Thai VI

ต้องคิดอย่างไร ถึงจะไม่โลภ ในตลาดหุ้น ช่วงนี้ครับ

ผมใช้วิธี คิดว่า ไม่ใช่เงินของเรา ก็ไม่ค่อยได้ผลครับ
ผมใช้วิธี คิดว่า อย่าโลภเกินความรู้ ก็ไม่ค่อยได้ผลครับ

ขอบคุณครับ

สำหรับผมนะครับ

คิดง่ายๆเลยอย่าเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเปรียบกับใครก็ตามไม่มีความสุขหรอก วันนี้ชนะก็รู้สึกดีนิดๆ พอแพ้เค้านี่โคตรกลุ้ม

เอาเวลาไปดูแลบริษัทฯ ที่เราลงทุนดีกว่าครับว่าผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดไว้หรือป่าว สนุกกว่ากันเยอะเลย

ตั้งอยู่ในสติ ครับ โลภ หรือ กลัว ก้แค่อารมณ์ วูบหนึ่ง

ถ้าเราเกิดการกลัว ก้ตั้งสติ และพิจารณา

ถ้าเราโลภ ก้ตั้งสติ และพิจารณา

ถ้าเราเอาอารมณ์ มาใช้กับการลงทุน ก้เหมือนการวาดรูปตอนมีอารมณ์

รูปที่เห็นและได้ มักจะไม่ชัดเจน ครับ

และเนื้องานก้มักออกมาไม่ดี

คิดง่ายๆ ครับ
โลภ = ขาดทุน
เพราะโลภเมื่อไหร่จะชักพาใจให้อยากเสี่ยงมากกว่าเดิม
เสี่ยงไปเล่นในเกมที่เราไม่ถนัด ประตูชนะก็ถูกปิดตาย
เตรียมรอรับความพ่ายแพ้และขาดทุนได้เลยครับ

chukieat30 เขียน:ตั้งอยู่ในสติ ครับ โลภ หรือ กลัว ก้แค่อารมณ์ วูบหนึ่ง

ถ้าเราเกิดการกลัว ก้ตั้งสติ และพิจารณา

ถ้าเราโลภ ก้ตั้งสติ และพิจารณา

ถ้าเราเอาอารมณ์ มาใช้กับการลงทุน ก้เหมือนการวาดรูปตอนมีอารมณ์

รูปที่เห็นและได้ มักจะไม่ชัดเจน ครับ

และเนื้องานก้มักออกมาไม่ดี

เห็นด้วยทุกอย่างยกเว้นเรื่องวาดรูปครับ

การวาดรูปต้องมีอารมณ์ ต้องมีอารมณ์มากมายเลยครับ คนวาดจะถ่ายทอดอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกผ่านภาพวาด ทั้งนี้ขึ้นกับว่าศิลปินต้องการถ่ายทอดอะไร ขณะนั้นรู้สึกอะไร รักมาก อกหัก โมโห ผิดหวังการเมือง สังคม หรือหดหู่ ล้วนเป็นอารมณ์ทั้งสิ้น ฝีมือและสมาธิต่างหากที่ทำให้การวาดได้อย่างที่ต้องการหรือไม่

ชอบอ่านคอมเมนท์ของคุณครับ สนุกและมักคิดนอกกรอบดี

อย่าไปคิดครับ ง่ายสุด

มั่นใจในหุ้นที่เลือก ถือเฉยๆ รออ่านงบครับ อิอิ

ผมว่าเราไม่ควรโลภในทุกกรณีครับ
ตอนซื้อลงทุนก็คิดเสียว่าสงสารเขาทนถือหุ้น undervalue ทนโดนขังมานาน เราไปช่วยโดนขังแทนครับ

ไม่ต้องดูราคาแต่ละวัน ไม่ต้องดูดัชนีขึ้นลง ถ้าไม่รู้ ก็ไม่โลภหรือกลัวครับ

จะว่าไปก็ไม่เคยทำได้

คิดถึงแต่บริษัท กิจการ สินค้าบริการที่ขาย ลูกค้า การตลาด การแข่งขัน

ไม่แน่อาจเจอเหตุผลที่สมควรโลภก็ได้ครับ

โลภให้ถูกวิธี

ความโลภเป็นสิ่งธรรมดาที่จะเกิดขึ้นในจิต และจะเกิดขึ้นได้ง่ายมากเวลาเราลงทุน

สิ่งที่ควรทำไม่ใช่ทำอย่างไรให้ไม่โลภ... เพราะ มันทำไม่ได้... นักลงทุนที่ปฏิบัติธรรมหนักๆ ก็ยังมีความโลภอยู่ ถ้าจะไม่โลภได้ก็ต้องเป็นพระอรหันต์ ประหารโลภะได้แล้วเท่านั้นครับ

ในมุมมองผม กลยุทธ์ที่ถูกต้อง คือ การเข้าไปศึกษาความโลภ ศึกษาว่ามีความโลภลักษณะอาการอย่างไร? นำมาซึ่งความทุกข์ ความรุ่มร้อนใจอย่างไร? เกิดตอนไหน? ดับไปตอนไหน? อะไรเป็นเหตุปัจจัย?

