Thai VI

คือก่อนลงทุนหุ้นไป ก็ว่าดูข้อมูลมากแล้ว และค่อนข้างมั่นใจ ( ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ) แต่เมื่อซื้อเข้าเก็บใน port แล้ว
ราคากลับดิ่งลงจนน่ากลัว ไม่รู้จะทำอย่างไร สับสนวุ่นวายใจมากว่าเราคิดผิดหรือเปล่า จะทำอย่างไรต่อ รบกวน
สอบถามความคิดเห็นพี่ ๆ หน่อยครับ
1. ขายทิ้ง ( เพิ่งจะเข้า ข้อมูลพื้นฐานที่วิเคราะห์ไว้ก็ยังไม่เปลี่ยน )
2. SAP ( กลัวขายแล้วราคาดันขึ้น )
3. ซื้อเพิ่ม ( กลัวเงินจมไปมากกว่านี้ )
4. หรืออยู่เฉย ๆ ไม่ต้องดูกระดานราคาแล้ว ( ปิดหน้าจอไปเลย ) คอยติดตามข่าว story การดำเนิน
ธุรกิจของเขาก็พอ
5. และท่านเคยทน port แดงได้กี่เปอร์เซ็นต์ และ ถือไว้รอนานแค่ไหนครับ

ขอบคุณครับ

ลองตรวจสอบพื้นฐานบริษัทดูอีกรอบ

ดูว่าต้นเหตุที่ทำให้บริษัทกำไรมันทำงานตามปกติหรือไม่ในปัจจุบัน

ในอนาคตอีกหลายๆปีต้นเหตุที่ว่านี้สภาพจะเป็นยังไง

ถ้าคิดว่าไม่ผิดแน่ นี่มันห่านทองคำชัดๆ ก็รอให้ราคานิ่งๆหยุดไหล แล้วก็จัดไปอีก

ถ้าดูไม่ออก ว่าในอนาคตต้นเหตุนี้จะมีสภาพคร่าวๆเป็นอย่างไร ก็ไม่น่าจะซื้อตั้งแต่แรก

แต่ในเมื่อซื้อมาแล้ว การจะคาดเดาว่ามันจะกลับมาตรงราคาที่เราซื้อเมื่อไหร่ไม่มีใครตอบได้

ถ้ามันทำให้สุขภาพจิตเสียนัก ก็ขายซะ ถือว่าเป็นค่าวิชา

เคยโดนติดลบมากสุด 30% ตอนนั้นคัทเลย เนื่องจากซื้อมาด้วยอารมณ์มึนๆอยากรวยเร็ว

สำคัญมากๆเรื่องการนั่งดูแล้วดูอีกว่าธุรกิจมันดีไม่ดียังไงในอนาคต

ราคานี่ดูเป็นเรื่องสุดท้าย ถ้าราคาได้ก็ซื้อ ถ้าไม่ได้ก็เก็บไว้ในรายชื่อ

จากนั้นก็นั่งศึกษาตัวอื่นต่อไป รอไปเรื่อยๆ

ดิ่งลงเท่าไรคับ

ผมเคยซื้อssc 18บาทวิ่งลงไป9บาท แล้วขายไป30กว่าบาทคับ
อีกตัวอย่างซื้อrojna 6.50วิ่งลงไป5บาท แล้วตอนนี้วิ่งกลับมา10บาท
คุณจะเอาอะไรกับราคาหุ้น พื้นฐานที่วิเคราะห์ต้องถามตัวเองว่ามั่นใจแค่ไหนคับ
ราคานี้มันคุ้มไหมกับการซื้อบริษัทที่พื้นฐานแบบนี้
ถ้าดูแต่ราคาหุ้นแบบนักเทคนิคผมก็อาจจะcut loss 10% แล้วผมจะมีโอกาสได้กำไรเยอะๆแบบคนที่เป็นวีไอในเวปนี้ไหมคับ 55555 ล้อเล่นน่ะคับ
สู้ๆคับผม ถือว่าเป็นการฝึกจิตใจตัวเองคับและฝึกการประเมินพื้นฐานของตัวเองคับ

ราคาก็ลงระดับ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ครับ แต่ก็ยังมั่นใจในความสามารถของธุรกิจอยู่
แต่ยอมรับว่าทำให้สุขภาพจิตเสียมาก

