คนสวนคน
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 28, 2004 10:07 pm
ถ้าพูดว่า Value Investor เป็นคนที่คิดอย่างเป็นอิสระไม่ตัดสินใจตามคนอื่นแล้วละก็ Contrarian Investor ก็คือคนที่คิดสวนทางกับนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหรือเรียกว่าเป็น คนสวนคน
เมื่อคนส่วนใหญ่มองโลกในแง่ดีมาก คิดว่าหุ้นจะขึ้นไปได้อีกมาก เพราะฉะนั้นจึงควรซื้อหุ้น Contrarian กลับคิดว่าหุ้นได้ขึ้นไปจนสูงที่สุดแล้วและกำลังจะตกลงมาเพราะฉะนั้นจึงควรขายหุ้น
ตรงกันข้าม เมื่อคนเกือบทั้งตลาดรู้สึกหมดหวังและไม่สนใจที่จะลงทุน คนจำนวนมากได้ขายหุ้นทิ้งกลับไป ทำงานทำการ Contrarian กลับคิดว่าหุ้นได้ตกลงมา ถึงพื้น แล้ว เขาจะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นเพื่อรอขายเมื่อหุ้นฟื้นตัว
ปรัชญาและความคิดของคนสวนคนก็คือ ถ้าคนซื้อขายหุ้นส่วนใหญ่คิดว่าตลาดเป็นตลาดกระทิง นั้นหมายความว่านักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาหุ้นกำลังปรับตัวขึ้นและเขาได้ซื้อหุ้นไว้เต็มพอร์ตแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่มี เงินใหม่ ที่จะมาซื้อหุ้นดันราคาให้สูงขึ้นไปได้ แนวต้าน ของราคาหุ้นก็จะตกลงมาและในที่สุดหุ้นก็จะต้องตกลงมา
ตรงกันข้าม ถ้าคนซื้อขายหุ้นคิดว่าตลาดกำลังเป็นตลาดหมี นั่นก็หมายความว่าคนส่วนใหญ่ขายหุ้นไปหมดแล้วและเมื่อไม่มีคนอยากขายแล้ว แนวรับ ก็จะแข็งแกร่งและปรับตัวสูงขึ้น
ไม่ใช่เฉพาะการเลือกจังหวะเข้าออกตลาดหุ้นเท่านั้น แต่การลงทุนในหุ้นแต่ละตัวของ Contrarian ก็ใช้หลักการแบบเดียวกันนั่นคือ การลงทุนซื้อขายหุ้นแต่ละตัวจะมีกลยุทธ์ตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ นั่นหมายความว่า Contrarian มักขายหุ้นเมื่อราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นไปมากและจะเข้าซื้อหุ้นเมื่อราคาตกลงมามหาศาล
Contrarian มืออาชีพ นั้นก็เป็นเช่นเดียวกับ Trader หรือนักเก็งกำไรมืออาชีพเหมือนกันที่จะต้องมีสูตรหรือเทคนิคในการเล่นหุ้นเพื่อเอาชนะตลาด เพราะฉะนั้นเขาจึงมักจะมีสูตรหรือเครื่องชี้ว่าเมื่อไรจึงควรซื้อหรือขายหุ้น ตัวอย่างเช่นเขาบอกว่าจุดที่ควรซื้อหุ้นก็คือ
ข้อแรก หุ้นที่จะซื้อจะต้องมีราคาตกลงมาไม่น้อยกว่า 50% จากจุดสูงสุดในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา เช่น หุ้นเคยขึ้นไปถึง 10 บาทต่อหุ้น แต่ภายในระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมาหุ้นได้ตกลงมาเหลือเพียง 5 บาท นี่คือเงื่อนไขข้อแรก แต่ยังไม่พอต้องดูต่อข้อสอง
ข้อสอง เมื่อราคาหุ้นได้ตกลงมาถึง 50% แล้ว ผู้บริหารหรือ เซียนหุ้น ซึ่งอาจจะเป็นกองทุนหรือนักเก็งกำไรรายใหญ่เข้ามาเก็บหุ้นค่อนข้างมาก ในกรณีที่เป็นการซื้อโดยผู้บริหารหรือเจ้าของเอง เขาบอกให้ซื้อตามได้เลย แต่ถ้าเป็นการซื้อของกลุ่มอื่นจะต้องดูต่อข้อสาม
