Thai VI

ค่อยๆอ่าน
อ่านหลายๆรอบละเดี๋ยวเข้าใจ

ตอนนี้ อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่า จาก 29 ปลายๆ30 ต้นๆ เป็น 29 ต้นๆ 28 ปลายๆ
ภายในระยะเวลาไม่กี่วันใช่ไหม

ตลาดหลักทรัพย์ก็ร่วงเอาร่วงเอา ไม่เขียวกลับแดง
ผลตอบแทนตราสารหนี้พวกพันธบัตรก็ลดลงน้อยมาก

ดังนั้นเกิดคำถามเลยว่า
เงินมันไหลไปไหน
เหลือที่ไปคือ ฝากธนาคาร ทำสวอป ลงทุนตรงๆ
ลองหาคำตอบดูว่าเงินเอามาทำอะไร

รู้แล้วได้ประโยชน์ยังไง รบกวนช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับ?

เงินมันอยู่นิ่งไม่ได้
ตำเป็นต้องหาผลตอบแทน
นอกจากอยู่ในรูปเงินสดเท่านั้นละ

ขายหุ้น
เอาเงินไปซื้อชาเขียว
แล้วกดรหัสใต้ฝาครับ

ส.สลึง เขียน:ขายหุ้น
เอาเงินไปซื้อชาเขียว
แล้วกดรหัสใต้ฝาครับ

อย่างนี้คุณตันรวยแน่เลยครับพี่ ส.สลึง ต้องจองหุ้น Ichiton ไว้ซะแล้ว

__________________

กลับมาที่โพส พี่ miracle ผม ก็สงสัยเหมือนกัน ช่วยเฉลยหน่อยสิครับ

miracle เขียน:เงินมันอยู่นิ่งไม่ได้
ตำเป็นต้องหาผลตอบแทน
นอกจากอยู่ในรูปเงินสดเท่านั้นละ

ขอแอบถามคุณ miracle หน่อยครับว่า ทำไมเงินมันอยู่นิ่งไม่ได้ละครับ

สมมุติคิดง่าย ๆ ว่าต่างชาติเป็นคนสักคนหนึ่ง นายนี้เห็นว่าได้กำไรมากแล้ว เข้า ๆ ออก ๆ หุ้นไทยมาสามสี่ปี ได้กำไรหลายสิบเปอร์เซนต์รวมถึงได้ประโยชน์จากค่าเงินด้วย จากนั้น ก็ถอนเงินออกไปเฉย ๆ ถือไว้ ผมว่าก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้

แต่จริง ๆ ผมว่าการเคลื่อนตัวของเงิน มันก็คล้าย ๆ นิสัยของคน เหมือนจะมีรูปแบบ เหมือนจะมีเหตุผล แต่จริง ๆ มันก็ไม่มีได้เหตุผลอะไร สนใจมากปวดหัว

แต่จริง ๆ ผมก็อยากเห็นมุมอื่น ๆ นะเงินมาวิ่งไปไหน แอบถามคุณ Miracle ดีกว่าครับคิดอย่างไง (ผมว่าคุณ Miracle มี IDEA ดี ๆ อยู่แล้ว ก่อนจะตั้งกระทู้นี้)

ไม่รู้ครับ เดาว่าไปreal sector ผู้ส่งออกนำไปจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ที่2-3ปีมานี้สินเชื่อเติบโตดีมาก

ที่ถามเพราะ เงินเหมือนน้ำ
น้ำนั้นไหลจากที่สูงลงที่ต่ำค่อยๆจากสายน้ำเล็กเป็นสายใหญ่ขึ้น
กักเก็บเป็นฝาย อ่างเก็บน้ำ เขื่อน จากน้ำสายเล็กกลายเป็นแม่น้ำออกทะเล
ก็เหมือนเงินที่ขายสิ่งหนึ่งออกมา มันจำเป็นต้องหาที่พัก หรือไหลออกนอกประเทศ
ไปที่อื่นต่อไป แต่เนี่ย ไม่ ออก แถมมาเพิ่มอีกต่างหาก
เลยทำให้แปลก ยิ่งกว่านั้นไม่ switch ระหว่างตลาดอีกต่างหาก