ถ้ามั่นใจคงไม่มานั่งโพสถามละมั่งครับ

เป็นผมจะดีใจมากที่คนเมิน ขายทิ้ง หนีตาย จะตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินซื้อเพิ่ม

ทำใจให้สบายดีกว่าถ้ามั่นใจ จริงๆช่วงสี่ปีมานี้ถือว่าเป็นขาขึ้นของตลาดโดยรวม

ถ้าขาขึ้นเรายังหวั่น เกรงว่าถ้าเจอขาลง ซึ่งต้องได้เห็นกันแน่ๆอย่างน้อยๆก็คิดว่าสองครั้งในแต่ละช่วงอายุคน จะไหวมั้ยครับ

สงสัยท่านจะ mos ต่ำ นี่ยังดีนะครับมีเงิน มีกระสุนเหลือ รอราคาหยุดไหลแล้วจัดเพิ่มเลยครับ

(ถ้าวิเคราะห์ซ้ำอย่างถี่ถ้วนแล้วสรุปได้ว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวที่ทำให้ดูเหมือนพื้นฐานเปลี่ยน)

เมื่อก่อนผมเชื่อตามเค้าว่า 100% ในหุ้น พอเจอ panic ที อาว ไม่มีเงินเก็บเพิ่ม ลำบากมาก

อย่าไปหวั่นไหวถ้าเห็นคนอื่นพอร์ตเขียว กำไรงาม ช่วงนี้มันขาขึ้น คนมีดวงจิ้มมั่วๆก็ได้กำไรได้

บางทีเค้าขาดทุนเค้าก็ไม่นั่งบอกเราหรอก

กลับไปนั่งหาข้อมูลในเน็ต ห้องร้อยคนร้อยหุ้น ข่าวผบห หมายเหตุงบการเงิน สับให้ละเอียดเลยครับว่ามีหมกเม็ดอะไรหรือไม่อย่างไร

มีบริษัทนึง ตอนนี้ใครก็ว่าดี (ราคาก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก )ตอนนั้นผมนั่งดูหมายเหตุงบ เจอว่าไปเทคโอเวอร์บริษัทหนึ่งมา ทำธุรกิจคล้ายๆกับที่ตัวเองทำ ผู้ประเมินอิสระบอก 100 บาท แต่ดันไปซื้อจากเค้ามา 170-180 บาท เห็นแบบนี้แล้วถอยดีกว่า

สู้ๆนะครับ

ticker เขียน: 1. ขายทิ้ง ( เพิ่งจะเข้า ข้อมูลพื้นฐานที่วิเคราะห์ไว้ก็ยังไม่เปลี่ยน )
2. SAP ( กลัวขายแล้วราคาดันขึ้น )
3. ซื้อเพิ่ม ( กลัวเงินจมไปมากกว่านี้ )
4. หรืออยู่เฉย ๆ ไม่ต้องดูกระดานราคาแล้ว ( ปิดหน้าจอไปเลย ) คอยติดตามข่าว story การดำเนิน
ธุรกิจของเขาก็พอ
5. และท่านเคยทน port แดงได้กี่เปอร์เซ็นต์ และ ถือไว้รอนานแค่ไหนครับ

1. ถ้าราคาขึ้น จะทำตรงข้ามหรือเปล่า
บางทีสิ่งที่เราวิเคราะห์ก็ไม่ได้เปลี่ยน
แต่เราซื้อแพงไป
2. ถ้ากลัว อย่าทำ มั่นใจค่อยทำ
3. กลับไปอ่านข้อที่ 2.
4. ถ้ามั่นใจ ผมก็คงทำงั้นแหละ แต่ถ้าราคาลงเยอะ
ผมมักจะทำการบ้านเพิ่ม เผื่อมองพลาด
5. เคยลบมากกว่า 50% ตอนนั้นเจอ crisis

ขอบคุณทุกท่านครับ

ticker เขียน: 1. ขายทิ้ง ( เพิ่งจะเข้า ข้อมูลพื้นฐานที่วิเคราะห์ไว้ก็ยังไม่เปลี่ยน )
2. SAP ( กลัวขายแล้วราคาดันขึ้น )
3. ซื้อเพิ่ม ( กลัวเงินจมไปมากกว่านี้ )
4. หรืออยู่เฉย ๆ ไม่ต้องดูกระดานราคาแล้ว ( ปิดหน้าจอไปเลย ) คอยติดตามข่าว story การดำเนิน
ธุรกิจของเขาก็พอ

