Thai VI

ผมอยากให้ห้องนี้เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลของหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงๆในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อที่เพื่อนๆในเว็ปจะสามารถสโคปหุ้นที่น่าสนใจในช่วงเวลาต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แทนที่จะไปเช็คแหล่งข่าวต่างๆ ที่มีอยู่กระจัดกระจาย

และเพื่อที่เพื่อนๆจะได้สามารถมีข้อมูลมากพอเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าหุ้นตัวนี้น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน และจะไปศึกษา ล้วงลึกข้อมูลกันต่อหรือไม่ ผมคิดว่าเราน่าจะนำเสนอข้อมูลพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวประมาณนี้ครับ (ส่วนใครมีหัวข้ออะไรเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ ก็สามารถแทรกได้เลยครับ)
1. ชื่อหุ้น
2. แหล่งที่มาของข้อมูล
3. จะเริ่มเติบโตตอนปีไหน
4. จะเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณปีละกี่ %
5. จะเติบโตไปเป็นระยะเวลาประมาณกี่ปี
6. วิธีการที่บริษัทจะใช้ในการเติบโต

ผมเชื่อเหลือเกินว่ากระทู้นี้จะเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์สำหรับนักลงทุนคุณค่าที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโต รวมถึงผู้ที่สนใจเรียนรู้โดยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตและปัจจุบันจากกระทู้นี้ เพื่อนำไปต่อยอด ในการค้นหาหุ้นที่มีคุณภาพในอนาคตได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น

ลองแชร์กันดูนะครับ

ผมขอเปิดที่ตัวแรกก่อนเลยครับ หุ้นที่ผมคิดว่าน่าจะเติบโตแน่ๆ คือ
1. ชื่อหุ้น : GL - Group Lease
2. แหล่งที่มาของข้อมูล : เว็ปไซต์ของทางบริษัท http://www.grouplease.co.th/
3. จะเริ่มเติบโตตอนปีไหน : 2013 เป็นต้นไป
4. จะเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณปีละกี่ % : 30%
5. จะเติบโตไปเป็นระยะเวลาประมาณกี่ปี : 3 ปีเป็นอย่างน้อย
6. วิธีการที่บริษัทจะใช้ในการเติบโต :
บริษัทได้เริ่มขยายฐานไปกัมพูชาตั้งแต่กลางปี 2012 เนื่องจากได้สัญญาผูกขาดการปล่อยสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮอนด้า 5 ปี และตอนนี้ได้เปิดได้ 13 สาขา ซึ่งกิน Market share ในกัมพูชาไปแล้ว 45% และผู้บริหารตั้งเป้าว่าจะเปิดให้ได้ 35 สาขา เพื่อกินส่วนแบ่ง 100% ในปี 2013 (เฉพาะยี่ห้อฮอนด้านะครับ) ทางผู้บริหารคาดว่าบริษัทน่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อที่กัมพูชาได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในประเทศไทยใน 2-3 ปี ดังนั้นบริษัทมีโอกาสสูงมากที่จะเติบโตได้เท่าตัวหรือมากกว่านี้ใน 2-3 ปี คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 30% ต่อปี ในช่วง3ปีถัดจากนี้ทีเดียว

1. ชื่อหุ้น : MALEE มาลี สามพราน
2. แหล่งที่มาของข้อมูล : เว็ปไซต์ของทางบริษัท http://www.malee.co.th/
3. จะเริ่มเติบโตตอนปีไหน : 2012 เป็นต้นไป
4. จะเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณปีละกี่ % : 25%
5. จะเติบโตไปเป็นระยะเวลาประมาณกี่ปี : 3 ปีเป็นอย่างน้อย
6. วิธีการที่บริษัทจะใช้ในการเติบโต :
เพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับ order ที่ทำไม่ทัน
เพิ่มช่องทางการจำหน่าย modern trade ห้าง
เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

ผมคิดว่าน่าจะเปลี่ยนหัวข้อเป็น
"บริษัทที่เชื่อว่าน่าจะเติบโตอย่างมหาศาล" จะดีกว่าไหม

