Thai VI

เท่าทีีผมอ่านพบ มีบางบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น
แล้ววอร์เรน เดินเข้าไปขอซื้อกิจการ

ผมสงสัยว่าบริษัทส่วนใหญ่ที่วอร์เรนเลือก มักเป็นบริษัทที่ดี ผู้บริหารที่เยี่ยม เหตุใดผู้บริหารถึงยอมขายบริษัท เจ้าของก็น่าจะรู้อยู่ไม่ใช่หรือครับว่าบริษัทตัวเองนั้นดี

ข้อแรก วอร์เรน ยื่นข้อเสนอแบบไหนครับ
และอีกข้อหนึ่งทำไมผู้บริหารเหล่านี้ล้วนรักบัฟเฟต มีความสุขที่ได้อยู่ในเบริกไชน์

ขอบคุณครับ

เคยอ่านหนังสือ Warren Buffet Entrepreneur ชื่อประมาณนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับกิจการที่ Warren ซื้อทั้งเล่มเลยครับ

ผมอ่านนานจำไม่ค่อยได้ละ แต่จำได้อย่างน้อยต้องมี 1 ข้อที่เป็นสาเหตุ คือหลังขายกิจการให้ Warren แล้ว Warren จะไม่เข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานใดๆเลยครับ ยังให้อิสระผู้บริหารเดิมในการทำงาน เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มาช่วยตอบครับ ไม่รู้ว่าจะตรงกับที่ต้องการหรือเปล่า The Warren Buffett CEO 1-2 ของ ดร.กุศยา แปล อ่านสนุกมากเลยครับ
ตัวอย่างเล่ม 1
ตัวอย่างเล่ม 2

SAM11 เขียน:มาช่วยตอบครับ ไม่รู้ว่าจะตรงกับที่ต้องการหรือเปล่า The Warren Buffett CEO 1-2 ของ ดร.กุศยา แปล อ่านสนุกมากเลยครับ
ตัวอย่างเล่ม 1
ตัวอย่างเล่ม 2

ขอบคุณมากครับ

ผมเดาว่ามีหลายเหตุผลครับ
- เตรียมแผนการส่งมอบมรดกให้ลูกหลาน เพราะการเป็นบริษัทจะแบ่งกันนั้นยาก บางคนไม่อยากได้เป็นบริษัทอยากได้เป็นเงิน แบ่งผิดแบ่งถูกลูกหลานตีกันตายครับ ขายให้ buffett ดีกว่าได้เงินมาแบ่งกันง่าย อำนาจการบริหารก็ไม่เปลี่ยนแปลง
- ได้กระจายความเสี่ยง ไม่ต้องลงอยู่เพียงธุรกิจเดียว
- บางบริษัทต้องการเงินทุนในการขยายกิจการ แต่ไม่อยากเข้าตลาดหุ้น มาอยู่กับ buffett มีเงินทุนให้ขยายเต็มที่ ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามนั่งลงทุน ไม่ต้องมาพะวงกับราคาหุ้นรายวัน ไม่ต้องถูกคาดหวังให้สร้างผลกำไรให้โตอย่างเดียวโดยไม่มองผลระยะยาว ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียอำนาจการบริหาร
- ส่วนบางบริษัทที่เคยอ่านๆดูก็เหมือนว่าเค้ารู้สึกภูมิใจ ที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของ buffett
ฯลฯ

ผมว่าบริษัทเหล่านี้ทั้งหมดไม่ได้ต้องการ maximize return ซะทีเดียว แต่เป็นเรื่องการบริหารความเสี่ยง บริหารมรดก

ขอบคุณทุกคนนะครับที่เข้ามาตอบ
หนังสือที่แนะนำมาสองเล่มนั้นผมสั่งซื้อไปวันนี้แล้วครับ

ผมมีเพื่อนคนนึงเค้าเป็นเจ้าของร้านอาหาร กำไรประมาณ 1.5 ลบ/ด คนแน่นร้านทุกวันทุกมื้อ เป็นอย่างนี้มาตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา หลังจากอ่านบัฟเฟต ผมจึงโทรไปถามเค้าว่า ถ้าผมจะซื้อร้านเค้าเค้าจะขายผมเท่าไหร่ เค้าบอกไม่รู้เพราะไม่คิดจะขาย แม้แต่แฟรนไชน์ก็ไม่เอา ผมบอกว่าลองบอกมูลค่าที่แท้จริงของร้านมาหน่อยซิ เค้าบอกไม่สนใจว่ามูลค่าเท่าไหร่หรอก เค้าจะบอกจำนวนเว่อร์ๆที่รู้ว่าผมจ่ายไม่ไหวแน่ เพราะเค้ารู้ว่าถือไพ่เหนือกว่าผม ผมเป็นคนอยากได้ แต่เค้าไม่ได้อยากขาย ต้องฟาดเค้าด้วยเงินที่มากๆอย่างเดียว เค้าบอกผมว่าถ้าจะขายจริงๆต้องได้มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตแบบสบายๆโดยไม่ต้องทำงานอีก มันต้องเป็นเงินก้อนจำนวนขนาดที่เค้าพร้อมจะไปเปิดที่ใหม่ได้ดีกว่าเดิม และถ้ามันไปไม่สวยเหมือนที่นี่ต้องยังมีเงินเหลือจากนั้นอีกมากๆสำรองไว้

