Thai VI

เถ้าแก่น้อย เล็งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลางปี 56 คาดระดมทุน 600-700 ล้านบาท หวังนำเงินขยายกำลังการผลิต -คลังสินค้า พร้อมตั้งเป้าภายใน 5 ปี ยอดขาย 5 พันล้านบาท ผู้บริหารเผยปีนี้ยอดขาย 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 27% จากปีก่อน 2 พันล้านบาท

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์ มาร์เกตติ้ง จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูป เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในช่วงต้นปีหน้า และคาดว่าจะเข้าซื้อขายได้ในช่วงกลางปี 2556 โดยบริษัทจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นไม่เกิน 300 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 200 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์หุ้น) ละ 10 บาท

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะระดมทุนจำนวน 600-700 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น บริษัทจะนำไปลงทุนขยายกำลังการผลิต สร้างคลังสินค้า มีแผนที่จะสร้าง 2 แห่ง ที่ภาคเหนือ โดยอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นที่ลำพูน หรือกำแพงเพชร และ ภาคใต้ พิจารณาอยู่ว่าจะเป็นระนอง หรือสุราษฎร์ธานี

“เดิมบริษัทมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่หลังจากเจอปัญหาน้ำท่วมทำให้บริษัทมีการชะลอแผนเข้าจดทะเบียนออกไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตัว และบริษัทมองว่าหากเข้าจดทะเบียนแล้วอยากเข้าจดทะเบียนใน SET ไปเลย เพราะในตลาด SET นั้นเป็นตลาดที่นักลงทุนให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน และบริษัทมีขนาดมาร์เกตแคปที่ใหญ่ประมาณ 2 พันล้านบาท และยิ่งอนาคตมี AEC ก็จะทำให้บริษัทมีการเติบโตมากขึ้น” นายอิทธิพัทธ์กล่าว

บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2559 จะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายจะโตประมาณ 27% หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะมีการขยายการส่งออกไปประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และพม่าให้มากขึ้นจากปัจจุบัน จากเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรจำนวนมาก และมีแนวโน้มการเติบโตที่สูง

สำหรับปัจจุบัน บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศจำนวน 27 ประเทศ โดยส่วนใหญ่ในประเทศแถบเอเชีย และมีการส่งออกไปยุโรปบ้างยังไม่มาก สำหรับสัดส่วนยอดขายปัจจุบันส่งออกต่างประเทศ 50% และจำหน่ายในประเทศ 50%

http://www.manager.co.th/stockmarket/Vi ... tReferNo=2&

ผมว่าปััจุบัน ธุรกิจสาหร่ายทอดเนี่ย มันออกแนว red ocean เรียบร้อยแล้วนะครับ
เพราะมีหลายยี่ห้ออกมา แต่เถ้าเเก่น้อยก็ถือว่าเป็นผู้บุกเบิกก่อนที่น่านน้ำจะเป็นสีแดงดังปัจจุบัรครับ

ถึงจะแข่งขันสูง แต่เถ้าแก่น้อยก็น่าจะเป็นผู้เล่นหลักนะครับ เพราะมาก่อน ผู้บริโภครู้จักดี
ปกติไม่ค่อยได้กินสาหร่าย สงสัยต้องไปลองสำรวจตลาดซักหน่อยแล้ว

เคยกินสมัยที่ขายเกาลัดอยู่สะพานใหม่ 555 ไม่นึกว่าได้เดินชนเศรษฐีหมื่นล้านมา

ไปเดินห้างใน สิงค์โปร เจอเค้าวางขายเถ้าแก่น้อยไว้ตรงกลางบันไดเลื่อนเลยครับ (นึกภาพบันไดเลื่อนขึ้นลงไปแนวเดียวกันนะ)
สงสัยคงขายดี

