เปิดโผ27หุ้นP/Eลดฮวบ
โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 13, 2013 2:34 am
เปิดโผ27หุ้นP/Eลดฮวบ
Source - ข่าวหุ้น (Th)
Tuesday, March 12, 2013 04:06
กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--ข่าวหุ้น
กำไรดันพ้นแคชบาลานซ์
-TOG-ROJNA-STA เด่นพีอีเกินร้อย-ลดต่ำกว่า 40 เท่า
เปิดโผ 27 หุ้น ค่า P/E ลดฮวบต่ำกว่า 40 เท่า หลังกำไรปี 2555 กระฉูด กดค่า P/E ต่ำกว่าเกณฑ์แคชบาลานซ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ งานนี้มีหลายหุ้นที่รอดเกณฑ์แคชบาลานซ์ แถมมีอีก 6 หุ้นที่ค่า P/E ปรับลดลงอย่างมีนัยยะ อาทิ ROJNA, TICON, STA, TOG, LOXLEY และ TFD
“ข่าวหุ้นธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า ภายหลังจากประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาเรียบร้อยแล้ว มีหุ้นหลายบริษัทที่ค่า P/E ปรับตัวลดลงแบบมีนัยยะสำคัญ โดยจะโฟกัสหุ้นที่มี P/E ก่อนประกาศผลประกอบการเกิน 40 เท่า และถูกปรับลดลงเหลือต่ำกว่า 40 เท่าหลังประกาศงบ ทั้งหมดมี 27 ตัว โดยจะคิดค่า P/E ณ วันที่ปรับค่า P/E คือวันที่ 5 มีนาคม 2556 เทียบกับก่อนหน้าที่ยังไม่มีการปรับ มีดังนี้ หุ้นบริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ A ค่า P/E เดิมอยู่ที่ 43.41 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 35.03 เท่า
หุ้นบริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKR เดิมอยู่ที่ 44.22 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 13.10 เท่า, หุ้นบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) หรือ ARIP เดิมอยู่ที่ 42.05 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 19.76 เท่า, หุ้นบริษัท เอเชียโฮเต็ล จำกัด (มหาชน) หรือ ASIA เดิมอยู่ที่ 50.37 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 22.06 เท่า
หุ้นบริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM เดิมอยู่ที่ 65.24 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 20.42 เท่า, หุ้นบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เดิมอยู่ที่ 54.63 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 30.32 เท่า, หุ้นบริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CSP เดิมอยู่ที่ 45.03 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 11.45 เท่า
หุ้น บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC เดิมอยู่ที่ 76.07 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 24.37 เท่า, หุ้นบริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC เดิมอยู่ที่ 70.12 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 23.83 เท่า, หุ้นบริษัท กุลธรเคอร์บี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KKC เดิมอยู่ที่ 45.17 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 20.87 เท่า
หุ้นบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY เดิมอยู่ที่ 41.18 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 24.52 เท่า, หุ้นบริษัท โอเอชทีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ OHTL เดิมอยู่ที่ 49.83 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 27.93 เท่า, หุ้นบริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM เดิมอยู่ที่ 42.19เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 13.82 เท่า, หุ้นบริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) หรือ POST เดิมอยู่ที่ 176.83 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 23.15เท่า
หุ้นบริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) หรือ PRG เดิมอยู่ที่ 42.22 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 26.73 เท่า, หุ้นบริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PT เดิมอยู่ที่ 41 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 23.18 เท่า, หุ้นบริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS เดิมอยู่ที่ 46.87 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 39.84 เท่า
หุ้นบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNAเดิมอยู่ที่ 135.59 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 14.72 เท่า, หุ้นบริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เดิมอยู่ที่ 89.48 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 14.08 เท่า, หุ้นบริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR เดิมอยู่ที่ 58.68 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 11.08 เท่า
หุ้นบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เดิมอยู่ที่ 224.60 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 15.32 เท่า, หุ้นบริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI เดิมอยู่ที่ 46.17 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 30.26 เท่า, หุ้นบริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TFD เดิมอยู่ที่ 89 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 17.74 เท่า
หุ้นบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เดิมอยู่ที่ 65.61 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 15.01 เท่า, หุ้นบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG เดิมอยู่ที่ 2,270.68 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 10.85 เท่า, หุ้นบริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA เดิมอยู่ที่ 43 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 29.63 เท่า และหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN เดิมอยู่ที่ 50.48 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 14.37 เท่า
อย่างไรก็ตาม ระดับค่า P/E ที่ปรับตัวลดลงเกิดจากผลประกอบการที่มีกำไรเพิ่มมากขึ้น ตามความคาดหวังที่นักลงทุนได้เข้ามาลงทุน โดยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไร ซึ่งผลประกอบการก็มีกำไรตามที่ได้ประเมินไว้ ส่วนค่า P/E จะปรับตัวลดลงมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับกำไรที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ค่า P/E ที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 40 เท่า ทำให้หุ้นเหล่านี้ รอดจากเกณฑ์แคชบาลานซ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งราคาหุ้นสามารถเทรดได้สูงถึง P/E 40 เท่า จึงจะถูกบังคับให้ซื้อในบัญชีเงินสดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คงจะต้องติดตามกันอีกครั้ง ในช่วงไตรมาส 1/2556 ว่าผลประกอบการออกมาสอดคล้องกับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาหรือไม่ หากสอดคล้องกันก็จะมีการปรับลดค่า P/E ลง--จบ--
