รถคันแรกขอคืนภาษี 9 แสนคันวงเงิน 8 หมื่นล.
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 17, 2012 8:36 am
การเงิน - การลงทุน
วันที่ 17 ธันวาคม 2555 07:54
รถคันแรกขอคืนภาษี9แสนคันวงเงิน8หมื่นล.
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นโยบายรถยนต์คันแรกทะลัก ยอดขอคืนทะลุ 900,000 คัน งบคืนเงินกว่า 80,000 ล้านบาท สรรพสามิตยันเปิดยื่นถึงวันสุดท้าย รัฐพร้อมจัดงบประมาณ
กระแสความสนใจในโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาส 3-4 โดยยอดคนขอใช้สิทธิที่ยื่นกับกรมสรรพสามิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กรมสรรพสามิตประเมินว่าจากความสนใจที่ยื่นขอเข้ามาในช่วงปลายปี คาดว่าจะมีประชาชนที่สนใจยื่นขอคืนเงินไม่ต่ำกว่า 900,000 คัน คิดเป็นวงเงินที่ต้องคืนกว่า 80,000 ล้านบาท
โครงการรถยนต์คันแรก เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ให้โอกาสคนที่ไม่เคยเป็นเจ้าของรถยนต์ สามารถซื้อรถยนต์นั่ง ขนาดไม่เกิน 1500 ซีซี และรถกระบะ ไม่จำกัดขนาดเครื่องยนต์ โดยจะได้รับคืนภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคันละ 1 แสนบาท แต่มีเงื่อนไขว่า เจ้าของรถยนต์คันนั้น จะต้องถือครองรถยนต์คันนั้น โดยห้ามเปลี่ยนมือ ไม่น้อยกว่า 5 ปี ทั้งนี้รัฐบาลจะคืนเงินภาษีให้กับเจ้าของรถภายใน 1 ปี นับจากวันที่รถคันนั้นได้จดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่ารายได้กรมสรรพสามิตจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 4.1 แสนล้านบาท แม้จะมีการคืนเงินตามนโยบายรถคันแรก
"เพียง 2 เดือน ภาษีเราเก็บได้เพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 5 พันล้านบาท ทำให้สองเดือนแรกเราเกินเป้าหมายแล้ว 1.05 หมื่นล้านบาท ส่วนทั้งปีเราประเมินว่า จะเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะภาวะเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยภาษีรถยนต์จะเป็นหนึ่งในภาษีหลัก ที่เราน่าจะเก็บได้เพิ่ม ส่วนปีถัดไปยอดภาษีรถยนต์จะหายไปหรือไม่นั้น เราเชื่อว่าไม่น่าจะหายไป เพราะตลาดรถยนต์ขนาดเล็กกับขนาดใหญ่เป็นคนละตลาดกัน" นายสมชายกล่าว
ขณะนี้ ยอดขอเงินคืนเริ่มมีเข้ามามากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะใกล้ปิดตัวโครงการ และช่วงสิ้นปีจะเป็นช่วงวันหยุด ก็อาจจะมีผู้ขอใช้สิทธิ์ไม่ต้องการมาดำเนินการขอใช้สิทธิ์ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่กรมฯก็ได้เตรียมพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอใช้สิทธิ์ จนถึงสิ้นปี กรมฯจะเปิดให้ผู้ใช้สิทธิ์เข้ายื่นเอกสารต่อสรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศตั้งแต่เวลา 7.00 น.-22.00 น.
สำหรับเงินงบประมาณที่จะใช้คืนในโครงการดังกล่าวนั้น ก็ขอให้ผู้ใช้สิทธิ์ไม่ต้องกังวล เพราะกระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการตั้งงบประมาณ เพื่อทยอยคืนแก่ผู้ขอใช้สิทธิ์ทุกคน
"ไม่ห่วงเรื่องดีมานด์เทียมที่อาจจะเกิดขึ้นในโครงการนี้ เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องได้แจ้งหลักการและเงื่อนไขให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบโดยทั่วกัน โดยในส่วนของบริษัทไฟแนนซ์และประกันภัย ก็ต้องเตรียมการ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของตัวเองไว้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว"
http://bit.ly/TVowNn
วันที่ 17 ธันวาคม 2555 07:54
รถคันแรกขอคืนภาษี9แสนคันวงเงิน8หมื่นล.