เป็นไอดอลนักธุรกิจของชาวเอเชียรุ่นใหม่คนหนึ่งคับ สินค้าน่าจะโกอินเตอร์ง่ายคับ

มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนสาหร่ายเจ้าอื่น คือ ความเป็น Brand Ambassador ของตัวเจ้าของครับ จริงๆก็ออกแนวคุณตัน อิชิตัน นะครับ (แต่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองเท่าคุณตัน)

ชอบกินสาหร่ายทอดมากๆ เมื่อก่อนเจอแต่แพคซอคพลาสติกเห่ยๆ นิ่มบ้าง กรอบบ้าง

พอมีเถ้าแก่น้อยขายในเซเว่นนี่โคตรแฮปปี้เลย

อยากให้โกอินเตอร์มากๆ

เถ้าแก่น้อยยื่นไฟลิ่งต้นปี 56 หวังเข้าเทรดกลางปี ระดมทุนสร้างคลังสินค้าใหม่

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในต้นปี 56 เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในกลางปี จากเดิมที่มีแผนยื่นไฟลิ่งช่วงปลายปีก่อนแต่เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท จะเพิ่มทุนเป็นไม่เกิน 300 ล้านบาท เงินที่ระดมได้เพื่อนำไปใช้สร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ 2 แห่ง คือ ที่ จ.กำแพงเพชร หรือ จ.ลำพูน และ จ.ระนอง หรือสุราษฎร์ธานี

สำหรับปี 55 ตั้งเป้ามียอดขายที่ 2.5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 2 พันล้านบาท และตั้งเป้าใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 59) จะมียอดขายเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาท
http://www.ryt9.com/s/iq05/1476224

มีความเป็นไปได้มั้ยครับ ว่าจะเหมือนหนอนชีเมโจไต๋ของ Unif vs. Oishi .. ถึงจะมาก่อน พอสักพักมีคนมาทำแข่งที่มีทุนหนากว่า มี network อื่นๆดีกว่าทั้ง logistics และสายผลิตภัณฑ์อื่นที่เกื้อหนุนกันได้ทั้งต้นทุนและโปรโมชั่น .. แล้วเถ้าแก่น้อยจะแพ้ scale ... อาจกลายเป็นสภาพโก๋แก่หรือปาร์ตี้ หรือถูกลืม ??

คิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ

ผมมองว่า ตราบใดที่ช่องทางการกระจายสินค้าของ เถ้าแก่น้อย ไม่ถูกปิดกั้น ตราบนั้นสินค้าตัวนี้ก็ยังขายได้เรื่อย ๆ ครับ

เพราะว่า เถ้าแก่น้อย มี เรื่องราว ของเจ้าของมารองรับแบรนด์ด้วย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และกลายมาเป็น ไอดอล ที่คนรุ่นใหม่อยากจะเป็นให้ได้ เพราะเป็นชีวิตที่จับต้องได้จริง ( เหมือนอย่างคนวัยทำงาน อยากเป็นให้ได้อย่าง คุณตัน )

ในขณะที่ หนอนตัวเขียว เป็นแค่กระแสความน่ารักช่วงสั้น ๆ เท่านั้นครับ

เถ้าแก่น้อยนี่เค้าขายทั่วโลกแล้วนี่ครับ
ตอนนี้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมตัวนึงที่ผมชิมแล้วติดใจคือ
ไวตามิก c150 ขวดสีส้ม ๆ เป็นโสมสกัดอร่อยดี
แต่กินแล้วไม่รู้สึกอะไร วางตู้เดียวกับกาแฟ เอ็มร้อย
มีขายเฉพาะใน 7-11 เคยขาดตลาดไปพักนึง
น่าจะขายดี

เจอกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่เข้ามาสู้ด้วย

ทั้งสิงห์ ทั้งช้าง ... ถึงเถ้าแก่น้อยจะสู้ได้สุดท้ายก็คงสาหัสครับ

wee1 เขียน:เถ้าแก่น้อย เล็งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลางปี 56 คาดระดมทุน 600-700 ล้านบาท หวังนำเงินขยายกำลังการผลิต -คลังสินค้า พร้อมตั้งเป้าภายใน 5 ปี ยอดขาย 5 พันล้านบาท ผู้บริหารเผยปีนี้ยอดขาย 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 27% จากปีก่อน 2 พันล้านบาท

