Tv digital กับ โฆษณา
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 26, 2013 1:26 pm
มีทีวี digital แล้วจะมีการจ้างบริษัทผลิตโฆษณาเพิ่มขึ้นมากไหมมีบริษัทอะไรบ้างที่เป็นที่นิยม เช่น match fe p-fcb ...
อย่าพึ่งเอาเหตุมาใส่ผลสิท่านหมูแดง เขียน:ผมเชื่อว่า
ค่าโฆษณาของ digital TV จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เพราะ digital TV ก็คือ free TV ที่จะมาแทนที่ freeTV ที่เป็นระบบอนาล็อกในปัจจุบัน ที่เข้าถึงกลุ่มคนดูได้มากที่สุด
การเซ็ทช่องจะเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ไม่สับสนว่าเป็นกล่องของค่ายไหนจะอยู่ช่องอะไร
แต่ละค่ายจะต้องแข่งขันกันผลิตรายการที่มีคุณภาพ เพื่อดึงดูดคนดูให้ได้มากที่สุด
สังเกตุจากหุัน bec ให้ดีนะครับ จะเห็นว่าลงมาตลอด
เพราะต่อไปไม่ว่าจะเป็นช่อง 3 5 7 9 11 tpbs ก็จะต้องมาอยู่ในช่อง digital TV ทั้งหมด
ค่าโฆษณาของช่อง 3 ก็จะต้องถูกลง เพราะตัวหารมากขี้นครับ แต่ก็จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
ผมไม่ได้เอาเหตุมาใส่ผลนะครับ แต่เมี่อเห็นผลที่เกิด เราก็ควรจะหาสาเหตุที่ทำให้ม้นเกิดหรือเปล่าครับharikung เขียน:อย่าพึ่งเอาเหตุมาใส่ผลสิท่านหมูแดง เขียน:ผมเชื่อว่า
ค่าโฆษณาของ digital TV จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เพราะ digital TV ก็คือ free TV ที่จะมาแทนที่ freeTV ที่เป็นระบบอนาล็อกในปัจจุบัน ที่เข้าถึงกลุ่มคนดูได้มากที่สุด
การเซ็ทช่องจะเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ไม่สับสนว่าเป็นกล่องของค่ายไหนจะอยู่ช่องอะไร
แต่ละค่ายจะต้องแข่งขันกันผลิตรายการที่มีคุณภาพ เพื่อดึงดูดคนดูให้ได้มากที่สุด
สังเกตุจากหุัน bec ให้ดีนะครับ จะเห็นว่าลงมาตลอด
เพราะต่อไปไม่ว่าจะเป็นช่อง 3 5 7 9 11 tpbs ก็จะต้องมาอยู่ในช่อง digital TV ทั้งหมด
ค่าโฆษณาของช่อง 3 ก็จะต้องถูกลง เพราะตัวหารมากขี้นครับ แต่ก็จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
แล้ววันนี้หุ้นbecขึ้นล่ะ เหตุผล?หมูแดง เขียน:ผมไม่ได้เอาเหตุมาใส่ผลนะครับ แต่เมี่อเห็นผลที่เกิด เราก็ควรจะหาสาเหตุที่ทำให้ม้นเกิดหรือเปล่าครับharikung เขียน:อย่าพึ่งเอาเหตุมาใส่ผลสิท่านหมูแดง เขียน:ผมเชื่อว่า
ค่าโฆษณาของ digital TV จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เพราะ digital TV ก็คือ free TV ที่จะมาแทนที่ freeTV ที่เป็นระบบอนาล็อกในปัจจุบัน ที่เข้าถึงกลุ่มคนดูได้มากที่สุด
การเซ็ทช่องจะเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ไม่สับสนว่าเป็นกล่องของค่ายไหนจะอยู่ช่องอะไร
แต่ละค่ายจะต้องแข่งขันกันผลิตรายการที่มีคุณภาพ เพื่อดึงดูดคนดูให้ได้มากที่สุด
สังเกตุจากหุัน bec ให้ดีนะครับ จะเห็นว่าลงมาตลอด
เพราะต่อไปไม่ว่าจะเป็นช่อง 3 5 7 9 11 tpbs ก็จะต้องมาอยู่ในช่อง digital TV ทั้งหมด
ค่าโฆษณาของช่อง 3 ก็จะต้องถูกลง เพราะตัวหารมากขี้นครับ แต่ก็จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
เพราะถ้า digital tv เกิด และจำนวนผู้เล่นมากขึ้น ก็ทำให้มีคู่แข่งเยอะขึ้น รายได้ก็ควรจะลดลงหรือเปล่าครับ