ผมฟังแล้วได้แต่สงสัยว่า ยัยนี่ไม่มีความคิดเรื่องขายร้านอยู่ในหัวแม้แต่นิดเดียว ธุรกิจที่ดีมากเจ้าของส่วนใหญ่น่าจะไม่อยากขาย บัฟเฟตเดินดุ่มๆเข้าไปยื่นข้อเสนอที่มันได้ผลประโยชน์จูงใจขนาดไหน เค้าถึงยอม โดยเฉพาะช่วงแรกๆที่บัฟเฟตไม่ได้โด่งดังมาก หรือว่าเค้าซื้อในช่วงวิกฤตเป็นอัศวินเข้าไปจังหวะบริษัทกำลังแย่

เท่าที่เคยอ่านมา Buffet ไม่ได้เป็นคนขอซื้อ
แต่เจ้าของเขามาเสนอขายให็Buffetเอง
เหตุผลที่ขายง่ายๆคืออยากรวยมากทันที

ส่วนใหญ่กิจการเหล่านี้เป็นธุรกิจครอบครัวที่ทํามายาวนาน
ธุรกิจมันต้องขยายไปเรื่อยๆ ต้องลงทุนใหม่เพิ่ม
กําไรที่ได้มาก็ต้องใช้ไปลงทุน
ต้องเพิ่มสาขา ต้องกู้หนี้มากขึ้น สต็อกสินค้ามากขึ้น
ไหนจะบริหารคนบริหารเงิน มันเหนื่อยและรับผิดชอบสูง

ขายBuffetได้ เจ้าของรวย ได้เงินก้อนใหญ่ใช้ทั้งชีวิตไม่หมด
และยังถือหุ้นส่วนน้อย รวมทั้งยังได้บริหารต่อ
แต่ไม่ต้องรับผิดชอบภาระต่างๆ
อีกอย่างBuffetซื้อก็เป็นการรับประกันว่า
กิจการนั้นเป็นธุรกิจที่ดีน่าเชื่อถือและมีธรรมาภิบาล

yoyo เขียน:ผมเดาว่ามีหลายเหตุผลครับ
- เตรียมแผนการส่งมอบมรดกให้ลูกหลาน เพราะการเป็นบริษัทจะแบ่งกันนั้นยาก บางคนไม่อยากได้เป็นบริษัทอยากได้เป็นเงิน แบ่งผิดแบ่งถูกลูกหลานตีกันตายครับ ขายให้ buffett ดีกว่าได้เงินมาแบ่งกันง่าย อำนาจการบริหารก็ไม่เปลี่ยนแปลง
- ได้กระจายความเสี่ยง ไม่ต้องลงอยู่เพียงธุรกิจเดียว
- บางบริษัทต้องการเงินทุนในการขยายกิจการ แต่ไม่อยากเข้าตลาดหุ้น มาอยู่กับ buffett มีเงินทุนให้ขยายเต็มที่ ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามนั่งลงทุน ไม่ต้องมาพะวงกับราคาหุ้นรายวัน ไม่ต้องถูกคาดหวังให้สร้างผลกำไรให้โตอย่างเดียวโดยไม่มองผลระยะยาว ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียอำนาจการบริหาร
- ส่วนบางบริษัทที่เคยอ่านๆดูก็เหมือนว่าเค้ารู้สึกภูมิใจ ที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของ buffett
ฯลฯ

ผมว่าบริษัทเหล่านี้ทั้งหมดไม่ได้ต้องการ maximize return ซะทีเดียว แต่เป็นเรื่องการบริหารความเสี่ยง บริหารมรดก

ผมคิดว่ามีอีกเหตุผลคือเขาไม่ต้องกังวลในแง่ของ wealth ของตัวเองแล้ว สามารถทุ่มความสามารถทั้งหมดไปในการบริหารกิจการที่เขาชอบได้

ผมว่าคนที่ขายธุรกิจครอบครัวให้วอเรน คนเหล่านี้ไ่ม่ใช่คนที่ value เงินเป็นสิ่งสำคัญสุดในชีวิตครับ

ongpisit เขียน:ขอบคุณทุกคนนะครับที่เข้ามาตอบ
หนังสือที่แนะนำมาสองเล่มนั้นผมสั่งซื้อไปวันนี้แล้วครับ