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์ มาร์เกตติ้ง จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูป เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในช่วงต้นปีหน้า และคาดว่าจะเข้าซื้อขายได้ในช่วงกลางปี 2556 โดยบริษัทจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นไม่เกิน 300 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 200 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์หุ้น) ละ 10 บาท

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะระดมทุนจำนวน 600-700 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น บริษัทจะนำไปลงทุนขยายกำลังการผลิต สร้างคลังสินค้า มีแผนที่จะสร้าง 2 แห่ง ที่ภาคเหนือ โดยอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นที่ลำพูน หรือกำแพงเพชร และ ภาคใต้ พิจารณาอยู่ว่าจะเป็นระนอง หรือสุราษฎร์ธานี

“เดิมบริษัทมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่หลังจากเจอปัญหาน้ำท่วมทำให้บริษัทมีการชะลอแผนเข้าจดทะเบียนออกไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตัว และบริษัทมองว่าหากเข้าจดทะเบียนแล้วอยากเข้าจดทะเบียนใน SET ไปเลย เพราะในตลาด SET นั้นเป็นตลาดที่นักลงทุนให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน และบริษัทมีขนาดมาร์เกตแคปที่ใหญ่ประมาณ 2 พันล้านบาท และยิ่งอนาคตมี AEC ก็จะทำให้บริษัทมีการเติบโตมากขึ้น” นายอิทธิพัทธ์กล่าว

บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2559 จะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายจะโตประมาณ 27% หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะมีการขยายการส่งออกไปประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม และพม่าให้มากขึ้นจากปัจจุบัน จากเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรจำนวนมาก และมีแนวโน้มการเติบโตที่สูง

สำหรับปัจจุบัน บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศจำนวน 27 ประเทศ โดยส่วนใหญ่ในประเทศแถบเอเชีย และมีการส่งออกไปยุโรปบ้างยังไม่มาก สำหรับสัดส่วนยอดขายปัจจุบันส่งออกต่างประเทศ 50% และจำหน่ายในประเทศ 50%

http://www.manager.co.th/stockmarket/Vi ... tReferNo=2&

สงสัยว่าคุณต๊อบ เค้าเปลี่ยนนามสกุลแล้วเหรอครับ

เดิมชื่อ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์

เอ หรือว่าคนละคนกัน

http://www.ryt9.com/s/tpd/1521143

คอลัมน์: แช้ต..แช้ต: เปลี่ยนนามสกุล


ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2555 00:00:16 น.
ทราบข่าวมาว่า คุณต๊อบ - อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ เสี่ยหนุ่มแห่งเถ้าแก่น้อย มีการเปลี่ยนนามสกุลเป็น "พีระเดชาพันธ์" ทำให้บรรดาชาวแช้ตสุดแสนจะงงว่า ใช่คุณเถ้าแก่น้อยหรือไม่ แล้วถ้าใช่เกิดอะไรขึ้น หรือว่าคุณต๊อบเถ้าแก่น้อยแอบไปแต่งงาน และเปลี่ยนนามสกุลของแฟนสาว


เมื่อเจอเจ้าตัวก็เลยต้องสอบถามกันให้รู้ความว่าตกลงที่มาที่ไปเป็นอย่างไร เหตุไฉนจึงต้องเปลี่ยนนามสกุล และนามสกุลนี้เป็นของใคร ก็ได้ความมาว่า เป็นการเปลี่ยนนามสกุลเพื่อฮวงจุ้ยที่ดีขึ้นไม่ได้มี การแอบไปแต่งงานหรือเปลี่ยนนามสกุลตาม แฟนสาวอย่างที่สงสัยแต่อย่างไร

ขนาดตอนไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลยังเป็นเศรษฐีหนุ่มน้อยพันล้าน เปลี่ยนนามสกุลเพื่อเสริมฮวงจุ้ยที่ดีขึ้นอย่างนี้ สงสัยอีกไม่นานได้เป็นเศรษฐีหมื่นล้านแหง๋มๆ.