ข้อสาม หุ้นที่ซื้อจะต้องมีราคาถูกเช่น ค่า PE ต้องไม่เกิน 10 เท่า และค่า PB จะต้องไม่เกิน 1 เท่า และหุ้นต้องจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 5% จากราคาหุ้น ซึ่งเมื่อครบองค์ประกอบทั้งหมดแล้วก็ให้เข้าไปช้อนซื้อหุ้นได้เลยเพราะโอกาสได้กำไรงามจะมีอยู่สูง
การกำหนด จุดซื้อ ข้างต้นนับเป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยม Contrarian แต่ละคนอาจมีระบบเฉพาะของตนเองซึ่งแตกต่างกันไป แต่หลักความคิดที่เป็นพื้นฐานจะเหมือนกันในแง่ที่ว่า เขาจะซื้อหรือขายในสถานการณ์ที่คนส่วนใหญ่มีความเชื่อในบางสิ่งบางอย่างอย่างรุนแรงมากพอและได้ ลงมือ ซื้อหรือขายหุ้นไปแล้ว Contrarian เชื่อว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้น เขาจะสามารถทำกำไรได้โดยการทำในทิศทางที่ตรงกันข้าม Contrarian ไม่ทำอะไรกับเหตุการณ์หรือความคิดหรือการกระทำที่ไม่รุนแรง
การเป็นคนสวนคนนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนี่หมายความว่าคุณกำลังคิดและทำสวนทางกับคนอื่นทุกคนที่อยู่รอบตัว คุณจะกลายเป็นคน ขวางโลก เข้ากับคนอื่นไม่ได้ จะเป็นคนที่ว้าเหว่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว และในบางครั้งที่คุณอาจจะเข้าหรือออกเร็วเกินไปซึ่งทำให้คุณผิดพลาดในการลงทุนจริง ๆ ในขณะที่คนอื่น กำไรกันทั่วหน้า ซึ่งมักเป็นสถานการณ์ที่เจ็บปวดมาก จนทนไม่ใคร่ได้ แต่คนที่รักจะเป็น Contrarian ต้องทนได้
ว่าที่จริง Value Investor เองก็มีพฤติกรรมในการลงทุนซื้อขายหุ้นสวนทางกับคนอื่นในหลายเรื่อง ๆ ด้วยกัน ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญและไม่สำคัญ บางคนถึงขนาดพูดว่า Value Investor โดยพื้นฐานแล้วก็คือ Contrarian คือชอบทำสวนทางกับนักลงทุนอื่น ข้อนี้ผมเองคิดว่ามีความเป็นจริงอยู่พอสมควรแต่เห็นว่า Value Investor ไม่ใช่ Contrarian แม้ว่าหลาย ๆ ครั้งอาจจะซื้อหรือขายหุ้นตัวเดียวกันในเวลาใกล้เคียงกัน
เพราะสำหรับ Value Investor แล้ว การซื้อหรือขายหุ้นนั้นเราจะต้องพิจารณาไปถึงพื้นฐานของกิจการด้วยในขณะที่ Contrarian มักจะเน้นที่ราคาหุ้นเป็นหลัก ดังนั้นสำหรับหุ้นหลาย ๆ ตัวที่ราคาตกลงมามหาศาลเกินกว่า 50% แต่พื้นฐานของกิจการไม่ดีพอที่จะรองรับ Value Investor ก็จะไม่สนใจในขณะที่ Contrarian อาจจะคิดว่าเป็นจุดซื้อโดยเชื่อว่าในที่สุดหุ้นจะต้องดีดตัวขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง
ผมเองไม่เคยพบกับนักลงทุนที่เป็น คนสวนคน พันธุ์แท้ คือเล่นเฉพาะหุ้นแบบ Contrarian อย่างเดียว แต่เชื่อว่ามีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ใช้กลยุทธ์นี้ในบางครั้งบางคราวและได้กำไรมหาศาล เพราะตลาดหุ้นไทยนั้นมีความผันผวนสูงมากจนทำให้การลงทุนแบบ Contrarian สามารถทำกำไรได้อย่างงดงามบ่อย ๆ เพราะฉะนั้นผมเชียร์ให้คุณลองดูบ้างซึ่งก็คงไม่ทำให้เสียหายมากโดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นของเราเหงาหงอยอย่างในช่วงนี้