เพราะผมยังเชื่อในหลักการของ VI ที่ต้องซื้อหุ้นในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป
การลงทุนในบริษัทที่ยอดเยี่ยม อาจไม่ได้ผลตอบแทนที่เยี่ยมยอดก็ได้ หากเราซื้อมาในราคาที่มันเกิน Fair Value ไปมากๆ

กระทู้ลักษณะนี้จะเหมาะสมหรอครับ เหมือนเชียร์หุ้น คนไม่มีวิจารณญาณมาลอกโพยเดี๋ยวก็ดราม่าอีก ท้ายสุดก็เข้าข่ายหุ้นรายตัว ไปห้องร้อยคนร้อยหุ้นเหมือนเดิมดีกว่า ทางเวปก็จัดสรรให้เป็นสัดส่วนดีแล้ว

Saran เขียน:ผมคิดว่าน่าจะเปลี่ยนหัวข้อเป็น
"บริษัทที่เชื่อว่าน่าจะเติบโตอย่างมหาศาล" จะดีกว่าไหม

เพราะผมยังเชื่อในหลักการของ VI ที่ต้องซื้อหุ้นในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป
การลงทุนในบริษัทที่ยอดเยี่ยม อาจไม่ได้ผลตอบแทนที่เยี่ยมยอดก็ได้ หากเราซื้อมาในราคาที่มันเกิน Fair Value ไปมากๆ

ครับผม ตัวผมเองก็เชื่อในหลักการของ VI ที่ต้องซื้อหุ้นโดยมี MOS ที่มากพอ 100% ครับ
กระทู้นี้เองไม่ได้ต้องการชักนำหรือชี้นำให้คนซื้อหุ้นเหล่านี้ เพียงแต่เพื่อให้สะดวกต่อการ scope หาหุ้นที่มีอยู่มากมาย มาดูเพียงหุ้นที่มีการเติบโตที่โดดเด่น แล้วค่อยมาวิเคราะห์ต่อว่าราคา ณ ปัจจุบัน มีราคาต่ำกว่ามูลค่าหรือไม่

คุณ Saran คิดเห็นอย่างไรครับ

วรันศ์ บัฟเฟต เขียน:กระทู้ลักษณะนี้จะเหมาะสมหรอครับ เหมือนเชียร์หุ้น คนไม่มีวิจารณญาณมาลอกโพยเดี๋ยวก็ดราม่าอีก ท้ายสุดก็เข้าข่ายหุ้นรายตัว ไปห้องร้อยคนร้อยหุ้นเหมือนเดิมดีกว่า ทางเวปก็จัดสรรให้เป็นสัดส่วนดีแล้ว

อย่างที่ตอบ reply ของคุณ Saran ไปนะครับ จุดประสงค์ที่แท้จริงไม่ได้ต้องการให้มาลอกหุ้น แต่ต้องการให้ไปศึกษาและวิเคราะห์ต่อครับ

และก็อย่างที่เขียนไว้ที่หัวกระทู้ครับ ว่ามันจะสะดวกกว่ามั้ยที่จะสามารถค้นหาหุ้นที่สนใจให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปเจาะลึกดูทีละตัวในร้อยคนร้อยหุ้น

ไม่ทราบว่าคุณ วรันศ์ บัฟเฟต คิดเห็นอย่างไรครับ

เสียวโดนอุ้มกระทู้
กระทู้อย่างนี้ผมชอบนะ เพราะยังเข้าร้อยคนร้อยหุ้นไม่ได้

ผมก็เข้าใจคนตั้งกระทู้นะ แต่กระทู้แบบนี้มันก็ดาบสองคมครับ

เอาง่าย ๆ แล้วกัน ถ้าหุ้นที่ผมเอามาแชร์ด้วย ผมซื้อไว้เต็มที่แล้ว ถือว่าผมมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่

ในทางกลับกัน ถ้าเป็นหุ้นที่ผมยังไม่ได้ซื้อเลย ผมมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่

