ความเสี่ยง กับการเดินเท้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 01, 2013 9:36 am
อรุณสวัสดิครับเพื่อนๆทุกๆท่าน พอดีวันนี้ผมเดินเท้าเพื่อไปซื้อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐครับ (วันนี้มีบัตรลด lotus 100 บาท)
แถวที่ทำงานที่ผมเดิน คนค่อนข้างเยอะมากๆ โดยเฉพาะพนักงาน office เดินกันขวักไขว่แทบไม่มีพื้นที่ให้เดินแซงเลยครับ
ผมเห็นว่า ถ้าหากผมต้องรีบไปแย่งซื้อหนังสือพิมพ์ ก่อนที่พี่ที่ร้านขายหนังสือพิมพ์จะขายหมด ผมต้องออกมาจากทางเท้าลงมาเดินที่ถนนครับ
การที่ลงมาเดินที่ถนนทำให้ผมคิดอะไรขึ้นมาได้ครับ
>>> เวลาที่ผมจะลงไปที่ถนน ผมต้อง ประเมินสิ่งเหล่านี้
- สังเกตว่า แถวนั้น รถเยอะไหม ถ้ารถติด ไม่ค่อยขยับ รถจะเคลื่อนที่ค่อนข้างช้า
บางทีไม่ควรเรียกว่ารถไม่ติดหรอกครับ น่าจะเรียกว่า รถจอดมากกว่า
- แถวนั้น พี่มอเตอร์ไซด์วิ่งกัน ฉวัดเฉวียนแค่ไหน
มีโอกาสที่ผมจะถูกเค้าเฉี่ยวชนมากน้อยเพียงไร
- คนขายของตามข้างทาง เค้ามักง่าย มีโอกาสไหมที่เค้าจะเทอะไรมาที่ข้างทาง เช่นของร้อนบางอย่าง
เช่น ก๋วยเตี๋ยว ซุป แกงร้อนๆที่คนเลิกทานกันแล้ว ฯ
- แถวนั้นมีสุนัขไหม เดี๋ยวเผลอไปเจอน้องหมาดุๆจะกัดเอา
หรือเผลอไปเหยียบหางน้องหมา น้องหมาอาจกลายเป็นพี่หมายักษ์ก็ได้
การประเมินดังตัวอย่างข้างบน ก็เปรียบเสมือนการประเมินความเสี่ยงเวลาลงทุน
เรารู้แค่ไหนว่า บริษัทที่เราลงทุน เค้าทำกิจการอย่างไร
อนาคตในการทำกำไรของกิจการดีขึ้น หรือลดลงอย่างไร หรือว่าจะทรงๆตัว
ผู้บริหารมีธรรมภิบาลแค่ไหน เคยเอาเปรียบผู้ถือหุ้น
หรือเคยทำงานตามหน้าที่ผู้บริหารที่ดีหรือไม่
(ผู้บริหารที่ดี ไม่ควรมาให้ข่าวบ่อยๆ โดยไม่ไปบริหารกิจการ เพราะเค้าเป็นผู้บริหาร มิใช่ประชาสัมพันธ์)
หลายครั้งเราอยากเร่งผลตอบแทนของเรา
คนเรามักเทียบกับคนที่เหนือกว่าเรา
จนบางครั้ง กิเลสมันทำให้เรา ไปลงทุนในสิ่งที่เราไม่ถนัด
โดยเราเผลอลืมที่จะ ประเมินตัวเราเอง
ซึ่งการประเมินตัวเราเองเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสิ่งหนึ่งเลยครับ
เวลาที่เราเดินลงไปที่ถนน
เราเดินไวแค่ไหน
หลบรถ หลบมอเตอร์ไซด์ได้ไวแค่ไหน
สุดท้ายคนที่จะบอกตัวเราได้ดีที่สุด คือตัวเราเองครับ
หลายครั้งเรามองหาสิ่งที่คนอื่นๆเค้าลงทุนแล้วประสบความสำเร็จ
หลายครั้งเรารีบร้อนเปลี่ยนวิธีการลงทุน
โดยไม่มองตัวเราเลย
อันนี้เราต้องให้เวลากับตัวเราเองให้มาก
และอย่าลืมคิดถึง Plan B ด้วยนะครับ
Plan B ในที่นี้หมายถึง
หากสิ่งที่เราคิดไว้ มันไม่เป็นอย่างที่เราหวัง
เราจะทำอย่างไร
และเวลาเราจะประเมินว่า สิ่งที่เราหวังไม่เป็นอย่างที่หวัง
เราให้เวลากับสิ่งนั้นๆนานแค่ไหน
นักฟุตบอลชื่อดัง อย่างอองรี
ยังต้องใช้เวลาสักพัก
ตอนที่เค้าย้ายจาก Monaco ไป Juventus ผมว่าผลงานเค้าไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่เลยครับ