ผมอาจคาดการผิดก็ได้นะครับ ผมบอกไว้แล้วว่าเป็นความเห็นส่วนตัวharikung เขียน:แล้ววันนี้หุ้นbecขึ้นล่ะ เหตุผล?หมูแดง เขียน:ผมไม่ได้เอาเหตุมาใส่ผลนะครับ แต่เมี่อเห็นผลที่เกิด เราก็ควรจะหาสาเหตุที่ทำให้ม้นเกิดหรือเปล่าครับharikung เขียน:อย่าพึ่งเอาเหตุมาใส่ผลสิท่านหมูแดง เขียน:ผมเชื่อว่า
ค่าโฆษณาของ digital TV จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เพราะ digital TV ก็คือ free TV ที่จะมาแทนที่ freeTV ที่เป็นระบบอนาล็อกในปัจจุบัน ที่เข้าถึงกลุ่มคนดูได้มากที่สุด
การเซ็ทช่องจะเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ไม่สับสนว่าเป็นกล่องของค่ายไหนจะอยู่ช่องอะไร
แต่ละค่ายจะต้องแข่งขันกันผลิตรายการที่มีคุณภาพ เพื่อดึงดูดคนดูให้ได้มากที่สุด
สังเกตุจากหุัน bec ให้ดีนะครับ จะเห็นว่าลงมาตลอด
เพราะต่อไปไม่ว่าจะเป็นช่อง 3 5 7 9 11 tpbs ก็จะต้องมาอยู่ในช่อง digital TV ทั้งหมด
ค่าโฆษณาของช่อง 3 ก็จะต้องถูกลง เพราะตัวหารมากขี้นครับ แต่ก็จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
เพราะถ้า digital tv เกิด และจำนวนผู้เล่นมากขึ้น ก็ทำให้มีคู่แข่งเยอะขึ้น รายได้ก็ควรจะลดลงหรือเปล่าครับ
ประเด็นผมคือท่านเห็นหุ้นลงติดกันหลายวันจะมาสรุปเลยว่าtrendฟรีทีวีเดิมจะแย่ลงเพราะทีวีดิจิตอล ผมว่าสรุปเร็วเกินไปนะ และหุ้นลงก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย
คคหสต นะครับหมูแดง เขียน:ผมอาจคาดการผิดก็ได้นะครับ ผมบอกไว้แล้วว่าเป็นความเห็นส่วนตัวharikung เขียน:แล้ววันนี้หุ้นbecขึ้นล่ะ เหตุผล?หมูแดง เขียน:ผมไม่ได้เอาเหตุมาใส่ผลนะครับ แต่เมี่อเห็นผลที่เกิด เราก็ควรจะหาสาเหตุที่ทำให้ม้นเกิดหรือเปล่าครับharikung เขียน:อย่าพึ่งเอาเหตุมาใส่ผลสิท่านหมูแดง เขียน:ผมเชื่อว่า
ค่าโฆษณาของ digital TV จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เพราะ digital TV ก็คือ free TV ที่จะมาแทนที่ freeTV ที่เป็นระบบอนาล็อกในปัจจุบัน ที่เข้าถึงกลุ่มคนดูได้มากที่สุด
การเซ็ทช่องจะเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ไม่สับสนว่าเป็นกล่องของค่ายไหนจะอยู่ช่องอะไร
แต่ละค่ายจะต้องแข่งขันกันผลิตรายการที่มีคุณภาพ เพื่อดึงดูดคนดูให้ได้มากที่สุด
สังเกตุจากหุัน bec ให้ดีนะครับ จะเห็นว่าลงมาตลอด
เพราะต่อไปไม่ว่าจะเป็นช่อง 3 5 7 9 11 tpbs ก็จะต้องมาอยู่ในช่อง digital TV ทั้งหมด
ค่าโฆษณาของช่อง 3 ก็จะต้องถูกลง เพราะตัวหารมากขี้นครับ แต่ก็จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
เพราะถ้า digital tv เกิด และจำนวนผู้เล่นมากขึ้น ก็ทำให้มีคู่แข่งเยอะขึ้น รายได้ก็ควรจะลดลงหรือเปล่าครับ
ประเด็นผมคือท่านเห็นหุ้นลงติดกันหลายวันจะมาสรุปเลยว่าtrendฟรีทีวีเดิมจะแย่ลงเพราะทีวีดิจิตอล ผมว่าสรุปเร็วเกินไปนะ และหุ้นลงก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย
แต่เวลาก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ
อ่านแรกๆดูดี ทำไมหลังๆเหมือนเชียร์หุ้นWORKชอบกล 555+woovi เขียน:คคหสต นะครับหมูแดง เขียน:ผมอาจคาดการผิดก็ได้นะครับ ผมบอกไว้แล้วว่าเป็นความเห็นส่วนตัวharikung เขียน:แล้ววันนี้หุ้นbecขึ้นล่ะ เหตุผล?หมูแดง เขียน:ผมไม่ได้เอาเหตุมาใส่ผลนะครับ แต่เมี่อเห็นผลที่เกิด เราก็ควรจะหาสาเหตุที่ทำให้ม้นเกิดหรือเปล่าครับharikung เขียน:อย่าพึ่งเอาเหตุมาใส่ผลสิท่านหมูแดง เขียน:ผมเชื่อว่า
