นักวิเคราะห์หุ้นเชื่อได้แค่ไหน
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 15, 2013 12:42 pm
โปรดอ่านโดยใช้วิจารณญาณนะครับ
http://stupidstocktrader.blogspot.com/2 ... -post.html
หลายๆคนที่ลงทุนในหุ้นก็คงมีแหล่งที่ตัวเองใช้หาข้อมูลที่แตกต่างกันไป แต่ผมเชื่อว่าสำหรับหลายๆคน หนึ่งในนั้นก็คือการอ่าน ฟัง หรือดูบทวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญหุ้นท่านต่างๆ สำหรับคนที่ลงทุนมานานก็คงใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูลพวกนี้ หรือไม่ก็ดูแบบขำๆ แต่สำหรับหลายๆคนที่อาจจะพึ่งเข้ามาลงทุนและยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านนี้ก็อาจจะพึ่งพาคำวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ โดยที่ลงทุนตามการวิเคราะห์เกือบ 100% และสุดท้ายก็อาจขาดทุนจนเจ็บหนักไปตามๆกัน บางคนยังมีทุนเหลือก็ได้แก้ตัวใหม่โดนมีบทเรียนที่แสนเจ็บปวด แต่บางคนโชคไม่ดีอาจถึงกับต้องออกจากตลาดไปเลย
ในบทความนี้ผมคงจะไม่พูดเจาะจงถึงบุคคลหรือบทวิเคราะห์ไหนว่าอันไหนน่าเชื่อถือหรือไม่นะครับ แต่ผมจะพูดรวมๆว่าการที่เราจะใช้ข้อมูลจากแหล่งไหนนั้น เราควรจะคำนึงถึงอะไรบ้าง
อย่างแรกเลยเราควรจะดูสไตล์การลงทุนของผู้วิเคราะห์ก่อนว่าเขาลงทุนแบบไหน ไม่ใช่ว่าเขาลงทุนแบบ เก็งกำไร technical หรือ day trade แล้วเขาบอกว่าหุ้นตัวนี้ตอนนี้น่าเข้า แต่เราชอบลงทุนแบบถือเก็บยาวแล้วไปซื้อตามเขา แบบนี้ผ่านไปสองสามวันหุ้นขึ้นไปนิดหน่อยเขาอาจจะขายทำกำไรไปแล้ว แต่เรามาเปิดดู port ตัวเองอีกสองเดือนอาจถึงขั้นเป็นลมเพราะราคาลงไปเหลือ 50% อย่างนี้จะไปโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเขาก็วิเคราะห์ถูกของเขาในการลงทุนแบบของเขา
อีกอย่างที่เราควรดูคือนักวิเคราะห์เป็นใคร ทำงานอะไร หรือให้ใคร ที่ดูนี่ไม่ใช่เพื่อที่จะดูว่าเขาเก่งรึเปล่าน่าจะวิเคราะห์ถูกรึเปล่านะครับ แต่ดูเพื่อจะรู้ว่าผลประโยชน์ของเขานั้นอยู่ตรงไหน หลายๆครั้งเราจะเห็นว่านักวิเคราะห์นั้นทำงานให้กับบริษัท Broker, Bank หรือกองทุนที่ลงทุนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เองด้วย ในกรณีนี้มีโอกาสสูงมากที่ผลประโยชน์ของเขาจะขัดกับผลประโยชน์ของคุณ เพราะสมมุติว่าเขามีหุ้นอยู่ในบริษัทๆหนึ่งที่เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่ามันจะไม่ค่อยดีและเขาต้องการจะขายหุ้น มันคงจะไม่เป็นผลดีกับเขาเองถ้าเขาจะออกมาบอกว่าบริษัทนี้ไม่ดีแล้วนะพื้นฐานเปลี่ยน มันจะดีกับเขาซะด้วยซ้ำถ้าเขาจะออกมาเชียหุ้นตัวนั้นว่าดีเพื่อที่เขาจะขายได้ราคาแพงๆ จริงๆเรื่องแบบนี้ก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆนะครับ จนคนที่ลงทุนมานานเห็นเป็นเรื่องตลกไปแล้ว เวลาที่นักวิเคราะห์เชียร์ให้คนอื่นซื้อแต่ตัวเอง Net Sell