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นโยบายรถยนต์คันแรกทะลัก ยอดขอคืนทะลุ 900,000 คัน งบคืนเงินกว่า 80,000 ล้านบาท สรรพสามิตยันเปิดยื่นถึงวันสุดท้าย รัฐพร้อมจัดงบประมาณ
กระแสความสนใจในโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาส 3-4 โดยยอดคนขอใช้สิทธิที่ยื่นกับกรมสรรพสามิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กรมสรรพสามิตประเมินว่าจากความสนใจที่ยื่นขอเข้ามาในช่วงปลายปี คาดว่าจะมีประชาชนที่สนใจยื่นขอคืนเงินไม่ต่ำกว่า 900,000 คัน คิดเป็นวงเงินที่ต้องคืนกว่า 80,000 ล้านบาท
โครงการรถยนต์คันแรก เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ให้โอกาสคนที่ไม่เคยเป็นเจ้าของรถยนต์ สามารถซื้อรถยนต์นั่ง ขนาดไม่เกิน 1500 ซีซี และรถกระบะ ไม่จำกัดขนาดเครื่องยนต์ โดยจะได้รับคืนภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคันละ 1 แสนบาท แต่มีเงื่อนไขว่า เจ้าของรถยนต์คันนั้น จะต้องถือครองรถยนต์คันนั้น โดยห้ามเปลี่ยนมือ ไม่น้อยกว่า 5 ปี ทั้งนี้รัฐบาลจะคืนเงินภาษีให้กับเจ้าของรถภายใน 1 ปี นับจากวันที่รถคันนั้นได้จดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่ารายได้กรมสรรพสามิตจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 4.1 แสนล้านบาท แม้จะมีการคืนเงินตามนโยบายรถคันแรก
"เพียง 2 เดือน ภาษีเราเก็บได้เพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 5 พันล้านบาท ทำให้สองเดือนแรกเราเกินเป้าหมายแล้ว 1.05 หมื่นล้านบาท ส่วนทั้งปีเราประเมินว่า จะเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะภาวะเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยภาษีรถยนต์จะเป็นหนึ่งในภาษีหลัก ที่เราน่าจะเก็บได้เพิ่ม ส่วนปีถัดไปยอดภาษีรถยนต์จะหายไปหรือไม่นั้น เราเชื่อว่าไม่น่าจะหายไป เพราะตลาดรถยนต์ขนาดเล็กกับขนาดใหญ่เป็นคนละตลาดกัน" นายสมชายกล่าว
ขณะนี้ ยอดขอเงินคืนเริ่มมีเข้ามามากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะใกล้ปิดตัวโครงการ และช่วงสิ้นปีจะเป็นช่วงวันหยุด ก็อาจจะมีผู้ขอใช้สิทธิ์ไม่ต้องการมาดำเนินการขอใช้สิทธิ์ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่กรมฯก็ได้เตรียมพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอใช้สิทธิ์ จนถึงสิ้นปี กรมฯจะเปิดให้ผู้ใช้สิทธิ์เข้ายื่นเอกสารต่อสรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศตั้งแต่เวลา 7.00 น.-22.00 น.
สำหรับเงินงบประมาณที่จะใช้คืนในโครงการดังกล่าวนั้น ก็ขอให้ผู้ใช้สิทธิ์ไม่ต้องกังวล เพราะกระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการตั้งงบประมาณ เพื่อทยอยคืนแก่ผู้ขอใช้สิทธิ์ทุกคน
"ไม่ห่วงเรื่องดีมานด์เทียมที่อาจจะเกิดขึ้นในโครงการนี้ เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องได้แจ้งหลักการและเงื่อนไขให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบโดยทั่วกัน โดยในส่วนของบริษัทไฟแนนซ์และประกันภัย ก็ต้องเตรียมการ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของตัวเองไว้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว"
http://bit.ly/TVowNn