สำหรับข้อ #1 ถึง #4 นอกจากจะขึ้นอยู่กับบริษัทที่ลงทุนไป
ผมมองว่ามันอยู่ที่ขนาดพอร์ต และการจัดการกับจำนวนเงินที่ลงทุนไปด้วยนะครับ
ตอนที่ผมเริ่มลงทุนตอนพอร์ตจุ๋มจิ่มน่ารัก ก็ไม่กังวลเท่าไรว่ามันจะขึ้นหรือจะตก
แต่พอพอร์ตเริ่มโตมากขึ้น แล้วเราเริ่มไม่แน่ใจในภาวะตลาดด้วย ก็จะเก็บเงินสดไว้ส่วนหนึ่ง
หรือพยายามจัดหุ้นในพอร์ตไม่ให้มีหุ้นเชิงรุกมากนัก ซึ่งช่วยลดความกังวลในใจได้บ้างครับ

ผมอยากรู้ครับว่าตอนซื้อเขามีp/eเท่าไร
และตอนนี้เขามีp/eเท่าไร

ซื้อแล้วทำไมหุ้นลง
1 หุ้นมีคนทำราคา? ราคาหุ้นอิงกับ factor อื่น ที่เกี่ยวข้อง?
2 พื้นฐานที่เรามองว่าดี เป็นพื้นฐานที่จะเกิดในระยะสั้น หรือ ระยะยาว
เรามองระยะยาวว่าจะดี แต่ ระยะสั้นโดยเฉพาะ ผลประกอบการ มีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ระยะสั้นจะแย่?
3 เราให้ MOS ไว้น้อยไปหรือไม่ก่อนเข้าซื้อลงทุน อิงจากอะไร?
4 คดีความฟ้องร้อง?

สรุปว่า กลับไปอ่านให้ละเอียด ตรวจสอบข้อมูลดีพอหรือไม่ บ่อยครั้งเราจะ bias มองข้ามข้อเสีย เห็นแต่ข้อดี
ไปหมด ขนาดข้อเสียที่คนอื่นๆ ตักเตือน ยังมองว่าเป็นข้อดีก็มี การลงทุนควรมองหาข้อเสียให้มากที่สุดแล้วค่อย
พิจารณาลงทุน น่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้บ้าง

ส่วนกรณี มั่นใจจริงๆ ว่าเราเห็น value ที่ซ่อนอยู่ในขณะที่คนอื่นๆ ยังไม่เห็น ในระยะสั้นราคาย่อมผันผวน ให้ใช้
หลักการบริหารความเสี่ยง ทยอยซื้อ หาจุดรับ ดู volumn ประกอบ ให้เก็บตอนตลาดวาย ไม่มีใครสนใจแล้ว
อย่าไปแย่งเก็บของที่เราและใครๆ เห็นป้ายว่าลดราคา เพราะ มันอาจเป็นของโละสต๊อก ที่มูลค่ามันถูกกว่าราคา
ที่เราเข้าไปยื้อแย่งกับคนอื่นๆ

เป็นกำลังใจให้ครับ สู้่ๆๆๆ

ticker เขียน:1. ขายทิ้ง ( เพิ่งจะเข้า ข้อมูลพื้นฐานที่วิเคราะห์ไว้ก็ยังไม่เปลี่ยน )
2. SAP ( กลัวขายแล้วราคาดันขึ้น )
3. ซื้อเพิ่ม ( กลัวเงินจมไปมากกว่านี้ )
4. หรืออยู่เฉย ๆ ไม่ต้องดูกระดานราคาแล้ว ( ปิดหน้าจอไปเลย ) คอยติดตามข่าว story การดำเนิน
ธุรกิจของเขาก็พอ
5. และท่านเคยทน port แดงได้กี่เปอร์เซ็นต์ และ ถือไว้รอนานแค่ไหนครับ

