ช่องทางลงทุนใหม่ๆสำหรับคนเงินล้น/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 24, 2012 2:06 pm
โค้ด: เลือกทั้งหมด
กลางสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนาของสมาคมนักศึกษาวิทยาลัยตลาดทุน โดยมี ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ให้เกียรติเป็นวิทยากรมาบรรยายแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับนักศึกษาวตท. ดิฉันเห็นว่าน่าสนใจ จึงขอนำมาแบ่งปันให้กันท่านผู้อ่านในบทความฉบับส่งท้ายปี 2555 ในวันนี้
แม้ว่าจะอาจจะดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่ทั่วไป แต่ดิฉันเห็นว่า “รู้ไว้ใช่ว่า” เป็นความรู้ที่น่าสนใจ เหมือนที่ดิฉันเคยเขียนเรื่องการลงทุนของผู้มีความมั่งคั่งสูง หรือการลงทุนในศิลปะ
เริ่มจากนิยามก่อนว่า มีเงินเท่าไรจึงจะถือว่า “เงินล้น” ดร.ก้องเกียรติเล่าว่ากูรูลงทุนจากต่างประเทศแบ่งปันความเห็นไว้ว่า มีเงิน 200 ล้านบาท สามารถอยู่ได้อย่างสบาย(มากๆ) ไปตลอดชีวิต แต่เงินในส่วนที่เกิน 200 ล้านบาท ต้องคิดว่าจะเอาไปทำอะไร
ดังนั้น เกิน 200 ล้านบาทจึงเป็น “เงินล้น”
ที่ต้องวางแผนดูแลจัดการ เนื่องจากอาจเกิดผลตอบแทนที่สามารถนำไปทำประโยชน์อื่นๆได้ด้วย
เราคุยกันถึงช่องทางการลงทุนแบบปกติที่น่าสนใจในปีหน้าซึ่งรวมถึงหุ้นทุน ซึ่งเชื่อว่าจะดีอย่างต่อเนื่อง และเลยไปถึงการลงทุนในต่างประเทศ หุ้นของหลายๆบริษัทในต่างประเทศมีราคาเปรียบเทียบ “ถูก”อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น หุ้นบริษัทแอปเปิล (AAPL) มีราคาเมื่อเทียบกับกำไรต่อหุ้นที่คาดไว้ของปี 2013 หรือ P/E เพียง 10.9 เท่า หรือหุ้นบริษัทรถซุปเปอร์คาร์ Porche ที่มี P/E เพียง 5.3 เท่า ในขณะที่หุ้นไทยหลายๆบริษัท มีค่า P/E สูงถึง 28-30 เท่า
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนที่น่าสนใจ ที่สามารถใช้งานได้ และเมื่อถึงเวลาขายออกไปยังมีโอกาสได้กำไร เช่น อสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน การลงทุนในของสะสมมีค่า เช่น นาฬิกา เพชร พลอย ภาพเขียน พรมเปอร์เซีย และไวน์ เป็นต้น
โดยการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนาฬิกา ต้องเลือกยี่ห้อ และเลือกรุ่นที่ผลิตออกมาในจำนวนจำกัด ยกตัวอย่างนาฬิกา Patek Philippe Ref: 1527 ผลิตในปี 1943 ประมาณช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ราคาที่ประมูลจากคริสตี้ส์ เท่ากับ 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 174 ล้านบาท เป็นต้น
เพชร ต้องซื้อที่มีใบรับรอง และหากเป็นขนาดใหญ่ สีสันแปลกๆ หายาก ก็จะยิ่งมีราคาสูง เพชร Archduke Joseph Diamond ขนาด 76.02 กะรัต เป็นสีเกรด D ไม่มีตำหนิใดๆ Type IIa ราคาที่ประมูลไปจากคริสตี้ส์ 21.48 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 655 ล้านบาท
ภาพเขียน ต้องเลือกศิลปินที่มีชื่อดัง หรือหากชื่อยังไม่ดัง ก็ต้องดูศักยภาพและแนวโน้มที่จะดังด้วย
สำหรับพรมนั้น ดร.ก้องเกียรติเน้นย้ำว่าต้องเป็นพรมเปอร์เซียที่ทำด้วยมือของอิหร่านเท่านั้น พรมของประเทศอื่นแม้จะมีคุณภาพดี แต่สำหรับนักสะสมแล้ว ไม่นิยมค่ะ
ของสะสมเหล่านี้ ผู้ที่คิดจะสะสม ต้องดูเป็น ต้องศึกษา เพราะเนื่องจากเป็นของที่มีราคาแพง บางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก จึงมีคนพยายามทำเลียนแบบกันพอสมควร ถ้าดูไม่เป็น อาจจะพบของเลียนแบบ ซึ่งจะแทบไม่มีค่าอะไรมากนัก
การลงทุนในไวน์ ในปัจจุบันมีความสะดวกเพิ่มขึ้น เพราะมีกองทุนรวมไวน์ให้ลงทุนแล้วในต่างประเทศ ดร.ก้องเกียรติยกตัวอย่างราคาต่อขวดของไวน์เปตรุส (Petrus) ในปี 2007 ราคาประมาณ 1,600 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 56,000 บาทต่อขวด (คิดอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) ปัจจุบันมีราคา เกือบ 3,000 เหรียญหรือประมาณ 91,500 บาทต่อขวด
อสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนราคาแทบจะไม่เคยตก อาจจะขึ้นในอัตราที่ช้าลง หรือในช่วงที่ร้อนแรงก็เพิ่มขึ้นในอัตราสูง ดร.ก้องเกียรติยกตัวอย่าง Harcourt House ซึ่งเป็นอาคารในย่าน Cavendish Square ตั้งอยู่ในโซน W1 ของ London ซึ่งเป็นโซนกลางเมือง ราคาขาย 951 ปอนด์ต่อตารางฟุต หรือ 8,559 ปอนด์ (ประมาณ 428,000 บาทต่อตารางเมตร)
อีกอาคารหนึ่งคือ W Hotel โรงแรมในเครือสตาร์วู้ด ที่ Leicester Square โซน W1 ของลอนดอนเช่นกัน ราคาที่มีผู้ซื้อไปเท่ากับ 1,000 ปอนด์ต่อตารางฟุต (ประมาณ 450,000 บาทต่อตารางเมตร)
ตึกที่แพงมากๆแต่มีสถานที่ตั้งสุดยอดคือ 1/1 A Old Bond Street อยู่หัวมุมถนน ราคาขาย 21.5 ล้านปอนด์ คิดเป็น ต่อตารางเมตรเท่ากับ 4,517 ปอนด์ หรือประมาณ 2.03 ล้านบาท!!!!
สำหรับที่อยู่อาศัย ต้องแล้วแต่ว่าอยู่ย่านไหน และเป็นการซื้อขาด (Freehold) หรือเซ้ง(Leasehold) ด้วย ส่วนใหญ่การเซ้งก็จะมีระยะเวลา นาน 90 ปี หรือมีอยู่ชิ้นหนึ่ง เซ้ง 999 ปี ซึ่งหากยาวขนาดนั้น ราคาก็เสมือนหนึ่งซื้อขาดแล้วค่ะ
การลงทุนทางเลือกอื่นๆยังมีอีกหลายประเภท เช่น ทองคำ และโลหะมีค่าอื่น ของสะสมอื่นๆ เรือยอร์ช ทีมกีฬา กองทุนบริหารความเสี่ยง หรือ Hedged Funds ฯลฯ
ข้อดีของการลงทุนทางเลือกคือ ทำให้พอร์ตการลงทุนของท่านมีการกระจายการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากสินทรัพย์เหล่านี้มีราคาเคลื่อนไหวไม่เหมือนตลาดหุ้นหรือตลาดตราสารหนี้ และเนื่องจากมูลค่าที่แท้จริงหายาก จึงมีโอกาสในการทำกำไรพิเศษ
แต่ข้อเสียก็มีค่ะ คือสภาพคล่องต่ำ และเนื่องจากมูลค่าที่แท้จริงหายาก จึงมีโอกาสในการขาดทุนมากๆได้ด้วย
ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษา McKinsey บอกว่า ณ สิ้นปี 2554 พอร์ตของผู้ลงทุนสถาบัน มีการลงทุนทางเลือกในสัดส่วน 16% ของพอร์ต และผู้ลงทุนบุคคล มีการลงทุนทางเลือกเป็นสัดส่วนประมาณ 9% ของพอร์ต โดยการลงทุนทางเลือกในสหรัฐอเมริกาในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 21%ต่อปี
ประเภทของการลงทุนทางเลือกที่เป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกาคือ ทองคำ รองลงมาเป็นอสังหาริมทรัพย์ ส่วนในยุโรปนั้น นิยมอสังหาริมทรัพย์มากเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยการลงทุนในกองทุนแบบผสมผสานที่สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนไปในสินทรัพย์ประเภทต่างๆได้อย่างคล่องตัวที่เรียกว่า Multi-strategy Funds ค่ะ
ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุขมากๆ มีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี และมีสุขภาพการเงินที่ยอดเยี่ยม ตลอดปีใหม่ 2556 และตลอดไป
พบกันใหม่ปีหน้าค่ะ