มันขึ้นกับว่า มีคนให้โอกาสเค้าแค่ไหน
อย่าลืม ให้โอกาสตัวเราเองนะครับมีความสุขกับการลงทุนครับ ^^
แถวที่ทำงานที่ผมเดิน คนค่อนข้างเยอะมากๆ โดยเฉพาะพนักงาน office เดินกันขวักไขว่แทบไม่มีพื้นที่ให้เดินแซงเลยครับ
ผมเห็นว่า ถ้าหากผมต้องรีบไปแย่งซื้อหนังสือพิมพ์ ก่อนที่พี่ที่ร้านขายหนังสือพิมพ์จะขายหมด ผมต้องออกมาจากทางเท้าลงมาเดินที่ถนนครับ
การที่ลงมาเดินที่ถนนทำให้ผมคิดอะไรขึ้นมาได้ครับ
>>> เวลาที่ผมจะลงไปที่ถนน ผมต้อง ประเมินสิ่งเหล่านี้
- สังเกตว่า แถวนั้น รถเยอะไหม ถ้ารถติด ไม่ค่อยขยับ รถจะเคลื่อนที่ค่อนข้างช้า
บางทีไม่ควรเรียกว่ารถไม่ติดหรอกครับ น่าจะเรียกว่า รถจอดมากกว่า
- แถวนั้น พี่มอเตอร์ไซด์วิ่งกัน ฉวัดเฉวียนแค่ไหน
มีโอกาสที่ผมจะถูกเค้าเฉี่ยวชนมากน้อยเพียงไร
- คนขายของตามข้างทาง เค้ามักง่าย มีโอกาสไหมที่เค้าจะเทอะไรมาที่ข้างทาง เช่นของร้อนบางอย่าง
เช่น ก๋วยเตี๋ยว ซุป แกงร้อนๆที่คนเลิกทานกันแล้ว ฯ
- แถวนั้นมีสุนัขไหม เดี๋ยวเผลอไปเจอน้องหมาดุๆจะกัดเอา
หรือเผลอไปเหยียบหางน้องหมา น้องหมาอาจกลายเป็นพี่หมายักษ์ก็ได้
การประเมินดังตัวอย่างข้างบน ก็เปรียบเสมือนการประเมินความเสี่ยงเวลาลงทุน
เรารู้แค่ไหนว่า บริษัทที่เราลงทุน เค้าทำกิจการอย่างไร
อนาคตในการทำกำไรของกิจการดีขึ้น หรือลดลงอย่างไร หรือว่าจะทรงๆตัว
ผู้บริหารมีธรรมภิบาลแค่ไหน เคยเอาเปรียบผู้ถือหุ้น
หรือเคยทำงานตามหน้าที่ผู้บริหารที่ดีหรือไม่
(ผู้บริหารที่ดี ไม่ควรมาให้ข่าวบ่อยๆ โดยไม่ไปบริหารกิจการ เพราะเค้าเป็นผู้บริหาร มิใช่ประชาสัมพันธ์)
หลายครั้งเราอยากเร่งผลตอบแทนของเรา
คนเรามักเทียบกับคนที่เหนือกว่าเรา
จนบางครั้ง กิเลสมันทำให้เรา ไปลงทุนในสิ่งที่เราไม่ถนัด
โดยเราเผลอลืมที่จะ ประเมินตัวเราเอง
ซึ่งการประเมินตัวเราเองเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสิ่งหนึ่งเลยครับ
เวลาที่เราเดินลงไปที่ถนน
เราเดินไวแค่ไหน
หลบรถ หลบมอเตอร์ไซด์ได้ไวแค่ไหน
สุดท้ายคนที่จะบอกตัวเราได้ดีที่สุด คือตัวเราเองครับ
หลายครั้งเรามองหาสิ่งที่คนอื่นๆเค้าลงทุนแล้วประสบความสำเร็จ
หลายครั้งเรารีบร้อนเปลี่ยนวิธีการลงทุน
โดยไม่มองตัวเราเลย
อันนี้เราต้องให้เวลากับตัวเราเองให้มาก
และอย่าลืมคิดถึง Plan B ด้วยนะครับ
Plan B ในที่นี้หมายถึง
หากสิ่งที่เราคิดไว้ มันไม่เป็นอย่างที่เราหวัง
เราจะทำอย่างไร
และเวลาเราจะประเมินว่า สิ่งที่เราหวังไม่เป็นอย่างที่หวัง
เราให้เวลากับสิ่งนั้นๆนานแค่ไหน
นักฟุตบอลชื่อดัง อย่างอองรี
ยังต้องใช้เวลาสักพัก
ตอนที่เค้าย้ายจาก Monaco ไป Juventus ผมว่าผลงานเค้าไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่เลยครับ
มันขึ้นกับว่า มีคนให้โอกาสเค้าแค่ไหน
อย่าลืม ให้โอกาสตัวเราเองนะครับมีความสุขกับการลงทุนครับ ^^