เนี่ยคือความงง ในตอนนี้

Only when the tide goes out do you discover who’s been swimming naked.
ตอนที่คลื่นลมสงบแล้วเท่านั้นแหละ ที่จะรู้ว่าใครแก้ผ้าอยู่ใต้น้ำ

miracle เขียน:ที่ถามเพราะ เงินเหมือนน้ำ
น้ำนั้นไหลจากที่สูงลงที่ต่ำค่อยๆจากสายน้ำเล็กเป็นสายใหญ่ขึ้น
กักเก็บเป็นฝาย อ่างเก็บน้ำ เขื่อน จากน้ำสายเล็กกลายเป็นแม่น้ำออกทะเล
ก็เหมือนเงินที่ขายสิ่งหนึ่งออกมา มันจำเป็นต้องหาที่พัก หรือไหลออกนอกประเทศ
ไปที่อื่นต่อไป แต่เนี่ย ไม่ ออก แถมมาเพิ่มอีกต่างหาก
เลยทำให้แปลก ยิ่งกว่านั้นไม่ switch ระหว่างตลาดอีกต่างหาก

เนี่ยคือความงง ในตอนนี้

ถ้าเป็นน้ำก็ตอบไม่อยากเท่าไร
ถ้าอยู่เหนือเขื่อน ก็สะสมเพื่อให้สูงกว่าเขื่อน น้ำก็จะล้นข้ามเขื่อนได้ ถ้าเขื่อนจะแข็งแรงอย่างมาก
หากเขื่อนแข็งแรงไม่เพียงพอ เขื่อนก็จะแตกก่อนที่น้ำจะล้นข้ามเขื่อน น้ำก็ข้ามเขื่อนเหมือนเดิม

ถ้าอยู่ที่ลุ่มหรือพื้นราบทั่วไป สะสมมากๆถึงจุดหนึ่ง หรือหาทางออกให้กับน้ำเร็วไม่เพียงพอกับที่เข้ามา
ก็จะสร้างความเสียหายกับพื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ทำการค้า พื้นที่ที่อยู่อาศัย หรือพื้นที่อื่นๆ
หากรุนแรงมากๆ ก็คงคล้ายๆ กับครั้งน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา

ส่วนเรื่องเงิน ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า จะออกผลเช่นไร

ถ้าน้ำล้นเขื่อนเป็นเวลานานๆ เขื่อนแข็งแรง ก็แตกได้กระมัง

สรุปว่า????


วอนพี่มิ ช่วยสอนหน่อยคับ
หลายโพสต์และคำเตือน รวมทั้งการท้วงติง
มักจะดีมาก

แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจ เกือบทุกโพสต์เลยคับ
มันเหมือนปริศนาธรรม แบบเซน
เฉลยกับอธิบายเลยได้ไหมคับ

ขอบคุณคับ

miracle เขียน:ที่ถามเพราะ เงินเหมือนน้ำ
น้ำนั้นไหลจากที่สูงลงที่ต่ำค่อยๆจากสายน้ำเล็กเป็นสายใหญ่ขึ้น
กักเก็บเป็นฝาย อ่างเก็บน้ำ เขื่อน จากน้ำสายเล็กกลายเป็นแม่น้ำออกทะเล
ก็เหมือนเงินที่ขายสิ่งหนึ่งออกมา มันจำเป็นต้องหาที่พัก หรือไหลออกนอกประเทศ
ไปที่อื่นต่อไป แต่เนี่ย ไม่ ออก แถมมาเพิ่มอีกต่างหาก
เลยทำให้แปลก ยิ่งกว่านั้นไม่ switch ระหว่างตลาดอีกต่างหาก

เนี่ยคือความงง ในตอนนี้

แล้วถ้าเราว่าเงินไปอยู่ที่ไหน มันจะช่วยอะไรในการพิจารณาปรับการลงทุนเหรอครับ?