อันที่สามที่ต้องดูก็คือความจริงจังและความระเอียดของการวิเคราะห์ครั้งนั้นๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่บางครั้งก็ชอบดูรายการทีวีหรือฟังรายการวิทยุเกี่ยวกับการลงทุน แต่เราต้องอย่าลืมนะครับว่าสื่อพวกนี้ไม่มากก็น้อยก็ยังต้องทำหน้าที่การให้ความบันเทิงและความน่าสนใจให้กับคนดู เขามีเวลาออกอากาศอยู่ ก็ต้องคอยหาเนื้อหามาออกทุกๆวัน ด้วยข้อจำกัดของเวลาคงจะไม่มีใครสามารถสร้างสรรค์เนื้อหาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพทางวิชาการได้ตลอด ยิ่งเดี๋ยวนี้จะเห็นว่ารายการส่วนใหญ่จะมีช่วงที่ให้คนดูทางบ้านโทรศัพท์ หรือ sms เข้ามาถามหุ้นเด็ด…เอ้ย…หุ้นต่างๆว่าตัวไหนน่าลงทุนบ้างหรือไม่ก็มีหุ้นตัวนี้อยู่ควรจะทำอะไรต่อไปดี ซึ่งนักวิเคราะห์ก็จะมีเวลาแค่ประมาณหนึ่งนาทีเพื่อที่จะคิดและตอบคำถามต่างๆเหล่านี้ คุณก็คงต้องคิดดูแล้วล่ะครับว่าคุณจะฝากความหวังของเงินลงทุนของคุณทั้งหมดไว้กับคำแนะนำเหล่านี้รึเปล่า
สุดท้ายนี้ผมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยที่ผมพยายามจะบอกก็คือว่าไม่มีบทวิเคราะห์ไหนจะดีหรือระเอียดเท่าบทวิเคราะห์ของตัวคุณเองแล้วล่ะครับ เพราะคุณมั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และคงจะไม่มีใครตั้งใจวิเคราะห์การลงทุนของคุณเท่ากับตัวคุณเอง เพราะเป็นตัวคุณเองที่จะขาดทุนหรือกำไร
เพราะฉะนั้นการอ่านบทความเกี่ยวกับการลงทุนทุกครั้งควรใช้วิจารณญาณอย่างสูง (โดยเฉพาะบทความใน stupidstocktrader นะครับอิๆ)
http://stupidstocktrader.blogspot.com/2 ... -post.html
หลายๆคนที่ลงทุนในหุ้นก็คงมีแหล่งที่ตัวเองใช้หาข้อมูลที่แตกต่างกันไป แต่ผมเชื่อว่าสำหรับหลายๆคน หนึ่งในนั้นก็คือการอ่าน ฟัง หรือดูบทวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญหุ้นท่านต่างๆ สำหรับคนที่ลงทุนมานานก็คงใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูลพวกนี้ หรือไม่ก็ดูแบบขำๆ แต่สำหรับหลายๆคนที่อาจจะพึ่งเข้ามาลงทุนและยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านนี้ก็อาจจะพึ่งพาคำวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ โดยที่ลงทุนตามการวิเคราะห์เกือบ 100% และสุดท้ายก็อาจขาดทุนจนเจ็บหนักไปตามๆกัน บางคนยังมีทุนเหลือก็ได้แก้ตัวใหม่โดนมีบทเรียนที่แสนเจ็บปวด แต่บางคนโชคไม่ดีอาจถึงกับต้องออกจากตลาดไปเลย
ในบทความนี้ผมคงจะไม่พูดเจาะจงถึงบุคคลหรือบทวิเคราะห์ไหนว่าอันไหนน่าเชื่อถือหรือไม่นะครับ แต่ผมจะพูดรวมๆว่าการที่เราจะใช้ข้อมูลจากแหล่งไหนนั้น เราควรจะคำนึงถึงอะไรบ้าง
อย่างแรกเลยเราควรจะดูสไตล์การลงทุนของผู้วิเคราะห์ก่อนว่าเขาลงทุนแบบไหน ไม่ใช่ว่าเขาลงทุนแบบ เก็งกำไร technical หรือ day trade แล้วเขาบอกว่าหุ้นตัวนี้ตอนนี้น่าเข้า แต่เราชอบลงทุนแบบถือเก็บยาวแล้วไปซื้อตามเขา แบบนี้ผ่านไปสองสามวันหุ้นขึ้นไปนิดหน่อยเขาอาจจะขายทำกำไรไปแล้ว แต่เรามาเปิดดู port ตัวเองอีกสองเดือนอาจถึงขั้นเป็นลมเพราะราคาลงไปเหลือ 50% อย่างนี้จะไปโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเขาก็วิเคราะห์ถูกของเขาในการลงทุนแบบของเขา