ค่าโฆษณาของ digital TV จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เพราะ digital TV ก็คือ free TV ที่จะมาแทนที่ freeTV ที่เป็นระบบอนาล็อกในปัจจุบัน ที่เข้าถึงกลุ่มคนดูได้มากที่สุด
การเซ็ทช่องจะเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ไม่สับสนว่าเป็นกล่องของค่ายไหนจะอยู่ช่องอะไร
แต่ละค่ายจะต้องแข่งขันกันผลิตรายการที่มีคุณภาพ เพื่อดึงดูดคนดูให้ได้มากที่สุด
สังเกตุจากหุัน bec ให้ดีนะครับ จะเห็นว่าลงมาตลอด
เพราะต่อไปไม่ว่าจะเป็นช่อง 3 5 7 9 11 tpbs ก็จะต้องมาอยู่ในช่อง digital TV ทั้งหมด
ค่าโฆษณาของช่อง 3 ก็จะต้องถูกลง เพราะตัวหารมากขี้นครับ แต่ก็จะแพงกว่า sat TV หลายเท่าครับ
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
เพราะถ้า digital tv เกิด และจำนวนผู้เล่นมากขึ้น ก็ทำให้มีคู่แข่งเยอะขึ้น รายได้ก็ควรจะลดลงหรือเปล่าครับ
ประเด็นผมคือท่านเห็นหุ้นลงติดกันหลายวันจะมาสรุปเลยว่าtrendฟรีทีวีเดิมจะแย่ลงเพราะทีวีดิจิตอล ผมว่าสรุปเร็วเกินไปนะ และหุ้นลงก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย
แต่เวลาก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ
ในมุมมองผม ผมกลับว่าไม่น่าจะมีผลกระทบกับช่อง 3 เท่าไหร่ เพราะสุดท้าย
Top brand ย่อมเลือก Top ads channel อยู่ดี ต่อให้เรตติ้งเฉลี่ยจะตกลงไปบ้าง
แต่ไม่น่ามีผลอะไร เพราะสุดท้ายอยู่ที่เนื้อหา เหมือน spot โฆษณา ช่วง super bowl
ที่ว่าแพงที่สุดในโลก ต่อให้ทั้งอเมริกาเพิ่ม free tv อีก 1000 ช่อง ผมก้อว่าราคามันไม่ลดลงหรอกครับ
NBC ทำทีวีดิจิตอล จริงๆผมไม่ค่อยให้น้ำหนักเท่าไหร่ เพราะ content ประเภทข่าว ไม่ค่อยนิยมในไทย นอกจากรายการคุณสรยุทธ ที่พีคเหลือเกินผมก้อติดอยู่ช่วงนึง
ในทางกลับกัน work ซึ่งผลิตรายการ เน้นฮาที่อาจมีสาระบ้าง ถือ potential content สำหรับตลาดเมืองไทย
เห็นได้จากผลประกอบการ หาก work ออกตัวเปิด ทีวีดิจิตอล โดยมีพันธมิตรครบเครื่องแล้วนั่นจึงเป็นการ
"จับ TV DIGITAL สะเทือนถึง BEC World" (work ราคาต้องไม่ต่ำกว่า 200 บาท)
แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับคุณปัญญา จะเลือก เป็น เสี่ยใหญ่ หรือ เสี่ยโคตรใหญ่
ปล. ต้องมั่นใจมากๆว่าบารมีถึงจริงและต้องหักกับBEC นั่นคือความเสี่ยง ซึ่งทุกการตัดสินใจย่อมมีค่าตอบแทนที่เหมาะสมอยู่ในตัวครับ
ทั้งหมดนี้คือมุมมองของผมครับ อ่านกระทู้แล้วคิดตามเล่นๆหน่ะครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับsunrise เขียน:Content is king
ผมว่าแค่นี้แหละตัวตัดสิน
ที่เหลือเป็นบริบท