ที่พี่มิถามเป็นความงงส่วนตัว? หรือว่าต้องการเตือนอะไรพวกผมรึเปล่าครับ?

romee เขียน:

ส.สลึง เขียน:ขายหุ้น
เอาเงินไปซื้อชาเขียว
แล้วกดรหัสใต้ฝาครับ

เข้ามาฮา

เดาครับว่า เงินที่เข้ามาโดยตรงอาจพักไว้ที่บัญชีธนาคารเพื่อความคล่องตัว โดยไม่ไปใส่ในตราสารหนี้
ส่วนเงินที่ได้จากการขายหุ้นก็ยังไม่โอนออกเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อเตรียมทุ่มซื้ออะไรบางอย่างในระยะเวลาอันใกล้นี้ (เดาล้วนๆ)

เงินร้อนมันก็พักรอดูอยู่ละคับ ว่าจะไปไหนต่อ

ว่าที่จริงค่าเงินบาทแข็ง ณ.ตอนนี้ยังไม่เดือนร้อนมาก ไปถึง 28 ยังได้เลย
เพราะการนำเข้าเยอะกว่าส่งออก ผู้นำเข้าเอาเงินบาทไปแลกดอลซื้อของ เงินบาท
ในประเทศก็ย่อมน้อยลง เงินบาทก็แพงขึ้นเป็นธรรมดา เรื่องค่าเงินก็เกี่ยวพัน
หลายปัจจัย แล้วบ้านเราจะมีการลงทุนมากอีกในอนาคต ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน
เลยมีความต้องการเงินลงทุนเยอะ งบจริงๆที่ใช้มัน สี่ล้านล้าน ใช้เงินงบสองล้านล้าน
กู้สองล้านล้าน เศรษฐกิจที่ไหนดีเงินก็ไหลเข้า ค่าเงินแข็งก็เป็นตัวบอกอีกทางว่า
ประเทศนี้มีกำลังซื้อเยอะ

แต่พวกเงินทุนก็ไหลมาสองแบบ
แบบลงทุนทางตรง FDI กับแบบ PI แบบแรกก็ดีไป เกิดการลงทุน การจ้างงาน
มีรายได้หมุนเวียนกันไป การบริโภคสินค้าบริการขยายตัว ผู้ผลิตเพิ่มกำลังผลิต
รัฐเก็บภาษีได้มาก เศรษฐกิจเติบโต มีแรงเหวี่ยง แต่ไอ้แบบหลังคือพวกเงินร้อนมาเก็งกำไร
เข้าตลาดบอนด์ เข้าตลาดหุ้น อสังหา คือมาป่วนราคาสินทรัพย์ต่างๆ ต้องมีการดูแลให้ดี
เพราะมันทำให้เกิดความคาดหวังที่ดูดีเกินไปได้ ฟองสบู่นั่นแหละ แล้วมันก็จะดึงกัน
เข้ามาอีกได้เรื่อยๆ ในยุคนี้ที่การเคลื่อนย้ายทุนมันง่ายมาก รวมถึงมาตรการผ่อนคลาย
ทางการเงินของประเทศต่างๆ

ที่น่ากลัวสำหรับบ้านเราคือ ปีนี้ถ้าการส่งออกสำคัญๆ ยังไม่กลับมา ไม่ว่าเรื่องสินค้าเกษตร
เช่น ข้าว ที่โครงการจำนำราคาข้าว ส่งผลให้ขายข้าวได้ยาก ก็ดี
สินค้าอิเล็คทรอนิคซึ่งวงการไอทีก็ปรับเปลี่ยนจากยุคพีซี ฮาร์ดดิสก์ มียอดขายลดลง
ว่าจะปรับเปลี่ยนสายการผลิตให้สอดคล้องเทรนได้ขนาดไหน แต่รถยนต์ส่งออก
ก็ยังน่าจะดีอยู่เพราะกำลังซื้อแถบอาเซียน จีน ก็พอได้อยู่บ้านเรา

ที่น่ากลัวสำหรับนอกบ้าน ก็เรื่องเมกาเริ่มฟื้น การว่างงานลดลง ถ้าคนเมกันเค้าเริ่มกินเริ่มใช้เมื่อไหร่
เงินเฟ้อก็จะตามมา แล้วเฟดจะดึงเงินกลับเนี๊ยแหละ จากการขึ้นดอกเบี้ย ถ้าหุ้นเค้าดี
เงินทุนมันจะไหลกลับละซี่ ทีนี้เค้าต้องขายออกมาจากตลาดเกิดใหม่ส่วนนึง
หุ้นบ้านเราจะปรับฐานใหญ่อีก ก็น่ากลัวพอสมควร
ปู่บัฟเองก็ซื้อโน่นนี่เอาอย่างเมามัน เด๋วอีกไม่กี่ปีคงกลับมารวยเป็นที่หนึ่งอีกแน่ๆ
ยุโรปก็ต้วมเตี้ยมต่อไป มีข่าวกระตุกขวัญมาเป็นระยะๆ เหนื่อยๆ