บรรยายใต้ภาพ
อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์

เถ้าแก่น้อยมีขายที่สิงคโปรด้วย ราคาแพงกว่าที่เมืองไทย เกือบสองเท่า
เมื่อไหร่จะเข้าตลาดน้า

Tarzann เขียน:เถ้าแก่น้อยมีขายที่สิงคโปรด้วย ราคาแพงกว่าที่เมืองไทย เกือบสองเท่า
เมื่อไหร่จะเข้าตลาดน้า

ผมไปเจอที่บาหลี อินโดนีเซียด้วยครับ ขายใน Circle K ร้านสะดวกซื้อชื่อดังของเขาละ

สมัครอบรม

สาหร่ายทอดเป็นอาหารแปรรูปที่ผมห้ามลูกไม่ให้ทานเพราะห่วงเรื่องความสะอาดของน้ำมันที่เค้าใช้ เกลือที่เค้าใส่อีกล่ะ เคยหันไปทานอย่างอบกรอบก็รู้สึกเค็มเกิน กินแล้วคอแห้งหิวน้ำมากๆ ผมว่าคนไทยเป็นโรงไตกันเยอะจนล้นโรงพยาบาลก็เพราะทานของแปรรูปต่างๆนี่แหละ.

ของพวกนี้ Profit Margin ดีมั้ยอ่ะครับ

ไปดูวัยรุ่นพันธุ์ล้านแล้วนอนซะ

วันนี้ไปเดินซื้อของที่ Big C เจอสาหร่ายยี่ห้อใหม่ ตรา โดโซะ Dozo ของ BJC

เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา

ศึกสาหร่าย 3 พันล.ดุ สิงห์เพิ่มผลิตเท่าตัวหวังแชร์ 35% ไล่บี้เถ้าแก่น้อยส่วนแบ่ง 60%

สิงห์ควัก 300 ล้านผุดโรงงานสาหร่ายผลิตเท่าตัว อัด 120 ล้าน ชิงแชร์ปีนี้เท่าตัว 35%

กลุ่มสิงห์เดินหน้าชิงส่วนแบ่งตลาดสาหร่าย หวังล้มแชมป์ โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งสาหร่ายมาชิตะ
จาก 15% เป็น 30-35% ขณะที่ผู้นำตลาดอย่างเถ้าแก่น้อยมีส่วนแบ่ง 60% ของตลาดรวมเกือบ 3,000
ล้านบาท รวมทั้งปลายปีนี้โรงงานใหม่จะเสร็จ และทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปัจจุบันกำลังผลิต
เดือนละ 1 แสนกล่อง นั่นหมายความว่ากลุ่มสิงห์จะมีกำลังผลิตที่ขับดันให้ต้องเพิ่มยอดขายมากกว่าเดิมเป็น
เท่าตัวเช่นกัน

จุดอ่อนของเถ้าแก่น้อยผมมองว่าเป็นช่องทางการจัดจำหน่าย ถ้าเกิด วันหนึ่งวางขายที่ 7-11 ไม่ได้ เพราะ cp อาจจะอยากมาทำแข่งด้วย เบียร์สิงห์ก็ได้เปรียบเรื่อง logistics

การทำตลาดต่างประเทศดีที่กระจายความเสี่ยงของธุรกิจออกไป แต่ไม่รู้ว่าพฤติกรรมการบริโภคสาหร่ายของต่างประเทศเป็นยังงัย ส่วนตัวผมช่วงหลังหันมากินยี่ห้อโดโซะ เพราะรู้สึกว่าอร่อยกว่า ได้รสชาติเหมือนสาหร่ายเกาหลีแท้ ๆดี