ผมขอแชร์ด้วยคนครับharikung เขียน:จริงๆถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะลองฟังความเห็นของพวกagencyโฆษณาหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ว่าถ้าพวกดาวเทียมที่กลายร่างเป็นทีวีดิจิตอล จะยอมจ่ายค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน จะยอมจ่ายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากเดิมตอนที่เป็นดาวเทียมอย่างที่หลายๆสำนักหรือหลายๆท่านคิดไว้หรือไม่ จริงหรือฟรีทีวีเดิมโฆษณาอาจจะลดน้อยลง ผมเห็นด้วยกับประโยคที่ว่า content is kingครับ จริงๆทั้งกลุ่มทีวีดาวเทียมที่ผมพอจะมองว่ามีศักยภาพที่จะขึ้นเทียบชั้นฟรีทีวีเดิมได้คงจะมีrs(ต้องบอกก่อนว่าผมไม่มีหุ้นนะ ขายหมูไปนานแระ) ถ้าจะเทียบชั้นกับฟรีทีวีเดิมได้ บันเทิงต้องมาก่อนสาระ ละครต้องมี นอกเหนือจากนั้นถ้าอยู่ดีๆจะมาขึ้น4-5เท่า ถ้าผมเป็นบริษัทโฆษณาหรือผลิตภัณฑ์ผมก็ทำใจลำบากนะ
..ผมว่าถ้ามองแค่นี้มันไม่น่าจะใช่ซะทีเดียว ประเด็นคือ การเปลี่ยนจากที่เคยผลิตเพื่อนำเสนอผ่านดาวเทียม เคเบิ้ล เดิมเข้าถึงได้ยาก และไม่เป็นสากล(เทียบกับฟรีทีวี) ประเด็นตรงนี้ต่างหากที่ทำให้ค่าโฆษณาต่างกัน การเข้าถึงของคนดูต่างกันทำให้ค่าโฆษณาต่างกัน อย่างหลายๆค่ายที่ผลิตรายการดี เนื้อหาเป็นที่นิยม แต่วันหนึ่งต้องหลุดจากฟรีทีวี ค่าโฆษณาลดลงอย่างมาก (ตัวอย่าง เป็นต่อ รายการข่าวเครือเนชั่น ละครของ rs work อื่นๆ) เมื่อเกิดดิจิทัล ทีวี มีความคาดหมายว่าอย่างน้อยการเข้าถึงของผู้ชมจะเท่าเทียมกันมากขึ้น ดังนั้นค่าโฆษณาน่าจะได้มีการปรับขึ้นจริงๆถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะลองฟังความเห็นของพวกagencyโฆษณาหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ว่าถ้าพวกดาวเทียมที่กลายร่างเป็นทีวีดิจิตอล จะยอมจ่ายค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน
sunrise เขียน:เมื่อวานฟังเนชั่น
ผมเห็นด้วยจุดนึงซึ่งผมมองว่าอาจเปลี่ยนวงการเลย
คือโฆษณาทางทีวีจะเพิ่มขึ้น
เพราะค่าโฆษณาของฟรีทีวีปัจจุบันราคาต่อนาทีแพงเกินไปสำหรับรายกลางหรือรายเล็ก
พอมีช่องที่มากขึ้นทำให้มีทางเลือกให้โฆษณามากขึ้น
ผมมองว่าแต่ละช่องvariety จะมีกลุ่มเฉพาะของแต่ละช่องทำให้การจัดสรรงบ
ของMedia agency ทำได้มากขึ้นแล้วก็ได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
เห็นด้วยเต็มๆครับกับเนชั่น
ถ้าจะทำ ทีวีดิจิตอล ต้องลงทุนประมาณนี้Highway_Star เขียน:ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องทีวีดิจิตอล ทีวีดาวเทียมเท่าไหร่ ว่าการเปลี่ยนจากระบบนึงไปอีกระบบนึง
มันมีค่าใช้จ่ายอะไรยังไงบ้าง infra มีอะไรต้องเปลี่ยนเยอะมั้ย อย่าง RS จะเข้าไปประมูลทีวีดิจิตอลแล้วต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
ผมคิดว่าทีวีดิจิตอลที่ให้ภาพ HD น่าจะมีค่าโฆษณาที่สูงกว่าได้เพราะความคมชัด .. ประมาณว่าอยากโฆษณาไรเทพๆ
หรือโฆษณาที่พอเปลี่ยนความละเอียดแล้วจะทำให้สินค้าดูดีขึ้นอย่างมีนัยยะเช่น เครื่องสำอางงี้ HD ที ผิวมันดูเนียนมันดูสวย
พวก agency ต่างๆ น่าจะยอมจ่ายเพื่อเข้ามา
ในขณะที่ทีวีดาวเทียมน่าจะเหมาะกับผู้เล่นรายเล็กกว่า
อย่างไรก็ตามผมว่าไอ้ที่สำคัญจริงๆ น่าจะเป็นผลสำรวจการเข้าถึงประชากรนะครับ เช่นพวกเนลสันไรงี้
ถ้าผลมันออกมาแล้ว penetration rate ต่ำ มันก็คงไม่มีใครอยากจะไปโฆษณาด้วย
เหลียวมองฝรั่งเศส : กรณีศึกษา Digital TV