แล้วก็ตลาดในบ้านเราราคามันก็แพง ปรับฐานบ้างก็ดีแล้ว ถ้ามองๆ รอบๆตัว คนก็พูดเรื่องหุ้นกันมาก
ถามไถ่กันใหญ่ เด๋วนี้นอกจากนักลงทุนเข้าตลาดเยอะ น่ากลัวพอควร
ถ้าใครยังจำสมัยทองขึ้นเอาๆได้ อาม่า อากง มานั่งเฝ้าทองกัน ในตลาดหุ้นตอนนี้ก็คล้ายๆ
แต่ยังไม่ถึงกับว่า คนไกลจากตลาดมากๆ มานั่งเล่นหุ้น ก็ยังโอเคละคับ

สุดท้าย ถ้าคนนอกตลาด แนะนำหุ้นให้นักลงทุนเก๋าๆได้ นั่นแหละคงต้องกลัวแล้ว
เช่น ไปงานสัมนามันนี่ทอร์ค ผู้ชมแนะนำหุ้นให้ ดร. นิเวศน์ ก็ตัวใครตัวมันละคับ 555

miracle เขียน:ค่อยๆอ่าน
อ่านหลายๆรอบละเดี๋ยวเข้าใจ

ตอนนี้ อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่า จาก 29 ปลายๆ30 ต้นๆ เป็น 29 ต้นๆ 28 ปลายๆ
ภายในระยะเวลาไม่กี่วันใช่ไหม

ตลาดหลักทรัพย์ก็ร่วงเอาร่วงเอา ไม่เขียวกลับแดง
ผลตอบแทนตราสารหนี้พวกพันธบัตรก็ลดลงน้อยมาก

ดังนั้นเกิดคำถามเลยว่า
เงินมันไหลไปไหน
เหลือที่ไปคือ ฝากธนาคาร ทำสวอป ลงทุนตรงๆ
ลองหาคำตอบดูว่าเงินเอามาทำอะไร

น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ. แต่ผลตอบแทนจะไหลจากที่ตอบแทนน้อยกว่า ไปยังผลตอบแทนที่สูงกว่า

เป็นไปได้ว่า ตอนนี้เงินกำลังพักฐานอยู่ เพื่อรอเข้าซื้อของถูก

เงินเป็นสิ่งสมมุติครับ
ก่อนคำถามนี้ก็ต้องถามก่อนว่าเงินมาจากไหน....
เพราะเมื่อ 50 ปีก่อนบาทเดียวก็ซื้อข้าวได้แต่ตอนนี้ 40 บาท...ถามเงินเพิ่มมาจากไหน
เงินไม่มีมวลสารเป็นสิ่งสมมุติเป็นไปได้ที่ตัวเลขจะปรับเปลี่ยนตลอดเวลาครับ

ผมคิดว่า ส่วนหนึ่งจะไหลไปเก็บไว้ในฝายทดน้ำ BTSGIF ที่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้ถึง 40,000 ล้าน ลบม (มีปริมาณน้ำเดิมอยู่ประมาณ 20,000 ล้าน ลบม)
ผมแค่เดาเอา เพราะ จริงๆ ไม่มีใครรู้หรอกว่า เิงินของใครแล้วเค้าจะเอาไปทำอะไร

ผมรู้แต่เงินผมไปไหนครับ ฮ่าา

romee เขียน:

ส.สลึง เขียน:ขายหุ้น
เอาเงินไปซื้อชาเขียว
แล้วกดรหัสใต้ฝาครับ

เจอไปหนึ่ง
ได้คำตอบจากพี่ chatchai
เงินต่าชาติไปซื้อพันธบัตรที่อ้างอิงเงินเฟ้อ
30,000 ล้านบาท
ในช่วงที่ออกประมูลก้อนหนึ่ง