรือไม่ ก็ยังตอบไม่ได้จนกว่า ธปท.จะประกาศออกมา
ส่วนกรณีโรงงานสิ่งทอในประเทศบังกลาเทศเกิดไฟไหม้ และทำให้มีคนงานเสียชีวิตนั้น อาจทำให้ผู้นำเข้าในสหรัฐอเมริกาที่ให้ความสำคัญเรื่องแรงงานเกิดความกังวลถึงมาตรฐานความปลอดภัย และอาจมีการมองหาตลาดผลิตสินค้ารองจากบังกลาเทศนั้น นายสุกิจกล่าวว่า สินค้าสิ่งทอในไทยไม่ได้รับอานิสงส์จากเรื่องนี้ในทันทีทันใด เนื่องจากหากลูกค้าจะมองหาตลาดผลิตสินค้าแทนการผลิตในบังกลาเทศนั้น เป็นไปได้ที่จะเลือกตลาดเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา แล้วจึงมาเลือกที่ไทยตามลำดับ
"เหตุผลที่ลูกค้าจะเลือกสินค้าจากประเทศอื่นก่อนเนื่องจากสินค้ามีราคาถูกกว่าในเมืองไทย และมีคุณภาพไม่แตกต่างมากเกินไป ยกเว้นกรณีที่ประเทศที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ อานิสงส์จึงจะตกมาถึงไทย แม้ไทยจะมีจุดแข็งในด้านความปลอดภัย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นอย่างในบังกลาเทศ และมีกฎหมายการดูแลแรงงานอย่างเหมาะสม แต่เมื่อมองถึงราคาแล้วจะทำให้ลูกค้ายังลังเลที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าสิ่งทอจากไทย" นายสุกิจกล่าว
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 1369331905
updated: 24 พ.ค. 2556 เวลา 00:57:41 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ฮงเส็งการทอหนีพิษค่าแรงแพง-แรงงานขาด หอบเงินเฉียด 1,000 ล้านบาท บุกตั้งโรงงานเครื่องนุ่งห่มใหม่ใน 3 ประเทศ เวียดนาม-พม่า-กัมพูชา พร้อมขยายโรงงานเฟสสองหลังประสบความสำเร็จจากโรงงานเฟสแรกในเวียดนาม เผยประเทศเพื่อนบ้านหาแรงงานง่าย ราคาถูกกว่า ชี้ค่าเงินบาทอ่อนลงไม่ช่วยอะไรมากนัก เหตุค่าเงินประเทศเพื่อนบ้านอ่อนลงตาม
นายสุกิจ คงปิยาจารย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮงเส็งการทอ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้บริษัทมีแผนลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องนุ่งห่มใหม่ 3 แห่ง ในประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม พม่า และกัมพูชา โดยเตรียมเงินลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 870 ล้านบาท แต่ละประเทศคาดว่าจะใช้เงินลงทุนแห่งละประมาณ 8-10 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 3 เฟส เพื่อให้ได้กำลังการผลิตรวมแห่งละ 0.8 -1.0 ล้านตัวต่อเดือน
"ขณะนี้ในเวียดนามได้มีการลงทุนเฟสแรกแล้ว และได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ จึงเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานเฟสที่ 2 ในพื้นที่เดียวกันกับโรงงานเดิม ขณะที่ในอีก 2 ประเทศที่เหลือคือพม่า คาดว่าจะหาข้อสรุปเรื่องราคาที่ดินได้ภายใน 3-4 เดือนนี้ เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมต่อการดำเนินการเฟสแรกในปี 2557 ส่วนในกัมพูชาอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินและระยะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าไปลงทุน แต่ถ้าเป็นไปได้คาดว่าจะสามารถดำเนินการเฟสแรกได้ภายในปี 2557 เช่นเดียวกับที่พม่า" นายสุกิจกล่าว
นายสุกิจกล่าวต่อไปว่า การที่ออกมาตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นเนื่องจากแรงงานหาได้ง่ายมากกว่าในประเทศไทย ขณะที่โรงงานในไทยจะเป็นเรื่องของการขาย การทำตลาด การจัดซื้อจัดหา การเงิน ในส่วนโรงงานที่มีอยู่แล้วในจีนอาจไม่มีการขยายเพิ่ม เนื่องจากค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น
นายสุกิจกล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทในขณะนี้ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าค่าเงินบาทมีความผันผวนน้อยลง และนิ่งมากขึ้น โดยค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงในช่วงนี้ เชื่อว่าเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีตัวเลขที่ดีขึ้น ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้น มากกว่าที่จะเป็นผลมาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวคิดจะนำ 4 มาตรการมาใช้ควบคุมเงินทุนไหลจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามา อย่างไรก็ตาม การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงตอนนี้ไม่ได้ส่งเสริมการส่งออกของผู้ประกอบการไทยเท่าไหร่ เนื่องจากการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นส่งผลให้เงินของประเทศอื่นในภูมิภาคนี้อ่อนค่าลงตามไปด้วย จึงยังไม่เห็นความแตกต่างจากเดิมมากนัก ซึ่งมาตรการที่ออกมามีผลให้ค่าเงินลดลง หรือหยุดเงินทุนไหลเข้าได้จริงหรือไม่ ก็ยังตอบไม่ได้จนกว่า ธปท.จะประกาศออกมา
ส่วนกรณีโรงงานสิ่งทอในประเทศบังกลาเทศเกิดไฟไหม้ และทำให้มีคนงานเสียชีวิตนั้น อาจทำให้ผู้นำเข้าในสหรัฐอเมริกาที่ให้ความสำคัญเรื่องแรงงานเกิดความกังวลถึงมาตรฐานความปลอดภัย และอาจมีการมองหาตลาดผลิตสินค้ารองจากบังกลาเทศนั้น นายสุกิจกล่าวว่า สินค้าสิ่งทอในไทยไม่ได้รับอานิสงส์จากเรื่องนี้ในทันทีทันใด เนื่องจากหากลูกค้าจะมองหาตลาดผลิตสินค้าแทนการผลิตในบังกลาเทศนั้น เป็นไปได้ที่จะเลือกตลาดเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา แล้วจึงมาเลือกที่ไทยตามลำดับ
"เหตุผลที่ลูกค้าจะเลือกสินค้าจากประเทศอื่นก่อนเนื่องจากสินค้ามีราคาถูกกว่าในเมืองไทย และมีคุณภาพไม่แตกต่างมากเกินไป ยกเว้นกรณีที่ประเทศที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ อานิสงส์จึงจะตกมาถึงไทย แม้ไทยจะมีจุดแข็งในด้านความปลอดภัย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นอย่างในบังกลาเทศ และมีกฎหมายการดูแลแรงงานอย่างเหมาะสม แต่เมื่อมองถึงราคาแล้วจะทำให้ลูกค้ายังลังเลที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าสิ่งทอจากไทย" นายสุกิจกล่าว
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 1369331905