ถ้าผลประกอบการ Q ล่าสุด หรือรอ Q3 ที่จะออกทำได้ดี และพื้นฐานแต่ละข้อที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อตอนนั้นยังเหมือนเดิม ก็แนะนำให้อยู่เฉยๆ ยิ่งถ้าผล Q3 ออกมาดี แถมราคายังดิ่งอีกให้ซื้อเพิ่ม ... ถ้าราคาดิ่งอีกแล้ว Q4 ผลประกอบการออกมาเป็นเท่าตัว (+ ตรวจสอบแล้วผู้บริหารไม่ได้ไซฟ่อน หรือ เมคบีญชีขึ้น) ให้ขายบ้านขายรถมาซื้อกันทีเดียว + บอกผทด้วยจะซื้อเป็นเพื่อน

ยิ่งลงยิ่งศึกษาเพิ่มครับ โดยเน้นในกรณีของ worst case ว่าจะเป็นอย่างไร จะซื้อต่อหรือจะซื้อเพิ่ม ตอนนี้ผมก็โดนอยู่ครับ55

เหตุผลที่ทำให้คิดว่าเราเลือกสิ่งที่มั่นใจยังอยู่หรือป่าวครับ?
พื้นฐานเปลื่ยนไปแล้วหรือ?

ผมจะหา 2 อย่างเนี้ยก่อนละครับ แล้วค่อยตัดสินใจ
ป.ลิง ส่วนตัวไม่กล้าทำ SAP เพราะดูกราฟไม่เป็นเลยจ้า

ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยให้ความคิดเห็นนะครับ เท่าที่สังเกตุการเล่นของตัวเองที่ผ่านมา
นำเอาอารมณ์มาเกี่ยวข้องมากพอสมควร ทั้งที่บาตัวอุตส่าห์ติดตามและศึกษามาก แต่พอมาเจออารมณ์ตลาด
ก็ลืมข้อมูลที่ศึกษามาซะหมด ก็พอสรุปเป็นข้อมูลท่องไว้ในใจ

1. เล่นหุ้นเฝ้ากระดานคือหายนะ ( อารมณ์ กลัว โลภ จะคลอบงำเหตุผล )
2. เล่นหุ้นไม่ศึกษาข้อมูล ไม่ติดตามข่าว คือหายนะ

ผมเข้าตลาดก่อน subprime ไม่นาน มือใหม่มากตอนนั้น

snc ทุน 12.4 บาท ลงไป 3 บาท (ถัวจนเลิกถัว ช้อนหักหลายคัน สุดท้าย ทุนอยู่ที่ 9 บาท)

Thai 39 บาท ลงไป 7 บาท

เป็นช่วงเวลาที่ ทรมาณสุดขีด นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย

ไม่ได้ cut ถือจนหลุด แต่สร้าง รอยแผลไว้ จนเดี๋ยวนี้ ถ้าลงนิดนึงแล้วผมไม่มั่นใจในกิจการ จะ cut ทิ้งก่อน ออกมาตั้งหลัก

"เมื่อหุ้นน่าสนใจ และคุณซื้อมัน แน่นอน จากราคาที่คุณว่าน่าสนใจแล้ว ราคามันสามารถหล่นลงไปได้อีก ผมเคยซื้อหุ้นที่ราคา $12 เหรียญ และราคามันล่วงลงไปเหลือ $2 เหรียญ แต่ที่สุดแล้ว ราคามันก็ขึ้นไปที่ $30 เหรียญ ความจริงข้อหนึ่งก็คือ คุณแค่ไม่รู้ว่า ราคาไหนคือจุดต่ำสุด"
- ปีเตอร์ ลินซ์ -

"When stocks are attractive, you buy them. Sure, they can go lower. I've bought stocks at $12 that went to $2, but then they later went to $30. You just don't know when you can find the bottom."
- Peter Lynch -



*** นำมาจาก FB ของคุณ Prpcm E Class ครับผม

ถ้าคุณมั่นใจว่าบริษัทเป็นกิจการที่ดี
ราคามันเหาะขึ้นฟ้า หรือ ตีลังกาลงเหว
ในที่สุดมันก็จะมายืนที่มูลค่าของมันเองแหละครับ
หากซื้อยังไม่พอก็เป็นโอกาสได้ซื้อเพิ่ม หากพอแล้วก็อยู่เฉยๆ

ย้ำนะครับ คุณมั่นใจว่าบริษัทดีแค่ไหน?
มันก็กลับไปถามคุณอยู่ดี
คนอื่นตัดสินใจให้ไม่ได้ครับ