Thai VI

รายละเอียดเกี่ยวกับทุน
ราคาพาร์ 1.00 บาท
(1.)หุ้นสามัญ
ทุนจดทะเบียน 240,000,000.00 บาท
ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 180,000,000.00 บาท
หุ้นบุริมสิทธิ
ทุนจดทะเบียน -
ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว - รายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนหุ้น
หุ้นสามัญ

(2.)จำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. 180,000,000 หุ้น
จำนวนหุ้นชำระแล้ว 180,000,000 หุ้น สิทธิออกเสียง 1 : 1

จำนวนหุ้นซื้อคืน -
(3.)จำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง หัก หุ้นซื้อคืน
ณ วันที่ 13 พ.ค. 2556 180,000,000 หุ้น
ณ วันที่ 30 เม.ย. 2556 180,000,000 หุ้น

ผมขอรบกวนถามพี่ๆหน่อยครับว่า
-หุ้นสามัญจดทะเบียนกับหุ้นสามัญจดทะเบียนชำระแล้ว(1)ต่างกันอย่างไร ในตัวอย่างมีจำนวนไม่เท่ากันมีผลอย่างไรครับ หุ้นสามัญนี้คือจำนวนที่จดทะเบียนตอนตั้งธุรกิจใช่มั้ยครับ

-หุ้นสามัญที่จดทะเบียนกับ ตลท(2) คือจำนวนหุ้นที่นำมาทำ IPO ให้ประชาชนใช่มั้ยครับ แสดงว่าหุ้นสามัญในข้อ 1 จะไม่เท่ากับหุ้นสามัญจดที่จดทะเบียนกับ ตลท. เนื่องจากส่วนใหญ่เจ้าของจะไม่ต้องการปล่อยหุ้นในมือทั้งหมดจำนวน หรือเป็นไปได้มั้ยครับที่จะเท่ากัน

-เหมือนข้อแรกครับ หุ้นสามัญที่จดทะเบียนกับตลท กับจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วบางบริษัทไม่เท่ากันเพราะอะไรครับ

-จำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงนั้นหมายถึงหุ้นสามัญในข้อ (1) หรือ (2) ครับ

-เวลาที่มีการเพิ่มทุน ปันผลเป็นหุ้น หรือ ออกวอแรนท์ จะมีผลกระทบต่อหุ้นในข้อ (2) ใช่มั้ยครับ แล้วสมมุติตัวอย่างจากข้างบนท่าบริษัทมีการออกหุ้นเพิ่มทุน 1 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการแปลงวอแรนท์ จำนวนหุ้นจะเพิ่มในตอนที่มีการประกาศเพิ่มทุนทันทีหรือมีผลตอนที่มีผู้ถือหุ้นแปลงตัววอแรนต์เข้ามาครับ ท่าเพิ่มตั้งแต่ตอนแรกแล้วสุดท้ายมีผู้ถือหุ้นแปลงวอแรนท์ไม่ครบจำนวนที่วางไว้ สามารถตัดหุ้นทิ้งและถือเป็นการลดทุนใช่มั้ยครับ
ซึ่งหมายความว่าท่ามีการประกาศเพิ่มทุนเพื่อแปลงวอแรนต์แล้วต่อให้ยังไม่มีผู้แปลงวอแรนต์เข้ามา จำนวนหุ้นที่ใช่ในการคิด EPS จะเพิ่มขึ้นใช่มั้ยครับ
ขอบคุณมากๆครับ

ตอบเท่าที่ตัวเองรู้นะครับ(ถูกหรือผิดต้องให้ท่านอื่นๆช่วยเสริมด้วยนะครับ)...^^)
ประเด็นนี้ ถ้ามองเรื่องทุนจดทะเบียน กับ ทุนชำระแล้ว ตามกฎหมายมีกำหนดว่าให้ชำระ
เงินขั้นต่ำ 25% ของทุนจดทะเบียน เช่น มีหุ้น 100 หุ้น หุ้นละ 100 บาท ชำระขั้นต่ำ 25 บาทต่อหุ้น
เป็นต้น