Source - ข่าวหุ้น (Th)
Tuesday, March 12, 2013 04:06
กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--ข่าวหุ้น
กำไรดันพ้นแคชบาลานซ์
-TOG-ROJNA-STA เด่นพีอีเกินร้อย-ลดต่ำกว่า 40 เท่า
เปิดโผ 27 หุ้น ค่า P/E ลดฮวบต่ำกว่า 40 เท่า หลังกำไรปี 2555 กระฉูด กดค่า P/E ต่ำกว่าเกณฑ์แคชบาลานซ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ งานนี้มีหลายหุ้นที่รอดเกณฑ์แคชบาลานซ์ แถมมีอีก 6 หุ้นที่ค่า P/E ปรับลดลงอย่างมีนัยยะ อาทิ ROJNA, TICON, STA, TOG, LOXLEY และ TFD
“ข่าวหุ้นธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า ภายหลังจากประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาเรียบร้อยแล้ว มีหุ้นหลายบริษัทที่ค่า P/E ปรับตัวลดลงแบบมีนัยยะสำคัญ โดยจะโฟกัสหุ้นที่มี P/E ก่อนประกาศผลประกอบการเกิน 40 เท่า และถูกปรับลดลงเหลือต่ำกว่า 40 เท่าหลังประกาศงบ ทั้งหมดมี 27 ตัว โดยจะคิดค่า P/E ณ วันที่ปรับค่า P/E คือวันที่ 5 มีนาคม 2556 เทียบกับก่อนหน้าที่ยังไม่มีการปรับ มีดังนี้ หุ้นบริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ A ค่า P/E เดิมอยู่ที่ 43.41 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 35.03 เท่า
หุ้นบริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKR เดิมอยู่ที่ 44.22 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 13.10 เท่า, หุ้นบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) หรือ ARIP เดิมอยู่ที่ 42.05 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 19.76 เท่า, หุ้นบริษัท เอเชียโฮเต็ล จำกัด (มหาชน) หรือ ASIA เดิมอยู่ที่ 50.37 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 22.06 เท่า
หุ้นบริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM เดิมอยู่ที่ 65.24 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 20.42 เท่า, หุ้นบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เดิมอยู่ที่ 54.63 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 30.32 เท่า, หุ้นบริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CSP เดิมอยู่ที่ 45.03 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 11.45 เท่า
หุ้น บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC เดิมอยู่ที่ 76.07 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 24.37 เท่า, หุ้นบริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC เดิมอยู่ที่ 70.12 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 23.83 เท่า, หุ้นบริษัท กุลธรเคอร์บี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KKC เดิมอยู่ที่ 45.17 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 20.87 เท่า
หุ้นบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY เดิมอยู่ที่ 41.18 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 24.52 เท่า, หุ้นบริษัท โอเอชทีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ OHTL เดิมอยู่ที่ 49.83 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 27.93 เท่า, หุ้นบริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM เดิมอยู่ที่ 42.19เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 13.82 เท่า, หุ้นบริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) หรือ POST เดิมอยู่ที่ 176.83 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 23.15เท่า
หุ้นบริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) หรือ PRG เดิมอยู่ที่ 42.22 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 26.73 เท่า, หุ้นบริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PT เดิมอยู่ที่ 41 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 23.18 เท่า, หุ้นบริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS เดิมอยู่ที่ 46.87 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 39.84 เท่า
หุ้นบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNAเดิมอยู่ที่ 135.59 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 14.72 เท่า, หุ้นบริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เดิมอยู่ที่ 89.48 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 14.08 เท่า, หุ้นบริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR เดิมอยู่ที่ 58.68 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 11.08 เท่า
หุ้นบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เดิมอยู่ที่ 224.60 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 15.32 เท่า, หุ้นบริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI เดิมอยู่ที่ 46.17 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 30.26 เท่า, หุ้นบริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TFD เดิมอยู่ที่ 89 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 17.74 เท่า
หุ้นบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เดิมอยู่ที่ 65.61 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 15.01 เท่า, หุ้นบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG เดิมอยู่ที่ 2,270.68 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 10.85 เท่า, หุ้นบริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA เดิมอยู่ที่ 43 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 29.63 เท่า และหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN เดิมอยู่ที่ 50.48 เท่า หลังประกาศงบอยู่ที่ 14.37 เท่า
อย่างไรก็ตาม ระดับค่า P/E ที่ปรับตัวลดลงเกิดจากผลประกอบการที่มีกำไรเพิ่มมากขึ้น ตามความคาดหวังที่นักลงทุนได้เข้ามาลงทุน โดยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไร ซึ่งผลประกอบการก็มีกำไรตามที่ได้ประเมินไว้ ส่วนค่า P/E จะปรับตัวลดลงมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับกำไรที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ค่า P/E ที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 40 เท่า ทำให้หุ้นเหล่านี้ รอดจากเกณฑ์แคชบาลานซ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งราคาหุ้นสามารถเทรดได้สูงถึง P/E 40 เท่า จึงจะถูกบังคับให้ซื้อในบัญชีเงินสดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คงจะต้องติดตามกันอีกครั้ง ในช่วงไตรมาส 1/2556 ว่าผลประกอบการออกมาสอดคล้องกับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาหรือไม่ หากสอดคล้องกันก็จะมีการปรับลดค่า P/E ลง--จบ--