Thai VI

พี่ ๆ แชร์ประสบการณ์ให้หน่อยสิครับว่า เราสามารถดูได้จากสิ่งไหนก่อนครับ ...

ธปทกับกระทรวงการคลังทะเลาะกันครับ

ผมจำได้ว่าLHราคา500-600บาทครับ

หลายๆ อย่างน่าจะคล้ายๆกับช่วงเวลานี้ครับ
- อสังหา บ้าน คอนโด ราคาพุ่งพรวดๆ คนเก็งกำไรกันสนุกสนาน
- ตลาดหุ้นดีมากๆ นัก"เล่น"หุ้นเต็มไปหมดรวมไปถึง "เซียน" ด้วย
- โครงการต่างๆ รวมถึงการกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อมาลงทุน เยอะแยะมากมาย
- ไทยจะเป็น เสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย เกือบทุกคนต่างก็มั่นใจ

ที่ต่างกัน ถ้าเฉพาะในตลาดหุ้น น่าจะเป็นปริมาณ margin ที่น้อยลงมาก และ VI ที่เพิ่มขึ้นมากๆ เทียบกับสมัยก่อนครับ

ส่วนที่เหลือ รอผู้มากด้วยประสบการณ์มาช่วยตอบครับ (ที่ผมตอบๆมานี่ อ่านมาอีกทีล้วนๆครับ )

วิกฤตการเงินปี 40 สาเหตุ
1. การเปิดเสรีทางการเงิน ธุรกิจสามารถเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าออกประเทศได้อย่างเสรี
2. การกำหนดอัตราแลกเปลื่ยนเงินตราคงที่ที่ประมาณ 25 บาท/usd การที่ไม่ปล่อยให้เงิน
บาทลอยตัวทำให้ไม่มีเขื่อนในการป้องกันไม่ให้เงินไหลเข้ามามากเกินไป
3. อัตราดอกเบี้ยในประเทศค่อนข้างสูง ในขณะที่ดอกเบี้ยในต่างประเทศต่ำ ทำให้ธุรกิจมีการกู้เงิน
เข้ามาอย่างมากมายมหาศาลทั้งมาขยายกิจการ และการนำมาฝากธนาคารกินดอกเบี้ยส่วนต่าง
4. ราคาที่ดินมีการเก็งกำไรกันอย่างมโหฬาร ราคาขึ้นไปสิบเท่าภายในเวลาไม่กี่ปี อสังหาริมทรัพย์
พวกบ้าน คอนโดก็มีการเก็งกำไรกันสนุกสนาน จองเช้า บ่ายขายใบจองฟันกำไรกันเป็นกอบเป็นกำ
5. หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก็มีการเก็งกำไรกันอย้างบ้าคลั่ง โดยพื้นฐานรองรับไม่ทัน
6. ขาดดุลทั้งดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัด

เวลานั้นทั้งธุรกิจและคนทั่วไป หลงระเริงใช้จ่ายกันเกินตัวกันอย่างมาก มองอนาคตสดใสเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งคนไทยและต่างชาติต่างก็มองว่าไทยกำลังผงาดขึ้นมาเป็นเสือตัวที่ห้าของเอเชีย ตอนนั้นผมไปทำงาน
ที่สิงคโปร์ พวกสิงค์โปรยังบอกว่าประเทศไทยนั้นมหัศจรรย์จริงๆ จำได้คร่าวๆเท่านี้ครับ

ประชุมของท่านผู้มีเกียรติ ทำให้ธนาคารเกิดอาการ bank run
ธนาคารปล่อยกู้ไม่คำนึงถึงความเสี่ยง

ขาดทุนบัญชีเดินสะพัด

น้ำท่วม

ผมได้ดอกเบี้ยเงินฝากจากฟินวันสูงถึง 15% ได้ยินบางที่ให้ถึง 21%
มีนักการเงินมาปล่อยกู้เงินต่างประเทศดอกเบี้ย ต่ำ มาก ในขณะนั้นประมาณ 2% ครับ

เศรษฐกิจร้อนแรง + เงินเฟ้อกระฉูด ทำอะไรก็ได้ตังเป็นกอบเป็นกำ คนไม่ค่อยจะออมเงินใช้จ่ายกระจุย มีแต่คนอยากกู้เงินใจจะขาดเพราะทำอะไรก็ได้ตังเยอะ จนต้องเบรคด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเรื่อยๆจนถึง 15% ส่วนเงินกู้สูงกว่านั้น เอกชนก็เลยไปกู้เงินต่างประเทศเพราะดอกต่ำกว่า กู้กันไปเรื่อยๆ ยิ่งกู้ยิ่งใช้ยิ่งใช้เศรษกิจก็ยิ่งโต
แบงค์ก็ปล่อยกู้แบบง่ายๆ เมื่อก่อน ผจก แบงค์เป็นคนอนุมัติปล่อยกู้บางอย่างได้เอง เกิดการคอรับชั่น ในแบงค์แบบถล่มทลาย