ถ้าแก่น้อยขยายโรงงานผลิตป๊อบคอร์น
21 สิงหาคม 2557 เวลา 16:04 น.
ต๊อบ เถ้าแก่น้อย ตั้งโรงงานใหม่เพื่อผลิตป๊อปคอร์นขายผ่านร้านสะดวกซื้อในชื่อ "เถ้าแก่ป๊อป" และเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้า

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ต๊อบ เถ้าแก่น้อย ได้นำข้าวโพดคั่วบรรจุซอง แบรนด์ "เถ้าแก่ป๊อป" ที่ลงทุนกว่า 50 ล้านบาท สำหรับขยายการผลิต และเริ่มวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่น มี 2 รสชาติคือ รสคาราเมล และคาราเมลเชดด้าชีส ราคา 20 บาท และจะขยายสู่โมเดิร์นเทรด และช่องทางอื่นๆ เช่น โรงภาพยนตร์

หลังจากเปิดธุรกิจร้านค้าปลีกข้าวโพดคั่วสดแบรนด์ "ต๊อบคอร์น" เมื่อปีที่แล้ว ในร้าน "เถ้าแก่น้อยแลนด์" 6 สาขา โดยสาเหตุที่ขยายธุรกิจสแน็คกลุ่มนี้ เพราะข้าวโพดคั่วบรรจุซอง เป็นตลาดที่เติบโตดีที่สุด เกิน 30% โดยครึ่งปีแรกโต 44% ส่วนปีที่แล้วเติบโต 69% จากมูลค่าตลาดรวมข้าวโพดคั่วบรรจุซองที่ 300 ล้านบาท จากตลาดรวมสแน็กมูลค่า 30,000 ล้านบาท ติดลบ 1% เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี

โดยคาดว่าจะมียอดขายธุรกิจข้าวโพดคั่วบรรจุซอง ในช่วง 1 ปีแรก 100 ล้านบาท และงบการตลาด 15 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้เล่นรายหลัก เช่น โตโร่ นิวยอร์กป๊อปคอร์น ปาร์ตี้ ส่วนเถ้าแก่ป๊อป คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดในปีแรกที่ 15-20%

ส่วนตลาดสาหร่ายปีนี้ คาดว่ามูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งไม่เติบโตมากนัก โดยเถ้าแก่น่อยจะเน้นขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น โดยจะเน้นตลาดเอเชียก่อนเพื่อเป็นเอเชียแบรนด์ใน 5 ปี ก่อนเป็นโกลบอลแบรนด์ใน 10 ปี มียอดขาย 10,000 ล้านบาท และขายมากกว่า 100 ประเทศ


นอกจากนี้ จะใช้งบตลาดรวม 100 ล้านบาท และคาดว่ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 2,800 ล้านบาท เติบโต 10% จากเดิมคาดไว้ที่ 3,000 ล้านบาท มาจากสาหร่าย 85% ข้าวโพดคั่ว 15% โดยมาจากในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% และตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ 50% เท่ากัน ภายใน 3 ปีจากนี้ มีรายได้ที่ 5,000 ล้านบาท

และเตรียมลงทุน 500 ล้านบาท ภายใน 3 ปีนี้ เพื่อสร้างโรงงานใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่มกำลังผลิตอีก จากเดิมมีโรงงานที่ จังหวัดปทุมธานี มูลค่าการผลิต 3,500 ล้านบาทต่อปี เพื่อรองรับตลาดส่งออกและการขยายสินค้าใหม่ รวมทั้งเพื่อรองรับการนำบริษัท

เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 โดยคาดว่าจะระดมทุน 1,000 ล้านบาท และมีมูลค่าตลาด หรือ มาร์เก็ตแคปประมาณ 6,000 ล้านบาท

http://shows.voicetv.co.th/voice-market/114966.html

เข้าตลาดช้าไปครับ พูดเลย
เสียดายแทนคุณต้อบ ถ้าเข้าปีนี้คงได้เงินสดไปก้อนโต จากตลาดกระทิงตอนนี้
และอีกอย่างสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ตอนนี้ กระแสลดลงอย่างน่าใจหาย
สินค้าอื่นจะปั้นให้มันบูม ไม่ง่ายครับ ผมว่าเหนื่อยครับ

กินไปมีแต่น้ำมัน ผงชูรส เกลือ เป็นโทษกับร่างกาย

มุมมองความเห็นส่วนของผมว่าสาขาเถ้าแก่น้อยขาย 25 บาท ซึ่งแพงเทียบกับปลาทาโร่ 20 บาท ซึ่งคนทั่วไปจะเลือกซื้ออย่างอื่นที่ราคา 20 บาทมากกว่า เลยทำให้กระแสสาหร่ายเงียบไป

“เถ้าแก่น้อย” ลุยเทก-ร่วมทุน จ่อผนึกเกาหลีรุกอาหาร RTD
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 สิงหาคม 2557 10:04 น.

“เถ้าแก่น้อย” ชูกลยุทธ์ร่วมทุนพันธมิตรและเทคโวอร์ แผ่อาณาจักรธุรกิจสาหร่ายทอด โฟกัสเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เล็งร่วมทุนกับเกาหลีใต้ รุกอาหารพร้อมรับประทาน

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสาหร่ายทอด “เถ้าแก่น้อย” เปิดเผยว่า นับจากนี้บริษัทฯ มีนโยบายจะขยายธุรกิจด้วยการลงทุนร่วมกับพันธมิตรและการเทคโอเวอร์กิจการที่มีอยู่แล้ว เพื่อการขยายธุรกิจที่รวดเร็วและมีศักยภาพมากกว่าการลงทุน หรือสร้างแบรนด์ตัวเองขึ้นมาซึ่งต้องใช้เวลานานและมีต้นทุนสูงกว่า

“ผมต้องใช้เวลามากในการสร้างและพัฒนาแบรนด์เถ้าแก่น้อยมาจนถึงทุกวันนี้กว่าจะเป็นที่รู้จักในท้องตลาดและได้เป็นเจ้าตลาดสาหร่ายทอดต้องผ่านเวลามานานถึง 10 ปี ในขณะที่การลงทุนแบบร่วมทุนอาจจะง่ายและเห็นผลในเร็วๆ นี้ ส่วนการเทคโอเวอร์คงยังไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในระยะสั้นแต่อนาคตอาจจะเป็นได้”

ปัจจุบัน “เถ้าแก่น้อย” มีบริษัทในเครืออีกแห่งคือ “บริษัท ดร.โทบิ จำกัด” จัดตั้งขึ้นมาได้ประมาณ 3 ปีแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจสแน็กและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งเครื่องดื่มและไม่ใช่เครื่องดื่มเป็นหลัก โดยขณะนี้มีเพียงแบรนด์เดียวคือ “ดร.โทบิ ไวตามิก” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มวิตามินเพื่อสุขภาพที่ไม่มีคาเฟอีน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมลงทุนกับพันธมิตรในประเทศเกาหลีใต้ที่มีการทำธุรกิจอยู่แล้วและมีการเติบโตดีในตลาดอาหารพร้อมรับประทาน โดยคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาเร็วๆ นี้