ผมมีเพื่อนคนนึงเค้าเป็นเจ้าของร้านอาหาร กำไรประมาณ 1.5 ลบ/ด คนแน่นร้านทุกวันทุกมื้อ เป็นอย่างนี้มาตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา หลังจากอ่านบัฟเฟต ผมจึงโทรไปถามเค้าว่า ถ้าผมจะซื้อร้านเค้าเค้าจะขายผมเท่าไหร่ เค้าบอกไม่รู้เพราะไม่คิดจะขาย แม้แต่แฟรนไชน์ก็ไม่เอา ผมบอกว่าลองบอกมูลค่าที่แท้จริงของร้านมาหน่อยซิ เค้าบอกไม่สนใจว่ามูลค่าเท่าไหร่หรอก เค้าจะบอกจำนวนเว่อร์ๆที่รู้ว่าผมจ่ายไม่ไหวแน่ เพราะเค้ารู้ว่าถือไพ่เหนือกว่าผม ผมเป็นคนอยากได้ แต่เค้าไม่ได้อยากขาย ต้องฟาดเค้าด้วยเงินที่มากๆอย่างเดียว เค้าบอกผมว่าถ้าจะขายจริงๆต้องได้มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตแบบสบายๆโดยไม่ต้องทำงานอีก มันต้องเป็นเงินก้อนจำนวนขนาดที่เค้าพร้อมจะไปเปิดที่ใหม่ได้ดีกว่าเดิม และถ้ามันไปไม่สวยเหมือนที่นี่ต้องยังมีเงินเหลือจากนั้นอีกมากๆสำรองไว้

ผมฟังแล้วได้แต่สงสัยว่า ยัยนี่ไม่มีความคิดเรื่องขายร้านอยู่ในหัวแม้แต่นิดเดียว ธุรกิจที่ดีมากเจ้าของส่วนใหญ่น่าจะไม่อยากขาย บัฟเฟตเดินดุ่มๆเข้าไปยื่นข้อเสนอที่มันได้ผลประโยชน์จูงใจขนาดไหน เค้าถึงยอม โดยเฉพาะช่วงแรกๆที่บัฟเฟตไม่ได้โด่งดังมาก หรือว่าเค้าซื้อในช่วงวิกฤตเป็นอัศวินเข้าไปจังหวะบริษัทกำลังแย่

เคส คุณเจริญ ซื้อ โออิชิ หรือ บริษัทอื่นๆ หละครับ คล้ายๆ กันไหม
คุณตันขายเพราะอะไร

ผมว่า เจ้าของหลายๆคน คงคาดว่า ถึงจุดอิ่มตัว พีค หรือ ได้เงินเยอะกว่าที่ตัวเองประเมินมากๆ ส่วนนึงเลยอยากขาย

ไม่มีใครคิดว่า ใครเสียเปรียบใครหรอกครับ ทั้งคนซื้อ คนขาย

คนซื้อมีไม่กี่เหตุผล ยิ่งราคาสูงกว่ามูลค่ามากเท่าใด ก็ต้องมองยาวมากเท่านั้น

ส่วนคนขายมีหลายเหตุผลครับ

หนังสือ The Snowball โดย Alice Schroeder บรรยายประวัติการลงทุนของ Buffett ไว้ละเอียดมากครับ และมีอีกหลายเล่มที่เจาะรายบริษัท

แต่ละกิจการที่ Buffett ซื้อมีที่มาแตกต่างกัน

Geico กับ General Re บัฟเฟตต์เดินเข้าไปที่บริษัท ตั้งแต่หลายสิบปีก่อน ตอนที่เพิ่งเริ่มจัดการกองทุน เข้าไปเจอผู้บริหาร (จำได้ว่าเป็น MD บริษัท) ในวันอาทิตย์ แล้วก็เลยได้นั่งติวกันตัวต่อตัว เขาก็ชอบธุรกิจประกันจากนั้น จนสุดท้ายซื้อธุรกิจประกันอย่างน้อย 3-4 บริษัท

Coke อันนี้ถ้าจำไม่ผิดเขาชอบผู้บริหารคนก่อน จำชื่อไม่ได้ ประมาณ Goizueta อะไรประมาณนั้น แล้วก็ชอบเพราะ Branding แข็งแกร่งมาก ประมาณว่าเอาเสาไฟฟ้ามาบริหารก็กำไร