แล้วก็โดนโจมตีค่าเงินบาท เพราะค่าเงินบิดเบือน แล้วก็สู้ไม่ได้เพราะเงินสำรองต่ำ สุดท้ายก็ต้องจำใจลอยเงินบาท แบบไม่มีการเตรียมการเลย
ธุรกิจมากมายรวมทั้งแบงค์พานิชด้วยที่กู้เงินดอลล่าอยู่ล้มเป็น โดมิโน่ ทุกอย่างก็ The end

สถาณการณ์ที่ทำให้พังแบบปี 2540 ไม่น่าเกิดขึ้นกับประเทศไทยแล้วละครับ อย่างน้อยก็ไม่ใช่เร็วๆนี้(แค่ 10 กว่าปีคนยังไม่ลืมครับ เพราะเค้ายังเข็ดอยู่ จะมีการแก้แต่เนินๆในปัญหาเดิมครับ)

สิ่งที่จะทำให้เศรษกิจไทยพังครั้งหน้า มันก็จะเปลี่ยนเป็นเรื่องใหม่ครับ ไม่ซ้ำเดิมหรอก

คนรอบตัวเรา เต็มไปด้วยความโลภอย่างไร้เหตุผล ^ ^'

เพื่อนๆบอกว่าต้องรีบซื้อที่ดินแปลงนี้ไว้นะ อีกหน่อยจะซื้อไม่ได้ ตอนปี 2538 แต่พอผมกลับจากเมืองนอก ปี 2542 ที่ดินแปลงเดียวกัน ราคาเหลือประมาณ 60% ของที่ซื้อ

http://www.youtube.com/watch?v=QmaU-CTpMLk[/youtube]

http://www.youtube.com/watch?v=21EsQ7o95fY[/youtube]

oporr เขียน:http://www.youtube.com/watch?v=QmaU-CTpMLk[/youtube]

http://www.youtube.com/watch?v=21EsQ7o95fY[/youtube]

อ๊ะ พลาดๆ ขอโพสอีกทีค่ะ ^^'

ของอย่างนี้ ผมเชื่อว่าเทียบกับเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้หรอกครับ มันไม่ตรงไปตรงมาอย่างนั้น ไม่อย่างนั้น อเมริกาที่เคยมีบทเรียนหลายครั้งแล้วในอดีต คงไม่มาเจอมรสุมใหญ่ แฮมเบอร์เกอร์หรอกครับ

ผมเชื่อว่า ถ้าเกิดขึ้นมันจะเป็นในลักษณะ "เหตุเปลี่ยน ผลไม่เปลี่ยน" หมายถึง เหตุทางโลกเปลี่ยนไป แต่เหตุทางอารมณ์ ทางกิเลส ความโลภ ไม่เปลี่ยน นำไปสู่ผลคือ ความหายนะ เหมือนเดิม

สำหรับผม การเตรียมพร้อมที่ดีที่สุด คือ คอยพิจารณากิเลสของตนเองด้วยความสงบทางอารมณ์ครับ แยกแยะด้วยเหตุผลพื้นฐานสามัญธรรมดาๆ ไม่ใช่เหตุผลตามสื่อตามข่าวครับ

หลายๆคนอยากรวยจากหุ้น ทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหุ้นเลย

ทุกวันนี้มีแต่คนถาม ว่าจะเกิดวิกฤตมั้ย จะเกิดฟองสบู่มั้ย คุมนั้น เตือนนี่
ระวังกันเหลือเกิน

ช่วงนั้นคงไม่มีแบบนี้

ทุกวันนี้มีแต่คนถาม ว่าจะเกิดวิกฤตมั้ย จะเกิดฟองสบู่มั้ย คุมนั้น เตือนนี่
ระวังกันเหลือเกิน

ช่วงนั้นคงไม่มีแบบนี้

vim เขียน:ธปทกับกระทรวงการคลังทะเลาะกันครับ

romee เขียน:

vim เขียน:ธปทกับกระทรวงการคลังทะเลาะกันครับ

เค้าแค่จัดฉากทะเลาะกันตบตาพวกเก็งค่าเงิน เห็นผลมั้ยครับ ยังไม่ได้ออกมาตรการอะไรพิเศษ ตอนนี้จาก 28.60 เป็น 30 บาท/USD เรียบร้อยแล้วครับ

เท่าที่จำได้
ปิด ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ
ขาดดุลย์บัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องยาวนาน
ยอดการส่งออกติดลบ หลายเดือนติดต่อกัน (แข่งขันไม่ได้)
บ. ต่างๆ เติบโตด้วยเงินกู้เงินจากต่างประเทศ
การกู้เงินจากธนาคารในประเทศ: มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินเกินจริงไปอย่างมากจนผู้จำนองยอมปล่อยทรัพย์สินที่จำนองไว้
การปล่อยกู้ ประเมินแต่มูลค่าที่ดินค้ำประกัน ไม่ได้ประเมินกระแสเงินสดที่ใช้ในกิจการ
มีการเกร็งกำไร ในสินทรัพย์ต่างๆ

ในความเห็นผมข้อที่สำคัญที่สุด
การส่งออก: เราขายของไม่ออก แต่มีการนำเข้าจำนวนมาก เงินก็ไหลออก ขาดดุลย์บัญชีเดินสะพัด