เมื่อคนส่วนใหญ่มองโลกในแง่ดีมาก คิดว่าหุ้นจะขึ้นไปได้อีกมาก เพราะฉะนั้นจึงควรซื้อหุ้น Contrarian กลับคิดว่าหุ้นได้ขึ้นไปจนสูงที่สุดแล้วและกำลังจะตกลงมาเพราะฉะนั้นจึงควรขายหุ้น
ตรงกันข้าม เมื่อคนเกือบทั้งตลาดรู้สึกหมดหวังและไม่สนใจที่จะลงทุน คนจำนวนมากได้ขายหุ้นทิ้งกลับไป ทำงานทำการ Contrarian กลับคิดว่าหุ้นได้ตกลงมา ถึงพื้น แล้ว เขาจะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นเพื่อรอขายเมื่อหุ้นฟื้นตัว
ปรัชญาและความคิดของคนสวนคนก็คือ ถ้าคนซื้อขายหุ้นส่วนใหญ่คิดว่าตลาดเป็นตลาดกระทิง นั้นหมายความว่านักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาหุ้นกำลังปรับตัวขึ้นและเขาได้ซื้อหุ้นไว้เต็มพอร์ตแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่มี เงินใหม่ ที่จะมาซื้อหุ้นดันราคาให้สูงขึ้นไปได้ แนวต้าน ของราคาหุ้นก็จะตกลงมาและในที่สุดหุ้นก็จะต้องตกลงมา
ตรงกันข้าม ถ้าคนซื้อขายหุ้นคิดว่าตลาดกำลังเป็นตลาดหมี นั่นก็หมายความว่าคนส่วนใหญ่ขายหุ้นไปหมดแล้วและเมื่อไม่มีคนอยากขายแล้ว แนวรับ ก็จะแข็งแกร่งและปรับตัวสูงขึ้น
ไม่ใช่เฉพาะการเลือกจังหวะเข้าออกตลาดหุ้นเท่านั้น แต่การลงทุนในหุ้นแต่ละตัวของ Contrarian ก็ใช้หลักการแบบเดียวกันนั่นคือ การลงทุนซื้อขายหุ้นแต่ละตัวจะมีกลยุทธ์ตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ นั่นหมายความว่า Contrarian มักขายหุ้นเมื่อราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นไปมากและจะเข้าซื้อหุ้นเมื่อราคาตกลงมามหาศาล
Contrarian มืออาชีพ นั้นก็เป็นเช่นเดียวกับ Trader หรือนักเก็งกำไรมืออาชีพเหมือนกันที่จะต้องมีสูตรหรือเทคนิคในการเล่นหุ้นเพื่อเอาชนะตลาด เพราะฉะนั้นเขาจึงมักจะมีสูตรหรือเครื่องชี้ว่าเมื่อไรจึงควรซื้อหรือขายหุ้น ตัวอย่างเช่นเขาบอกว่าจุดที่ควรซื้อหุ้นก็คือ
ข้อแรก หุ้นที่จะซื้อจะต้องมีราคาตกลงมาไม่น้อยกว่า 50% จากจุดสูงสุดในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา เช่น หุ้นเคยขึ้นไปถึง 10 บาทต่อหุ้น แต่ภายในระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมาหุ้นได้ตกลงมาเหลือเพียง 5 บาท นี่คือเงื่อนไขข้อแรก แต่ยังไม่พอต้องดูต่อข้อสอง
ข้อสอง เมื่อราคาหุ้นได้ตกลงมาถึง 50% แล้ว ผู้บริหารหรือ เซียนหุ้น ซึ่งอาจจะเป็นกองทุนหรือนักเก็งกำไรรายใหญ่เข้ามาเก็บหุ้นค่อนข้างมาก ในกรณีที่เป็นการซื้อโดยผู้บริหารหรือเจ้าของเอง เขาบอกให้ซื้อตามได้เลย แต่ถ้าเป็นการซื้อของกลุ่มอื่นจะต้องดูต่อข้อสาม