แล้วคนที่เข้ามาอ่านจะรู้ได้ไงว่า ผมซื้อหุ้นนั้นไว้แล้วหรือไม่ครับ

leky เขียน:ผมก็เข้าใจคนตั้งกระทู้นะ แต่กระทู้แบบนี้มันก็ดาบสองคมครับ

เอาง่าย ๆ แล้วกัน ถ้าหุ้นที่ผมเอามาแชร์ด้วย ผมซื้อไว้เต็มที่แล้ว ถือว่าผมมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่

ในทางกลับกัน ถ้าเป็นหุ้นที่ผมยังไม่ได้ซื้อเลย ผมมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่

แล้วคนที่เข้ามาอ่านจะรู้ได้ไงว่า ผมซื้อหุ้นนั้นไว้แล้วหรือไม่ครับ

ตอบคุณ hopezz ตามที่คุณ leky เขียนเลยครับ (ขออนุญาตขโมยความเห็นนะครับ ตอบได้ตรงประเด็น) เห็นปกติคุณ hopezz ก็โพสต์อัพเดทเรื่องต่างๆในห้อง GL อยู่แล้ว ผมว่าไม่จำเป็นต้องมาตั้งกระทู้ใหม่หรอกครับ ประเด็นก่อให้เกิดดราม่ามีให้เห็นมาหลายรอบแล้วจากกระทู้แบบนี้ ยิ่งอยู่ในห้อง value investing เดี๋ยวก็มีบุคคลส่อหาเรื่องบางประเภทมาตีตราว่าหุ้นตัวนี้ VI เชียร์และพอไม่ดี กลายเป็นทมิฬอีก

กระทู้แบบนี้ คนโพสต์เสนอข้อมูลหุ้นต้องมีใจเปิดกว้างรับความเห็นนะครับ และเพื่อนๆช่วยกันซักถาม ช่วยกันหาช่องโหว่

ถ้าเป็นแบบนี้ สมาชิกที่คนก็จะได้ประโยชน์มาก ไม่ว่าจะเป็นคนเสนอหุ้น คนทักท้วง และผู้ที่เข้ามาอ่าน

แต่ถ้ามีแต่การเสนอ ไม่มีใครซักถาม

หรือ พอมีคนซักถาม คนเสนอโกรธ

คงไม่มีประโยชน์

เปลี่ยนจากหุ้นตัวไหน เป็นธุรกิจไหน
จะดีไหมคับ

ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้ตั้งกระทู้ต้องการให้เป็น เป็นสิ่งดีครับ
แต่หัวข้อคำถามที่ตั้งมามันออกจะผิดกับความตั้งใจ
ไปหนะครับ

เติบโตปีไหน ปีละกี่เปอร์เซนต์ เติบโตไปอีกกี่ปี

มันออกจะดูฟันธง!! มากเกินไปนะครับ แค่ให้รายละเอียด
ว่า "ทำไมถึงคิดว่าจะเติบโต" แค่นั้นก็ ok แล้วครับ...^^)

ผมว่าคำถามลักษณะนี้ สมควรจะใช้เพื่อสอบถามกันเอง และจะได้แลกเปลี่ยน (discuss or debate) กันด้วย
การโพสท์ในกระดานสาธารณะ ผมว่ามีโอกาสก่อให้เกิดปัญหาระหว่างสมาชิกได้ง่าย
อีกอย่างหุ้นที่เห็นว่าจะเติบโตวันนี้ อีก 3 ปีอาจเป็นหนังคนละม้วนก็ได้
เคยมีหุ้นตัวหนึ่ง เติบโตมาตลอด 3-4 ปี จากหลักร้อยล้านเป็นหลักพันล้าน ผบ เลยตั้งเป้าจากพันล้านเศษ เป็นหมื่นล้านใน 5 ปี
ปรากฏปีแรกไม่เติบโตตามคาด ปีต่อมาตั้งเป้าโตปีละ 10% เป็นต้น
อีกอย่างรายได้มาหรือไม่ก็ได้ แต่กำไรไม่ได้มาตามก็ย่อมเกิดได้เช่นกัน
2 ตัวที่ยกมาเช่น gl และ malee ว่าจะเติบโตดี ผมว่าความเสี่ยงก็มีนะครับ ไม่สมควรมองข้าม

ผมว่าถ้าจะโพสแบบนี้อันตรายครับ ควรโพสให้หมดครับจึงจะถูกต้อง

3. จะเริ่มเติบโตตอนปีไหน แสดงว่าต้องรู้ด้วยว่าจะร่วงลงปีไหน
4. จะเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณปีละกี่ % จะไม่เติบโตปีละกี่%
5. จะเติบโตไปเป็นระยะเวลาประมาณกี่ปี ไม่เติบโตไปอีกกี่ปี
6. วิธีการที่บริษัทจะใช้ในการเติบโต ความผิดพลาดที่บริษัทใช้กลยุทธ์ในการเติบโต ??