updated: 08 มี.ค. 2556 เวลา 17:00:50 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอลทีวีเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งแรกในประเทศไทย การคาดการณ์ถึงความสำเร็จและผลกระทบต่อประเทศและธุรกิจโทรทัศน์ จึงต้องใช้การศึกษาตัวอย่างการเปลี่ยนผ่านที่เกิดขึ้นแล้วในต่างประเทศมาช่วยในการวิเคราะห์ด้วย ทั้งนี้ SCBEIC ขอหยิบยก “ฝรั่งเศส” ขึ้นมาเป็นกรณีศึกษา เนื่องจากได้เริ่มต้นกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปตั้งแต่ปี 2005 จนแล้วเสร็จในปี 2011 ทำให้มองเห็นผลกระทบในระยะยาว และที่สำคัญ ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งที่มีจุดตั้งต้นของธุรกิจโทรทัศน์ในช่วงก่อนการเปลี่ยนผ่านที่คล้ายคลึงกับไทย ดังนั้น ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านของฝรั่งเศส ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่ ตลอดจนทิศทางของเงินโฆษณาภายหลังการเปลี่ยนผ่านจะช่วยเป็นแนวทางในการประเมินความสำเร็จและผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านในไทยได้ชัดเจนขึ้น
ก่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิตอลทีวีนั้น ธุรกิจโทรทัศน์ฝรั่งเศสมีโครงสร้างใกล้เคียงกับไทยในปัจจุบัน นั่นคือประชากรส่วนใหญ่รับชมโทรทัศน์ระบบอนาล็อกภาคพื้นดิน ส่วนการเข้าถึงของทีวีทางเลือกอยู่ในระดับปานกลาง จึงดูเหมือนการเปลี่ยนผ่านอาจต้องใช้เวลา ประเทศฝรั่งเศสนอกจากจะมีจำนวนประชากรและขนาดพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับไทยแล้ว พบว่ายังพึ่งพาระบบโทรทัศน์อนาล็อกภาคพื้นดินเป็นหลักในช่วงก่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอล โดยทีวีทางเลือก ได้แก่ เคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม มีการเข้าถึงครัวเรือนรวมกันประมาณ 40% ในปี 2004 หรือระดับปานกลางเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในยุโรปในช่วงนั้น คล้ายคลึงกับไทยที่ปัจจุบันครัวเรือนส่วนใหญ่รับชมช่องรายการฟรีทีวีระบบอนาล็อก ในขณะที่การเข้าถึงของทีวีทางเลือกอยู่ที่ระดับประมาณ 50-60% ซึ่งจัดอยู่ในระดับปานกลางในกลุ่มประเทศเอเชียด้วยกัน ด้วยลักษณะโครงสร้างธุรกิจโทรทัศน์เช่นนี้ เบื้องต้นจึงอาจมองว่าต้องใช้เวลาในการปฏิรูปโครงสร้างนานพอสมควรเนื่องจากมีจำนวนครัวเรือนที่ต้องปรับเปลี่ยนสู่ระบบดิจิตอลค่อนข้างมาก และทีวีทางเลือกก็เป็นคู่แข่งที่ค่อนข้างสำคัญในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม แนวคิดของregulatorฝรั่งเศสและไทยมีความคล้ายกันในแง่ของการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าร่วมลงทุนในช่องดิจิตอล แต่ก็มีมาตรการปกป้องผู้ประกอบการเดิมไปพร้อมๆ กัน ซึ่งจุดนี้น่าจะช่วยร่นระยะเวลาเปลี่ยนผ่านได้ การมีช่องรายการใหม่ที่นำเสนอเนื้อหาที่แตกต่างจากทีวีระบบอื่นย่อมสร้างจูงใจให้ผู้บริโภคเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอลมากขึ้น ซึ่งทั้งฝรั่งเศสและไทยได้มีการกำหนดเพดานจำนวนช่องรายการที่ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอใบอนุญาตได้เพื่อส่งเสริมให้มีผู้เล่นรายใหม่ โดยในครั้งแรกที่ฝรั่งเศสออกใบอนุญาตทั้งหมด 28ช่องรายการพบว่า มากกว่าครึ่งเป็นช่องใหม่ที่บริหารโดยผู้ประกอบการใหม่ซึ่งมาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ วิทยุ ดาวเทียม และธุรกิจเพลง อย่างไรก็ตาม ช่องรายการเดิมจะต้องมีพื้นที่บนระบบดิจิตอลด้วยเพราะมีอิทธิพลต่อผู้ชมสูง และเป็นตัวช่วยสำคัญในการเร่งการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งในประเด็นนี้ ทั้งฝรั่งเศสและไทยได้ใช้กฎ “simulcast” ให้ผู้ประกอบการเดิมสามารถนำผังรายการในการออกอากาศระบบอนาล็อกมาใช้ในช่องดิจิตอลได้เลย นอกจากนั้น ฝรั่งเศสยังจัดสรรช่องรายการให้ผู้เล่นเดิมพัฒนาเพิ่มได้อีกรายละ 1 ช่อง โดยมีความเชื่อว่าช่องรายการใหม่ของผู้เล่นเดิมน่าจะได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ชมในเชิงคุณภาพมากกว่าช่องรายการของผู้เล่นรายใหม่ในช่วงแรก ทั้งหมดก็เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอลให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ พบว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ก่อนที่ช่องรายการใหม่ของฝรั่งเศสจะเริ่มเห็นเม็ดเงินโฆษณาอย่างมีนัยสำคัญ แต่อัตราการเติบโตอยู่ในระดับสูง และแย่งชิงส่วนแบ่งค่าโฆษณาจากช่องรายการเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณการลงทุนด้านโฆษณาผ่านช่องรายการใหม่ในระบบดิจิตอลของฝรั่งเศสยังถือว่าค่อนข้างต่ำในช่วงปี 2005-2007 เฉลี่ยประมาณ 10-20 ล้านยูโรต่อช่องต่อปี โดยเม็ดเงินยังกระจุกตัวอยู่ในช่องรายการอนาล็อกเดิมที่ออกอากาศบนระบบดิจิตอลด้วย อยู่ที่เฉลี่ย 900-1,000ล้านยูโรต่อช่องต่อปีในช่วงเดียวกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการรายใหม่ต้องสามารถรองรับผลขาดทุนในช่วง 3-5 ปีแรกที่รายได้โฆษณายังไม่สูงนัก อย่างไรก็ตาม พบว่าอัตราการเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาในช่องรายการใหม่อยู่ในระดับเฉลี่ยสูงถึง 60% ต่อปี ในช่วงปี 2005-2011 อันเนื่องมาจากความนิยมในช่องรายการใหม่ที่สูงขึ้นร่วม 4 เท่า จากสัดส่วนผู้ชมเฉลี่ยประมาณ 6% ใน 3 ปีแรก มาเป็น 23% ใน 3 ปีถัดมา และปัจจุบันสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งค่าโฆษณาจากช่องรายการอนาล็อกเดิมได้มากขึ้นเป็นร่วม 30%ของเม็ดเงินโฆษณาทั้งหมดแล้ว
…เป็นสาเหตุให้ผู้ประกอบการเดิมต้องมีการปรับตัวเพื่อรักษาผลกำไร เช่น การสร้างรายได้ที่นอกเหนือจากรายได้ค่าโฆษณา การลดต้นทุนการผลิตรายการ หรือการควบรวมกิจการกับช่องรายการใหม่ SCBEIC ได้ศึกษาถึงผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิตอลต่อบริษัท TF1 Group เจ้าของช่อง TF1ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่งในฝรั่งเศสก่อนการเปลี่ยนผ่าน โดยพบว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating margin) ของบริษัทลดลงต่อเนื่องจากรายได้โฆษณาที่ไม่ได้เติบโตไปตามต้นทุนการผลิตรายการเหมือนเช่นก่อน โดย Operating margin ของ TF1 ลดลงจาก 14% ในปี 2005 มาเป็น 4% ในปี 2009
อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปี 2010-2012 มาอยู่ในระดับ 10% โดยมีปัจจัยบวกที่นอกเหนือจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น นั่นคือ การเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ให้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการเน้นลงทุนในระบบเพย์ทีวีแบบบอกรับสมาชิก (Subscription TV) มากขึ้น และการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ จนปัจจุบันสัดส่วนของรายได้ที่มาจากโฆษณาลดลงจาก 66%ในปี 2005 มาอยู่ที่ 54% ในปี 2012 นอกจากนี้ บริษัทยังมีการลดต้นทุนการผลิตรายการลงได้กว่า 250 ล้านยูโรตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา ด้วยการวางแผนระยะยาวเพื่อสร้างประสิทธิภาพและลดขั้นตอนการผลิต ทำให้ต้นทุนการผลิตรายการต่อต้นทุนรวมทั้งหมด ลดลงจาก 45% ในปี 2005 มาเป็น 40% ในปี 2012 และอีกช่องทางการปรับตัวรับการแข่งขันที่สูงขึ้นของTF1นั่นคือการควบรวมกิจการกับช่องรายการใหม่ที่ช่วยเสริมฐานผู้ชมให้แก่องค์รวมของบริษัท โดยล่าสุด TF1 เข้าซื้อช่อง NT1ซึ่งเป็นช่องรายการใหม่บนระบบดิจิตอลที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มเพศชายวัยรุ่น ในขณะที่ช่อง TF1ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มเพศหญิงวัยกลางคน
Implication : มีโอกาสที่ไทยจะสามารถเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอลได้รวดเร็วเหมือนเช่นฝรั่งเศส เพราะมีจุดตั้งต้นและแนวคิดของภาครัฐที่คล้ายคลึงกัน ดังนั้นผู้ชมโทรทัศน์ระบบภาคพื้นดินจะต้องคำนึงถึงกระบวนการหยุดกระจายสัญญาณแบบอนาล็อก (Analog Switch-Off: ASO) ด้วย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าคาด จึงอาจเตรียมพร้อมซื้อกล่องรับสัญญาณ (set-top box) หรือโทรทัศน์ดิจิตอลไว้ล่วงหน้า ซึ่งผู้บริโภคควรติดตามการสื่อความของ กสทช. เกี่ยวกับ เกณฑ์มาตรฐานของอุปกรณ์กล่องและโทรทัศน์ที่ได้รับการรับรองว่าสามารถรับคลื่นสัญญาณดิจิตอลของประเทศได้
อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี ก่อนที่รายได้โฆษณาในช่องรายการใหม่จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น แต่โอกาสที่เม็ดเงินจะเติบโตรวดเร็วก็มีอยู่สูง ผู้ประกอบการช่องรายการใหม่จึงควรมีสายป่านที่ยาวพอในการรองรับผลขาดทุนในช่วงประมาณ 3-5 ปีแรก เพราะรายได้จะเริ่มเห็นชัดเจนและคืนทุนในช่วงปีที่ 5-10 ซึ่งในกรณีของไทยนั้น มีต้นทุนตั้งต้นที่สูงกว่าฝรั่งเศสอีกด้วย เนื่องจากต้องมีการประมูลช่องรายการ
ท้ายที่สุด ผู้ประกอบการรายเดิมอาจต้องมีการปรับตัวกับสภาพการแข่งขันแย่งชิงค่าโฆษณาที่รุนแรงขึ้น เมื่อคุณภาพรายการและความนิยมในช่องรายการใหม่เพิ่มขึ้น การกระจุกตัวของเม็ดเงินโฆษณาในช่องฟรีทีวีเดิมก็จะลดลงเรื่อยๆ อาจต้องมีการปรับค่าโฆษณาลงให้ทัดเทียมกับช่องรายการใหม่ และควรเริ่มมองหารายได้อื่นเข้ามาทดแทน เช่น การขายคอนเทนต์เพื่อเป็นรายการรีรันในช่องรายการอื่น หรือขายลิขสิทธิ์รายการให้โทรทัศน์ในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการลดต้นทุนการผลิตรายการด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากร และอุปกรณ์ถ่ายทำ เป็นต้น นอกจากนี้การควบรวมกิจการก็อาจเป็นแนวทางหนึ่งในการขยายฐานลูกค้าในภาวะที่การแข่งขันสูงมากขึ้นเช่นนี้
รูปที่ 1 : ฝรั่งเศสใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิตอลเป็นเวลา 6 ปี โดยถือว่าใช้เวลาน้อยกว่าหลายประเทศในยุโรปโดยเฉพาะ อังกฤษ สเปน และอิตาลี