แต่ในโจทย์นี้หุ้นพาร์ 1 แปลว่ามีทั้งหมด 240 ล้านหุ้น แต่ชำระแล้วเพียง 180 ล้านหุ้นดังนั้น จึงไม่น่าจะ
ใช่ตามข้างบน แต่น่าจะเป็นเรื่องเพิ่มทุนออกวอแรนท์มากกว่า(เดา)

ตอบคำถาม
1)เรื่องทุนจดทะเบียนจะเป็นทุนที่บริษัทจดไว้ทั้งหมดครับ โดยอิงกับจำนวนหุ้นและราคาพาร์
เช่น จดไว้ 1 ล้านบาท จำนวน 10,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท แต่เวลาชำระ ชำระขั้นต่ำเพียง
หุ้นละ 25 บาท นั่นคือชำระไป 10,000 หุ้นละ 25 บาทครับ มีผลคือหุ้นที่เราได้มาแบบนี้จะมี
ค่าเพียง 25 บาท ไม่ใช่ 100 บาท เพราะอีก 75 บาท กรรมการสามารถขอเรียกเงินเพิ่มภายหลัง
จากผู้ถือหุ้นได้ครับ

2)เรื่องโจทย์นี้ผมว่าน่าจะเกิดจากการมีมติเพิ่มทุน แต่ยังไม่ได้เอาหุ้นออกมาขายทั้งหมดครับ
ดังนั้นทุนจึงเพิ่ม แต่หุ้นที่จดทะเบียนกับ ตลท. มีเพียงที่ชำระแล้วเท่านั้น ที่เหลือต้องรอใช้สิทธิครับ
คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับการทำ ipo และเก็บหุ้นไว้อย่างที่คุณเข้าใจ

3)เรื่องหุ้นจดทะเบียนกับกลต. ไม่เท่ากับหุ้นชำระแล้ว อันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ เกี่ยวเนื่องกับเวลา
ในการจดทะเบียนหรือเปล่าเอ่ย???

4)ออกเสียงจากหุ้นทั้งหมดที่ชำระแล้วครับ

5)การเพิ่มหลังจากการออกวอแรนท์คือการเพิ่มที่ทุนจดทะเบียนครับ ส่วนการเพิ่มที่ทุนชำระแล้ว
จะเกิดหลังจากแปลงวอแรนท์ครับ และลดทุนหลังไม่ใช่วอแรนท์ตามที่คุณเข้าใจครัย

6)จำนวนหุ้นที่ใช้คิด eps คือหุ้นชำระแล้วครับ ไม่ใช่หุ้นในทุนจดทะเบียนครับ
สังเกตว่าจะมีการคำนวนด้วยวิธีเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากหุ้นเดิมกับหุ้นใหม่ที่ชำระแล้ว
ไม่ได้เอาหุ้นทั้งหมดในทุนจดทะเบียนมาคิดครับ

ปล. ผิดถูก ขาดตก บกพร่อง ประการใด ให้ท่านอื่นๆช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ...^^)

ขอบคุณคุณ PLANT มากๆครับ
รบกวนถามเพิ่มอีกอย่างครับ การซื้อหุ้นคืนของบริษัทนั้นเป็นการซื้อหุ้นคืนในตลาดใช่มั้ยครับ ซึ่งหุ้นซื้อคืนจะไม่มีสิทธิในการออกเสียงรวมทั้งไม่นำมาคิดใน EPS แต่เมื่อครบกำหนดต้องขายหุ้นคืน หุ้นที่ขายคืนส่วนนี้ก็จะนำมาคิด EPS ใช่มั้ยครับ และการซื้อหุ้นคืนของบริษัทนั้น จะทำให้เวลาปิดสมุดทะเบียน รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในเว็บ set.or.th เปลี่ยนแปลงมั้ยครับ คือบริษัทจะมีหุ้นเพิ่มขึ้นรึเปล่าครับ

เรื่องซื้อหุ้นคืนนี่ผมไม่สันทัดจริงๆครับ(ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยว่างั้น)
เอาเป็นว่าคุณ "VAEEEEE" ลองหาข้อมูลใน google ดูนะครับ
น่าจะมีบ้าง หรือลองหาบริษัทที่ซื้อหุ้นคืนมาศึกษาดูครับว่ารายละเอียดเป็นยังไง
ลองดูนะครับ...^^)