ทั้งหมดที่ผมว่ามันคือความเสี่ยง ซึ่งเราไม่ควรโพสด้านเดียว แบบนี้คล้ายว่าถ้าเราอยากให้หุ้นที่เราถือขึ้นเราก็โพสเลย แถมแต่ละข้อมีที่มาแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ support ด้วย สำหรับคนที่ไม่ได้ไตร่ตรอง ไม่มีความรู้ แล้วดู ซื้อตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามมา คงไม่มีใครรับผิดชอบแน่ ๆ จริงไหมครับ

เพราะว่าเงินของท่าน ท่านต้องตัดสินใจเอง เราไม่รับผิดชอบ เราเพียงแค่ให้ข้อมูลเฉย ๆ 55++
การลงทุนมีความเสียง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

เกรงว่า มาฟันธง กันแบบนี้ ว่าจะโตประมาณเท่าไหร่ อีกประมาณกี่ปี ถึงมีเหตุผลสนับสนุน มันก็มีแนวโน้มเข้าข่ายเชียร์หุ้นอยู่ดีนะครับ
ถึงแม้คนส่วนมากที่เข้ามาอ่านจะรู้อยู่แล้วว่า เป็นความคิดเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จ แต่มันก็แหม่งๆ อยู่ดีนะครับในความคิดผม

เชียร์ให้ไป ร้อยคนร้อยหุ้นอีกเสียงครับ

เป็นกระทู้ที่ดีนะครับ แต่ถ้ามองอีกมุมก็น่ากลัวว่าจะเป็นพื้นที่ให้มีการเชียร์หุ้นที่ตัวเองถืออยู่

อ่อ จะดีกว่านี้อีกครับถ้าจะมีการพูดถึง downside บ้างเช่น ความเสี่ยงต่างๆ

มันน่าจะถูกเรียกว่า "Infinity Upside" นะครับ
เช่น
- Coca-Cola ก่อนจะออกมาทำตลาดนอกอเมริกา
- Apple ก่อนที่เค้าจะผลิตมือถือออกขาย
- Kamart ตั้งแต่ยุคยังทำเครื่องใช้ไฟฟ้า
- Jas ตั้งแต่ก่อนจะมาทำ 3BB

โจทย์จึงพุ่งไปที่ business model, Product Innovation
และ การตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

เช่น...
- วันนึง Nokia อาจกลับมาเป็นเจ้าตลาด Smart phone
- วันนึง tta อาจเป็นเจ้าของเรือขุดเจาะน้ำมัน หรือเรือบรรทุก LNG
- วันนึง ห้างเซ็นทรัล อาจจะดังที่สุดในพม่า
นี่สมมุติทั้งนั้นนะครับ!!!

หรืออะไรก็ตามแต่ ที่มันคือ "อนาคต"
มันอยู่ที่ว่า เราจะมองมันเห็นก่อนคนอื่นหรือไม่ ก็เท่านั้นเอง

ผมชอบไอเดียกระทู้นี้นะ แต่ยังไม่ไอเดียมาแชร์ครับ

เชียร์หุ้นหรือทุบหุ้น มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว หนึ่งโพสต์ที่เกี่ยวกับตัวหุ้น ถ้าไม่ใช่เชียร์ ก็คือทุบ
แต่สำคัญว่าต้องพูดด้วยเหตุผลรองรับ มี fact ที่เชื่อถือได้ และไม่ชี้นำราคา (ซึ่งเป็นระเบียบของเวป)

โพสต์ไปเรื่อย ๆ ประโยชน์ไม่ใช่หุ้นที่เรากำลังเชียร์หรือทุบหรอกครับ มันจะได้สร้างไอเดีย ฝึกฝนคนโพสต์เอง