ภาพ
หมายเหตุ:ข้อมูลการใช้งานระบบอนาล็อกภาคพื้นดินมีตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา
ที่มา: การวิเคราะห์โดย SCBEIC จากข้อมูลของ Conseil supérieur de l′audiovisuel (CSA) และ Screendigest
รูปที่ 2 : เม็ดเงินโฆษณาที่ลงทุนในช่องรายการใหม่ในระบบดิจิตอลเริ่มมีสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายหลังปีที่ 2-3 ของการเปลี่ยนผ่าน ในขณะที่การลงทุนโฆษณาในช่องรายการเดิมยังมีอยู่สูง
ภาพ
* หมายถึงช่องรายการในเคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม และช่องรายการภาคพื้นดินระบบดิจิตอลที่เป็นเพย์ทีวี
** หมายถึงช่องรายการฟรีทีวีภาคพื้นดินระบบดิจิตอลที่เคยเป็นช่องรายการในระบบอนาล็อกมาก่อน
*** หมายถึงช่องรายการฟรีทีวีภาคพื้นดินระบบดิจิตอลที่ไม่เคยเป็นช่องรายการในระบบอนาล็อกมาก่อน
ที่มา: การวิเคราะห์โดย SCBEIC จากข้อมูลของ Conseil supérieur de l′audiovisuel (CSA)
รูปที่ 3 : ช่องรายการเดิมในฝรั่งเศสต้องเผชิญแรงกดดันด้านรายได้โฆษณาจากจำนวนคู่แข่งที่มากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากสัดส่วนการรับชมในช่องรายการเดิมที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ภาพ
* หมายถึงช่องรายการฟรีทีวีภาคพื้นดินระบบดิจิตอลที่เคยเป็นช่องรายการในระบบอนาล็อกมาก่อน
** หมายถึงช่องรายการฟรีทีวีภาคพื้นดินระบบดิจิตอลที่ไม่เคยเป็นช่องรายการในระบบอนาล็อกมาก่อน
ที่มา: การวิเคราะห์โดย SCBEIC จากข้อมูลของ Conseil supérieur de l′audiovisuel (CSA)
รูปที่ 4 : โดยภาพรวมแล้ว ช่องรายการใหม่บนระบบดิจิตอลยังมีผลประกอบการติดลบในช่วง 5-6 ปีแรก
ภาพ
ที่มา: การวิเคราะห์โดย SCBEIC จากข้อมูลของ Conseil supérieur de l′audiovisuel (CSA)
ที่มา : ทับขวัญ หอมจำปา ([email protected])
SCBEIC | Economic Intelligence Center
นอกจากนี้ พบว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ก่อนที่ช่องรายการใหม่ของฝรั่งเศสจะเริ่มเห็นเม็ดเงินโฆษณาอย่างมีนัยสำคัญ แต่อัตราการเติบโตอยู่ในระดับสูง และแย่งชิงส่วนแบ่งค่าโฆษณาจากช่องรายการเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณการลงทุนด้านโฆษณาผ่านช่องรายการใหม่ในระบบดิจิตอลของฝรั่งเศสยังถือว่าค่อนข้างต่ำในช่วงปี 2005-2007 เฉลี่ยประมาณ 10-20 ล้านยูโรต่อช่องต่อปี โดยเม็ดเงินยังกระจุกตัวอยู่ในช่องรายการอนาล็อกเดิมที่ออกอากาศบนระบบดิจิตอลด้วย อยู่ที่เฉลี่ย 900-1,000ล้านยูโรต่อช่องต่อปีในช่วงเดียวกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการรายใหม่ต้องสามารถรองรับผลขาดทุนในช่วง 3-5 ปีแรกที่รายได้โฆษณายังไม่สูงนัก อย่างไรก็ตาม พบว่าอัตราการเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาในช่องรายการใหม่อยู่ในระดับเฉลี่ยสูงถึง 60% ต่อปี ในช่วงปี 2005-2011 อันเนื่องมาจากความนิยมในช่องรายการใหม่ที่สูงขึ้นร่วม 4 เท่า จากสัดส่วนผู้ชมเฉลี่ยประมาณ 6% ใน 3 ปีแรก มาเป็น 23% ใน 3 ปีถัดมา และปัจจุบันสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งค่าโฆษณาจากช่องรายการอนาล็อกเดิมได้มากขึ้นเป็นร่วม 30%ของเม็ดเงินโฆษณาทั้งหมดแล้ว