Berkshire Hathaway เป็นโรงงานผลิตผ้า ตอนนั้นลงทุนตามบทเรียนของ Ben Graham คือ บริษัทมีทรัพย์สินเยอะ กิจการไม่ดีสุดท้ายเลิกผลิตผ้า เอาทรัพย์สินไปซื้อบริษัทอื่นแทน บัฟเฟตเลิกลงทุนตาม Graham ก็เพราะบทเรียนของ Berkshire Hathaway

แล้วยังมี See's Candies, Gillette Costco บริษัทเฟอร์นิเจอร์ ผมจำได้ไม่หมดครับ แต่ที่แน่ ๆ Buffett ไม่เคยมี Microsoft (ทั้งที่สนิทกับ Bill Gates มากกว่าลูกเมียอีก) หรือ Walmart (คุ้นๆ ว่าเพิ่งเริ่มซื้อ Walmart เร็วๆ นี้)

สุดท้าย Citibank อันนี้พิเศษมาก เพราะ Buffett ไม่ต้องการซื้อเพราะไม่ชอบธนาคาร แต่ผู้บริหารรู้ว่า Citibank จะล้ม ต้องการเงินด่วนหลักหมื่นล้านเหรียญภายในข้ามคืน รู้ว่าบัฟเฟตเก็บเงินสดเยอะ ก็เลยไปขอเงินลงทุน Buffett ก็เลยต้องเสนอดอกเบี้ยประมาณ 9% ลองหาอ่านดูครับ ผลตอบแทนสูงพอๆ กับซื้อ Junk Bond เลย ขนาดบัฟเฟตลงทุนแล้วยังต้องให้รัฐบาลอเมริกามาอุ้มอีกต่อ เรียกว่าตอนนั้น Citibank เข้าโคม่าเลยทีเดียว ทำให้นึกถึงตอนที่อ่านเจอ ว่าถ้าลงทุนหุ้น ให้ซื้อบริษัทที่ดี ถ้าลงทุน Bond ให้ซื้อบริษัทที่แย่ แต่ไม่ล้มละลาย

ไม่ทราบว่าผิดกฏการเขียนในบอร์ดไหม
หนังสือ ซีอีโอ ของ วอร์เรน หาซื้อไม่ได้เลยครับ หมดทุกสำนักพิมพ์ หาซื้อได้แค่เล่มสองสภาพมือสอง ขอโทษนะครับมีใครจะขายหรือรู้แหล่งซื้อเล่มหนึ่งบ้างครับ

ผมว่าผมพอจะทราบแล้วล่ะครับว่าทำไมเค้าถึงขาย
1 มีเงินทุนอัดให้อีกไม่อั้น สำหรับคนที่รักธุรกิจตัวเอง แล้วอยากจะเห็นมันไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่อีก
2 มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ขาย จะยังต้องนั่งบริหารอยู่ อำนาจตัดสินใจยังอยู่ครบ แม้แต่การสืบทอดตำแหน่ง
3 ซื้อธุรกิจด้วยการจ่ายเป็นหุ้นของเบริกไชน์

ถ้าผมลองเสนออย่างนี้กับเพื่อนผมมั่ง เค้าอาจจะเริ่มๆคิดว่าจะขายล่ะมั้ง

ขอบคุณทุกคำตอบนะครับ

ongpisit เขียน:เท่าทีีผมอ่านพบ มีบางบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น
แล้ววอร์เรน เดินเข้าไปขอซื้อกิจการ

ผมสงสัยว่าบริษัทส่วนใหญ่ที่วอร์เรนเลือก มักเป็นบริษัทที่ดี ผู้บริหารที่เยี่ยม เหตุใดผู้บริหารถึงยอมขายบริษัท เจ้าของก็น่าจะรู้อยู่ไม่ใช่หรือครับว่าบริษัทตัวเองนั้นดี

ข้อแรก วอร์เรน ยื่นข้อเสนอแบบไหนครับ
และอีกข้อหนึ่งทำไมผู้บริหารเหล่านี้ล้วนรักบัฟเฟต มีความสุขที่ได้อยู่ในเบริกไชน์

ขอบคุณครับ

ผมคิดว่า คำตอบนี้คงง่ายมากครับเพราะเค้าคือ วอร์เรน บัฟเฟต
เจ้าของเค้าถึงยอมขาย. เพราะต่อให้ผมมีกิจการซุปเปอร์ดี ถ้าวอร์เรน มาซื้อจากผมด้วยราคาที่เหมาะสม
ผมได้ทั้งเงิน และกล่อง ผมแฮปปี้แล้วครับ ใจเขาใจเรา
แต่ผมก็เชื่อว่า คงไม่ใช่ทุกบริษัทที่ยอมขายให้เค้า แต่ละคนมีความปัจเจกที่ต่างกันออกไป
คนที่ไม่ขายให้ไม่จำเป็นต้องบอก วอร์เรนก็ไม่จำเป็นต้องกล่าว