เมื่อเราเข้าใจความโลภแล้ว เราก็จะบริหารจัดการกับความโลภได้ เช่นเดียวกับที่เมื่อเราเข้าใจประวัติศาสตร์การลงทุน เราเข้าใจธรรมชาติของหุ้นที่วิ่งขึ้นวิ่งลง เราเข้าใจธรรมชาติของกิจการที่เราลงทุนแล้ว เราก็จะบริหารจัดการการลงทุนได้

แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจทั้งการลงทุน ไม่เข้าใจกิจการ ไม่เข้าใจธรรมชาติของหุ้น ไม่เข้าใจความโลภความกลัวและอารมณ์ของตัวเอง... เมื่อนั้นคุณก็เหมือนกับเดินผูกตาเข้าไปกลางดงระเบิดแล้วครับ

ความเห็นผม คือใช้. มรณานุสสติครับคืือ นึกถึงความตายเป็นอารมณ์. จะทำใ้ห้เรารู้สึกเลยว่า ทรัพย์สินต่างๆไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือเงินทอง. เป็นสิ่งที่อยู่กับเราแค่ชั่วคราว. สักวันเราก็ต้องจากมันไปครับ. จริงๆแล้วไม่ว่าหุ้นหรือเงินทองเป็นแค่เครื่องมืออย่างหนึ่งที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตอยู่บนโลกเท่านั้นครับ
ทรัพย์สินพวกนี้มันมีประโยชน์เสำหรับเราช่วงที่เรามีชีวิตอยู่เท่านั้นครับ

ลองกำหนดในใจว่า "โลภหนอ" ดูอาจจะพอช่วยได้บ้างครับ

ไม่โลภเกินความรู้ครับ ถ้าไม่รู้ว่าทำไมขึ้น หรือไม่รู้ว่าราคาขึ้นมาจนไม่คุ้มความเสี่ยงรึป่าวก็อย่าไปยุ่งครับ

ทำไมผมคิดตรงกันข้าม ยิ่งหุ้นขึ้น ผมยิ่งกลัว ไม่เห็นจะมีความโลภอะไรกับเขาเลย

lipton เขียน:ต้องคิดอย่างไร ถึงจะไม่โลภ ในตลาดหุ้น ช่วงนี้ครับ

ผมใช้วิธี คิดว่า ไม่ใช่เงินของเรา ก็ไม่ค่อยได้ผลครับ
ผมใช้วิธี คิดว่า อย่าโลภเกินความรู้ ก็ไม่ค่อยได้ผลครับ

ขอบคุณครับ

อ่านจากหนังสือ ลงทุนอย่าง VI พันธุ์แท้
ถูกใจประโยคที่ว่า "สนามหญ้าบ้านคนอื่นแม้มันจะเขียวกว่า
แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันจะดีสู้บ้านเราได้"

ผมตีความเอาว่า นอกจากอย่าเปรียบเทียบตัวเรา/หรือหุ้นของเรากับของคนอื่นแล้ว
ผมยังคิดว่าหุ้นที่เราเลือกนี่แหละดีที่สุดที่เรารู้จักแล้ว แม้บางช่วงเวลาราคามันยังนิ่งๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า
วันข้างหน้ามันจะไม่วิ่งแถมอาจวิ่งไปเยอะกว่าตัวที่เราเห็นมันวิ่งแล้วเกิดความโลภในวันนี้ก็ได้
ของแบบนี้ต้องวัดกันยาวๆครับ ถ้ายังไม่หายโลภก็ปิดคอมไปหาอย่างอื่นทำซักพัก
สติของเราจะกลับมาเองครับ

ตลาดหุ้นมันจะมีช่วงเวลาที่มาทดสอบความโลภของเราอยู่ตลอด ถือเป็นเรื่องปกติของตลาดครับ
ถ้าอยากประสบความสำเร็จในระยะยาว เราต้องทนกับมันให้ได้ครับ