อีกอย่างที่เราควรดูคือนักวิเคราะห์เป็นใคร ทำงานอะไร หรือให้ใคร ที่ดูนี่ไม่ใช่เพื่อที่จะดูว่าเขาเก่งรึเปล่าน่าจะวิเคราะห์ถูกรึเปล่านะครับ แต่ดูเพื่อจะรู้ว่าผลประโยชน์ของเขานั้นอยู่ตรงไหน หลายๆครั้งเราจะเห็นว่านักวิเคราะห์นั้นทำงานให้กับบริษัท Broker, Bank หรือกองทุนที่ลงทุนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เองด้วย ในกรณีนี้มีโอกาสสูงมากที่ผลประโยชน์ของเขาจะขัดกับผลประโยชน์ของคุณ เพราะสมมุติว่าเขามีหุ้นอยู่ในบริษัทๆหนึ่งที่เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่ามันจะไม่ค่อยดีและเขาต้องการจะขายหุ้น มันคงจะไม่เป็นผลดีกับเขาเองถ้าเขาจะออกมาบอกว่าบริษัทนี้ไม่ดีแล้วนะพื้นฐานเปลี่ยน มันจะดีกับเขาซะด้วยซ้ำถ้าเขาจะออกมาเชียหุ้นตัวนั้นว่าดีเพื่อที่เขาจะขายได้ราคาแพงๆ จริงๆเรื่องแบบนี้ก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆนะครับ จนคนที่ลงทุนมานานเห็นเป็นเรื่องตลกไปแล้ว เวลาที่นักวิเคราะห์เชียร์ให้คนอื่นซื้อแต่ตัวเอง Net Sell
อันที่สามที่ต้องดูก็คือความจริงจังและความระเอียดของการวิเคราะห์ครั้งนั้นๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่บางครั้งก็ชอบดูรายการทีวีหรือฟังรายการวิทยุเกี่ยวกับการลงทุน แต่เราต้องอย่าลืมนะครับว่าสื่อพวกนี้ไม่มากก็น้อยก็ยังต้องทำหน้าที่การให้ความบันเทิงและความน่าสนใจให้กับคนดู เขามีเวลาออกอากาศอยู่ ก็ต้องคอยหาเนื้อหามาออกทุกๆวัน ด้วยข้อจำกัดของเวลาคงจะไม่มีใครสามารถสร้างสรรค์เนื้อหาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพทางวิชาการได้ตลอด ยิ่งเดี๋ยวนี้จะเห็นว่ารายการส่วนใหญ่จะมีช่วงที่ให้คนดูทางบ้านโทรศัพท์ หรือ sms เข้ามาถามหุ้นเด็ด…เอ้ย…หุ้นต่างๆว่าตัวไหนน่าลงทุนบ้างหรือไม่ก็มีหุ้นตัวนี้อยู่ควรจะทำอะไรต่อไปดี ซึ่งนักวิเคราะห์ก็จะมีเวลาแค่ประมาณหนึ่งนาทีเพื่อที่จะคิดและตอบคำถามต่างๆเหล่านี้ คุณก็คงต้องคิดดูแล้วล่ะครับว่าคุณจะฝากความหวังของเงินลงทุนของคุณทั้งหมดไว้กับคำแนะนำเหล่านี้รึเปล่า
สุดท้ายนี้ผมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยที่ผมพยายามจะบอกก็คือว่าไม่มีบทวิเคราะห์ไหนจะดีหรือระเอียดเท่าบทวิเคราะห์ของตัวคุณเองแล้วล่ะครับ เพราะคุณมั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และคงจะไม่มีใครตั้งใจวิเคราะห์การลงทุนของคุณเท่ากับตัวคุณเอง เพราะเป็นตัวคุณเองที่จะขาดทุนหรือกำไร
เพราะฉะนั้นการอ่านบทความเกี่ยวกับการลงทุนทุกครั้งควรใช้วิจารณญาณอย่างสูง (โดยเฉพาะบทความใน stupidstocktrader นะครับอิๆ)