ข้อสาม หุ้นที่ซื้อจะต้องมีราคาถูกเช่น ค่า PE ต้องไม่เกิน 10 เท่า และค่า PB จะต้องไม่เกิน 1 เท่า และหุ้นต้องจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 5% จากราคาหุ้น ซึ่งเมื่อครบองค์ประกอบทั้งหมดแล้วก็ให้เข้าไปช้อนซื้อหุ้นได้เลยเพราะโอกาสได้กำไรงามจะมีอยู่สูง
การกำหนด จุดซื้อ ข้างต้นนับเป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยม Contrarian แต่ละคนอาจมีระบบเฉพาะของตนเองซึ่งแตกต่างกันไป แต่หลักความคิดที่เป็นพื้นฐานจะเหมือนกันในแง่ที่ว่า เขาจะซื้อหรือขายในสถานการณ์ที่คนส่วนใหญ่มีความเชื่อในบางสิ่งบางอย่างอย่างรุนแรงมากพอและได้ ลงมือ ซื้อหรือขายหุ้นไปแล้ว Contrarian เชื่อว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้น เขาจะสามารถทำกำไรได้โดยการทำในทิศทางที่ตรงกันข้าม Contrarian ไม่ทำอะไรกับเหตุการณ์หรือความคิดหรือการกระทำที่ไม่รุนแรง
การเป็นคนสวนคนนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนี่หมายความว่าคุณกำลังคิดและทำสวนทางกับคนอื่นทุกคนที่อยู่รอบตัว คุณจะกลายเป็นคน ขวางโลก เข้ากับคนอื่นไม่ได้ จะเป็นคนที่ว้าเหว่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว และในบางครั้งที่คุณอาจจะเข้าหรือออกเร็วเกินไปซึ่งทำให้คุณผิดพลาดในการลงทุนจริง ๆ ในขณะที่คนอื่น กำไรกันทั่วหน้า ซึ่งมักเป็นสถานการณ์ที่เจ็บปวดมาก จนทนไม่ใคร่ได้ แต่คนที่รักจะเป็น Contrarian ต้องทนได้
ว่าที่จริง Value Investor เองก็มีพฤติกรรมในการลงทุนซื้อขายหุ้นสวนทางกับคนอื่นในหลายเรื่อง ๆ ด้วยกัน ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญและไม่สำคัญ บางคนถึงขนาดพูดว่า Value Investor โดยพื้นฐานแล้วก็คือ Contrarian คือชอบทำสวนทางกับนักลงทุนอื่น ข้อนี้ผมเองคิดว่ามีความเป็นจริงอยู่พอสมควรแต่เห็นว่า Value Investor ไม่ใช่ Contrarian แม้ว่าหลาย ๆ ครั้งอาจจะซื้อหรือขายหุ้นตัวเดียวกันในเวลาใกล้เคียงกัน
เพราะสำหรับ Value Investor แล้ว การซื้อหรือขายหุ้นนั้นเราจะต้องพิจารณาไปถึงพื้นฐานของกิจการด้วยในขณะที่ Contrarian มักจะเน้นที่ราคาหุ้นเป็นหลัก ดังนั้นสำหรับหุ้นหลาย ๆ ตัวที่ราคาตกลงมามหาศาลเกินกว่า 50% แต่พื้นฐานของกิจการไม่ดีพอที่จะรองรับ Value Investor ก็จะไม่สนใจในขณะที่ Contrarian อาจจะคิดว่าเป็นจุดซื้อโดยเชื่อว่าในที่สุดหุ้นจะต้องดีดตัวขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง
ผมเองไม่เคยพบกับนักลงทุนที่เป็น คนสวนคน พันธุ์แท้ คือเล่นเฉพาะหุ้นแบบ Contrarian อย่างเดียว แต่เชื่อว่ามีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ใช้กลยุทธ์นี้ในบางครั้งบางคราวและได้กำไรมหาศาล เพราะตลาดหุ้นไทยนั้นมีความผันผวนสูงมากจนทำให้การลงทุนแบบ Contrarian สามารถทำกำไรได้อย่างงดงามบ่อย ๆ เพราะฉะนั้นผมเชียร์ให้คุณลองดูบ้างซึ่งก็คงไม่ทำให้เสียหายมากโดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นของเราเหงาหงอยอย่างในช่วงนี้