แค่เป็นไอเดียส่วนตัวนะครับ .. เพื่อกันปัญหาเรื่องการเชียร์หุ้นต่างๆ ลองพูดเป็นอุตสาหกรรมมั้ย แล้วถ้าจะบรรยายว่ามีบริษัทในอุตสาหกรรมนั้น มีการปรับโครงสร้าง, เปลี่ยนแผนธุรกิจ, แตกไลน์ ฯลฯ ก็ว่าไป ไม่ต้องเอ่ยชื้อหุ้น หรือ ชื่อบริษัท .. ถ้าคนจะมาลอกแบบไม่มีความรู้เลย ก็เสียใจด้วยนะ ส่วนถ้าคุณเป็นคนที่คอยเฝ้าหาหุ้นคุณค่า บอกขนาดนี้ไม่รู้ ก (...)

รู้สึกเหมือนตอนเรียนที่พยายามติวเพื่อนแต่ไม่เฉลยอะ ประมาณว่าต้องช่วยตนเองครึ่งหนึ่งด้วยนะ

yakjabon เขียน:แค่เป็นไอเดียส่วนตัวนะครับ .. เพื่อกันปัญหาเรื่องการเชียร์หุ้นต่างๆ ลองพูดเป็นอุตสาหกรรมมั้ย แล้วถ้าจะบรรยายว่ามีบริษัทในอุตสาหกรรมนั้น มีการปรับโครงสร้าง, เปลี่ยนแผนธุรกิจ, แตกไลน์ ฯลฯ ก็ว่าไป ไม่ต้องเอ่ยชื้อหุ้น หรือ ชื่อบริษัท .. ถ้าคนจะมาลอกแบบไม่มีความรู้เลย ก็เสียใจด้วยนะ

อย่างนั้นควรออกกฎห้ามมาบอกใบ้ตัวย่อ ห้ามมาทายชื่อหุ้นด้วยมั้ยครับ
เดี๋ยวมันจะกลายเป็นกระทู้ อะไรเอ่ย? ไป

เข้ามาแชร์ เอาเป็นไอเดียนะครับ เท่าที่สังเกตระยะหลังเวลาไปเที่ยว คนสมัยนี้มักจองโรงแรมทาง online ส่วน website ที่เป็นที่นิยม ตอนนี้เหลือรายใหญ่อยู่ไม่กี่ราย เท่าที่ผมชอบใช้คือ agoda.com กับ booking.com ซึ่งทั้งสอง เป็นบริษัทเดียวกัน ลองจินตนาการกันเองนะครับ มุมมองผม ผมว่าอีกหน่อยจะโตได้อีกมาก ออกแนว global monopoly เลยทีเดียว
ลองศึกษาต่อกันเองนะครับ จะโตจริงไหม ขึ้นอยู่กับการมองแนวโน้มในอนาคตกับ business model ให้ออก โตอย่างยั่งยืนไหม มี DCA หรือเปล่า

The Priceline Group (Nasdaq: PCLN) is a leader in global online hotel reservations, with over 235,000 participating hotels worldwide. The Group is composed of four primary brands - Booking.com, priceline.com, Agoda.com and Rentalcars.com - and several ancillary brands. The Priceline Group provides online travel services in over 180 countries in Europe, North America, South America, the Asia-Pacific region, the Middle East and Africa.

http://ir.priceline.com/

ไม่ได้เชียร์หุ้นตัวนี้นะครับ ธุรกิจดีก็อย่างนึง ราคาเหมาะสมไหมก็ต้องดูกันเอาเอง ที่ผมไม่ค่อยชอบ หลัก ๆ คือหุ้น growth ในอเมริกา ไม่ชอบจ่ายปันผล อันนี้ ผมไม่ค่อยปลื้มเป็นการส่วนตัว ถ้าเลือกได้ ผมชอบหุ้น growth ที่จ่ายปันผลหนัก ๆ