พอร์ตใหญ่ขึ้นแต่ชีวิตผมก็เป็นชีวิตผมอยู่ดี มันมีผลกับชีวิตน้อยมาก
ความสุข มาจากทางอื่น ความมันส์ก็มาจากทางอื่น และเช่นเดียวกับความทุกข์

ความมันส์ของลูกผู้ชายตอนจน มันส์กว่าตอนรวยเยอะ ซึมซับมันเถอะ อย่ามัวไปจิตตก จิตตื่น เพราะหุ้นขึ้น ๆ ลง ๆ เลย เลือกหุ้นดี ๆ กองทุนดี ๆ กลยุทธ์ดี ๆ มี เงินสดระดับเหมาะสม และก็ปล่อยมัน ถึงเวลาที่เรากำหนดเหตุการณ์ไว้ก็มาทบทวนพอร์ต ที่เหลือก็เอาเวลาไปใช้ชีวิตของเรา ก็เท่านั้นตลาดหุ้น

ไอตอน มองอยู่ข้างนอก มันก็ดูเย้ายวน น่าสนใจ ดูแล้วง่าย

แต่พอ กระโจนลงไป จริงๆ มีแต่แผล กลับออกมาก

แล้วก็คิดได้ว่า รู้งี้ ไม่ยุ่งดีกว่า

ถ้าเราเลือกเดินทาง เน้นคุณค่าแล้ว ก็ยึดมั่นในแนวทางของเราครับ

มันเป็นเกมส์ที่เราไม่เข้าใจ และมันไม่ใช้เกมส์ที่เราถนัด ก็อย่าไปยุ่ง

ในระยะยาวแล้ว ใครจะอยู่รอดได้นานกว่ากัน วัดกันตรงนี้ดีกว่า

รวยช้าๆ ดีกว่า จน ถาวร

ความโลภความกลัว เกิดจากการเปรียบเทียบจากที่เราคิดว่าเหนือกว่าครับ

ทำยังไงถึงจะขจัดความโลภออกได้ ต้องบอกตามความจริงว่า "ไม่มีทาง"

มนุษย์เรามักจะมีความโลภความกลัวติดตัวมาอยู่เสมอ หากเราตัดความโลภความกลัวออกไปไม่ได้ก็จงเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน

ขนาด บัฟเฟต ยังบอกเสนอให้เราเรียนจากความโลภความกลัวของตัวเองเลยครับจากคำสอนที่ว่า "ให้โลภเมื่อคนอื่นกลัว ให้กลัวเมื่อคนอื่นโลภ"

Nevercry.boy เขียน:พอร์ตใหญ่ขึ้นแต่ชีวิตผมก็เป็นชีวิตผมอยู่ดี มันมีผลกับชีวิตน้อยมาก
ความสุข มาจากทางอื่น ความมันส์ก็มาจากทางอื่น และเช่นเดียวกับความทุกข์

ความมันส์ของลูกผู้ชายตอนจน มันส์กว่าตอนรวยเยอะ ซึมซับมันเถอะ อย่ามัวไปจิตตก จิตตื่น เพราะหุ้นขึ้น ๆ ลง ๆ เลย เลือกหุ้นดี ๆ กองทุนดี ๆ กลยุทธ์ดี ๆ มี เงินสดระดับเหมาะสม และก็ปล่อยมัน ถึงเวลาที่เรากำหนดเหตุการณ์ไว้ก็มาทบทวนพอร์ต ที่เหลือก็เอาเวลาไปใช้ชีวิตของเรา ก็เท่านั้นตลาดหุ้น

โลภ แปลว่าอะไรครับ
โลภแปลว่าอยากได้ไม่รู้จักพอ แต่ในความหมายของเราน่าจะแปลว่าซื้อหุ้นแล้วได้กำไรใช่ไหมครับ
จริงๆแล้วคงไม่ใช่ว่าเราต้องไม่ซื้อหุ้นในช่วงนี้ แต่เราคงต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมากมากกว่า
ถ้าหาหุ้นที่ได้ศึกษามาอย่างดีแล้วว่า undervalue จริง ก็สามารถซื้อและทยอยซื้อได้เพราะเมื่อตลาดตก หุ้นที่ undervalue ในราคาวันนี้อาจไม่ตกลงมาถูกกว่านี้ให้ซื้อก็ได้
สิ่งสำคัญกว่าก็คือ มีแนวทางจัดการหุ้นหรือพอร์ทเมื่อตลาดตกอย่างไร

ตลาดเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดการได้ ในอดีตก็เคยมีช่วงที่ตลาด PE สูงยาวนานอยู่หลายปี เราจะไม่ซื้อหุ้นเลยถ้า PE ตลาดไม่ลงมาเลยอีก 2 ปีหรือไม่