ล่าสุดจากนโยบายดังกล่าวคือการเป็นพันธมิตรกับ “บริษัท พัฒน์พลัส จำกัด” เจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ “คอลลี่” ที่เป็นเจ้าตลาดเครื่องดื่มคอลลาเจนแบบผง ในขณะที่ “ดร.โทบิ” มีความเชี่ยวชาญในด้านการตลาดและช่องทางจำหน่ายและมีเครื่องดื่มวิตามินแบรนด์ “ไวตามิก” อยู่แล้ว จึงได้มาร่วมมือกันพัฒนาเครื่องดื่มแบรนด์ “คอลลี่ ดร.โทบิ” ลงสู่ตลาดซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มฟังชันนัลดริ้งค์แบบมีคอลลาเจน โดยวางเป้าหมายยอดขายสิ้นปีนี้ไว้ที่ 100 ล้านบาทจากตลาดรวมฟังชันนัลดริงค์ที่มี 4,000 ล้านบาท แต่สัดส่วนของเครื่องดื่มที่มีคอลลาเจนมี 30% จากมูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายที่จะมีเครื่องดื่มใหม่ปีละ 1-2 รายการ

สำหรับเป้าหมายในอนาคตจากนี้ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ที่จะมาจากเครื่องดื่มฟังชันนัลดริ้งค์และเสริมอาหารเท่ากันที่ 50% โดยขณะนี้ยังไม่มีสินค้าเสริมอาหารทำตลาดแต่คาดว่าปีหน้าจะเริ่มทำตลาดได้ โดย บริษัท ดร.โทบิ จำกัด จะเป็นหัวหอกในการรุกตลาดใหม่ๆ ได้ดีกว่าแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของสินค้าสาหร่ายไปแล้ว

นายอิทธิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ตลาดสาหร่ายในเมืองไทยเริ่มที่จะอิ่มตัวแล้วแต่ก็ยังมีโอกาสเติบโตอีกเช่นกันถ้ามีการพัฒนาตลอดเวลาทั้งรสชาติ รูปแบบสินค้า การทำตลาด จากปัจจุบันที่ตลาดรวมมี 3,000 ล้านบาท เติบโตแค่ 5% ต่ำสุดในรอบ 10 ปีก็ว่าได้ โดยแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” มีส่วนแบ่งอันดับหนึ่ง 65% ส่วนอันดับที่สองและสามใกล้ๆ กันมีแช์รวม 20% ที่เหลือเป็นรายย่อย โดยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา “เถ้าแก่น้อย” มีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาทซึ่งเติบโตน้อยมากและคาดว่าทั้งปีนี้รายได้รวมจะอยู่ที่ 2,800 ล้านบาท เติบโต 10%

“บริษัทต้องมีการออกนวัตกรรมสาหร่ายและรสชาติใหม่ๆ ตลอดเวลา นอกจากนั้นก็ต้องมีการขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วยเพื่อขยายฐานตลาดและธุรกิจให้เติบโต โดยเฉพาะการขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น แม้ตอนนี้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยจะมีการจำหน่ายใน 33 ประเทศแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องขยายต่อไปทั้งตลาดประเทศเดิมและประเทศใหม่ๆ โดยยังคงเน้นตลาดเอเชียเป็นหลักก่อนในช่วงนี้ เช่นที่เรามองไว้คือ เกาหลีใต้และญี่ปุ่นซึ่งตลาดมีความแข็งแกร่งมาก แต่ก็เป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจ”

“ตอนนี้เราเป็นอันดับหนึ่งในตลาดสาหร่ายทอดในอาเซียน หรือ รีจินัล แบรนด์ แล้ว เป้าหมายที่ผมวางไว้คือ ภายใน 5 ปีต้องก้าวขึ้นเป็น เอเชีย แบรนด์ ให้ได้ จากนั้นใน 10 ปีต้องมีวางขายกว่า 100 ประเทศทั่วโลกและต้องเป็น โกลบอล แบรนด์ โดยภายใน 5 ปีจากนี้ต้องมีสัดส่วนรายได้เท่ากันระหว่างไทยกับต่างประเทศ ขณะที่ปัจจุบันนี้สัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ 40% ต่างประเทศ 60%”

จบ
http://www.manager.co.th/iBizChannel/Vi ... 0000089042

เห็นที่เซเว่นจัดโปร สาหร่ายบวกโค๊กกะป๋อง 29บาท. ไม่ซื้ออ่ะครับ ผมคนรักสุขภาพ