จะดีมากเลยครับ

ถ้ามีการแนะนำถึงความเสี่ยง หรือว่าอะไรเป็นจุดที่ควรสังเกตุ

หากการเกิดขึ้น การเติบโตจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

คู่แข่งของธุรกิจที่เรานำมาโพสเสนอ

จากการรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนๆ ผมคิดว่าจะปรับหัวข้อการนำเสนอให้เป็นไปในแนวทางนี้แทนครับ

1. ชื่อบริษัท
2. แหล่งที่มาของข้อมูล
3. จะเริ่มเติบโตตอนปีไหน
4. วิธีการที่บริษัทจะใช้ในการเติบโต
5. วิเคราะห์ความเสี่ยงของวิธีการนี้

หากใครมีไอเดียอะไร แชร์กันได้เลยครับ ผมจะขอเริ่มแชร์บริษัทที่สองที่ผมมองเห็นถึงการเติบโตของมันนะครับ

1. ชื่อบริษัท : บริษัท เอ็มซีเอส สตีล
2. แหล่งที่มาของข้อมูล : หัวข้อข่าว [ทางที่ประชุมบริษัทอนุมัติให้ดำเนินนโยบายขยายตลาดให้มีศักยภาพมากขึ้น ที่ลงใน www.set.or.th วันที่/เวลา 15 พ.ย. 2555 07:37:00
3. จะเริ่มเติบโตตอนปีไหน : คาดว่าน่าจะเป็น Q4ปีนี้ หรือไม่ก็ต้นปีหน้า
4. วิธีการที่บริษัทจะใช้ในการเติบโต :
ร่วมมือกันกับบริษัทยูโรเทค เอ็นจิเนียริ่ง เพื่อขยายตลาดนอกประเทศญี่ปุ่น เข้าใจว่าน่าจะเน้นหนักที่ออสเตรเลีย แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีประเทศอื่นควบมาด้วยหรือไม่ โดยรับงานประเภท Module (โรงไฟฟ้า แท่นขุดเจาะน้ำมัน สะพาน ฯลฯ) และโอกาสอีกอย่างหนึ่งก็คึอทางบริษัทเองได้ทำการซื้อโรงงานเหล็กในประเทศจีน ซึ่งมีกำลังผลิต 50000 ตัน/ปี และมีท่าเรือของตนเองด้วย
จากข้อมูลเหล่านี้ ผมเชื่อว่าการที่บริษัทมีนโยบายนี้เข้ามา น่าจะทำให้ทางบริษัทเติบโตได้มากพอสมควรในต้นปี 2013-2015 เพราะไม่ต้องหวังรอแค่เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นเพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีต หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ทางผู้บริหารได้ดำเนินการปิดความเสี่ยงเรื่องปริมาณลูกค้าที่จำกัดเฉพาะในญี่ปุ่นไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

5. วิเคราะห์ความเสี่ยงของวิธีการนี้ :
จากที่ไปทำการบ้านมา ผมพบว่า ทางบริษัทยูโรเทคนั้นมีผลประกอบการขาดทุนหลักร้อยล้านบาทมาสองปีติดต่อกันแล้ว เนื่องมาจากต้นทุนสินค้าสูงมาก การที่บริษัทเอ็มซีเอส สตีล จะร่วมมือกับบริษัทยูโรเทค จึงมีความเสี่ยงที่ยูโรเทคจะไม่ชำระหนี้ให้กับบริษัทเอ็มซีเอสหลังจากได้รับสินค้า (เสา/คานเหล็ก รวมถึงเหล็กแผ่นรีดร้อน) ไปแล้ว หากเหตุการณ์ที่ผมคาดการณ์นี้เกิดขึ้น ก็จะเป็นการกระทืบบริษัทให้จมดินลงไปมากกว่าเดิม จากเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นและน้ำท่วมในไทยในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ดูจากนโยบายต่างๆที่ผ่านมาของผู้บริหารชุดนี้ ค่อนข้างที่จะ Conservative มากๆ ทั้งในแง่การตุนเงินสดช่วงวิกฤติ หรือแม้แต่การวิเคราะห์ความเป็นไปได้อยู่นานหลายปีมากก่อนที่จะตัดสินใจร่วมมือกับบริษัทอื่นๆในการขยายตลาด เหล่านี้ก็ทำให้คลายความกังวลใจไปได้ระดับหนึ่ง

ผมขอเข้ามาเชียร์ Google ครับ

ผมเชื่อว่าอีกหน่อย Google จะเป็นเจ้าโลก
- ในไตรมาส 3 smartphone 75% เป็น android
- Google เป็นคำกิริยาที่แปลว่า search หาข้อมูลในเว็บ
- เราดู YouTube กันมากขึ้นเรื่อยๆ และจะมากยิ่งขึ้นไปอีก ตอนนี้เริ่มมีการทำหนัง ทำซีรีย์ เพื่อฉายใน YouTube อย่างเดียวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
- gmail ตอนนี้เป็นบริการ web mail ที่มีคนใช้มากที่สุด 4 ร้อยกว่าล้าน ในขณะที่ hotmail และ yahoo ประมาณ 300 ล้าน
- Chrome เป็น web browser ที่มีคนใช้มากที่สุด 37% ในขณะที่ IE และ Firefox อยู่ที่ 26% และ 23%
- Self drive car เป็นโปรเจ็ค OS สำหรับรถยนต์ที่มีแนวโน้มที่จะทำรายได้ในอนาคตได้จริง
- Google glass เป็นอนาคต ทิศทางของเทคโนโลยีที่กำลังเดินไป ซึ่ง google ล้ำหน้าคู่แข่งรายอิ่นๆ ไปไกลมาก
- วัฒนธรรมองค์กร ที่ถึงกับมี Chief Culture Officer จะทำให้องค์กรไม่เป็นองค์กรที่เป็นสไตล์ one man show ทำให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ได้ เหนือองค์กรอื่น

การลงทุน Google ในจุดนี้เป็นจุดที่ Google ยังไม่ monetize โอกาสต่างๆ ที่ได้วางเอาไว้ ลงทุนเอาไว้มหาศาลจนทำให้ได้ market share ของสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาในข้างต้น ขนาดรายได้เป็นแค่ผลบุญเก่าจาก search engine แต่มีค่าใช้จ่ายที่ได้วาง ได้ทำเอาไว้แล้วกับ product ในอนาคต npm ยังได้ 22% แถม forward p/e ก็แค่ 15 เท่า คิดโอกาสในการเติบโตจากสิ่งที่ได้วางเอาไว้ ถึงแม้จะ monetize ได้ไม่สมความคาดหวัง แต่ที่ p/e 15 เท่า ก็น่าจะพอปลอดภัยในระดับหนึ่ง

ส่วนการคาดการณ์ การเติบโตออกมาเป็นตัวเลขนี่ ผมคงไม่มีความสามารถ ผมชอบซื้อหุ้นที่ถูก หรือสมเหตุผลเมื่อเทียบกับกำไร ณ ปัจจุบัน ให้เดาอนาคตนี่เดาตัวเลขไม่ค่อยออกเหมือนกัน เอาแค่ขอให้ปีหน้าดีกว่าปีนี้ก็พอใจแล้วครับ

ปล มีหุ้นนะครับ ความคิดเห็น bias สุดๆ

ความเสี่ยงหน่อยนะครับ

ด้วยความที่ Google เทพไปหน่อย ซ่าไปทั่ว เลยก่อนศัตรูไว้เยอะมาก ไม่ว่สจะเป็นคู่แข่ง รัฐบาล องค์กรต่างๆ จนโดนกีดกัน ฟ้องร้อง อีรุงตุงนังไปหมด

ช่วยที่ผ่านมาเหมือนจะกระโดดลงไปใน h/w business ซึ่งเป็นตลาดที่โหดมาก อาจจะ drag ผลประกอบการของ Google ไปอีกสักระยะ

คน shift จาก web search ไปที่มือถือ ทำให้งบโฆษณาลดลง cost per click ลดลงเรื่อยๆ ในขณะ ads บนมือถือก็ยังไม่สามารถ ทำรายได้ได้เป็นกอบเป็นกำ

googleยังมีผลิตภัณฑ์อีกอย่างที่กำลังพัฒนาอยู่เกี่ยวกับแว่นตาไฮเทคก็น่าสนใจดีคับ