Thai VI

เป็นที่รู้กันว่าทั้งสองวิธีนี้ไม่ทำให้มูลค่ารวมเปลี่ยนไปแต่อย่างใด แต่ผมยังไม่เข้าใจความแตกต่างของสองวิธีนี้ซักเท่าไหร่ ขอถามคำถามต่อไปนี้นะครับ

1 หุ้นที่เอามาปันผลต้องเป็นหุ้นที่จดทะเบียนแล้วแต่ยังไม่ชำระใช่ไหมครับ

2 การชำระหุ้นจดทะเบียนใหม่ บริษัทต้องจ่ายเงินชำระให้กับใครหรือเปล่า

3 ถ้าต้องมีการชำระทุนจดทะเบียนเพิ่มเติม หรือมีการใช้หุ้นที่ยังไม่ชำระมากขึ้น ทำไมบริษัทไม่เลือกการแตกพาร์แทน เพราะให้ผลเหมือนกัน แถมไม่ต้องเสียอะไรอีกด้วย

ผมมือใหม่ขอรับคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบ

panadius เขียน:เป็นที่รู้กันว่าทั้งสองวิธีนี้ไม่ทำให้มูลค่ารวมเปลี่ยนไปแต่อย่างใด แต่ผมยังไม่เข้าใจความแตกต่างของสองวิธีนี้ซักเท่าไหร่ ขอถามคำถามต่อไปนี้นะครับ

1 หุ้นที่เอามาปันผลต้องเป็นหุ้นที่จดทะเบียนแล้วแต่ยังไม่ชำระใช่ไหมครับ

2 การชำระหุ้นจดทะเบียนใหม่ บริษัทต้องจ่ายเงินชำระให้กับใครหรือเปล่า

3 ถ้าต้องมีการชำระทุนจดทะเบียนเพิ่มเติม หรือมีการใช้หุ้นที่ยังไม่ชำระมากขึ้น ทำไมบริษัทไม่เลือกการแตกพาร์แทน เพราะให้ผลเหมือนกัน แถมไม่ต้องเสียอะไรอีกด้วย

ผมมือใหม่ขอรับคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบ

ตอบคำถามคือ เสียค่าเปลี่ยนแปลงทั้งสองประเภทที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
คือ บริษัทต้องไปจดทะเบียนแก้ไขหนังสือบริคณฑ์ฯของบริษัทครับ

ส่วนเรื่องการเพิ่มทุนด้วยหุ้นปันผล มีเบื้องหลังคือ บริษัทฯต้องการเก็บเงินสดไว้ก่อนเพื่อขยายกิจการ จึงปันผลออกมาเป็นหุ้นแทน ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และเป็นการเพิ่มทุนทางอ้อม (อันหลังนี้ดูจาก CASE HMPRO ที่หลุดจาก MSCI Small เพราะขนาดที่ใหญ่เกินไปแล้ว ขนาดก็ยังไม่ใหญ่จนเข้า MSCI Index ตัวถัดไปได้ จึงต้องปันผลด้วยหุ้นต่อไป และเก็บเงินสดไว้เพื่อขยายกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผมไม่มีหุ้น Hmpro ละน่าเสียดาย)

ส่วนแตกพาร์เบื้องหลังคือเป็นการเพิ่มสภาพคล่องของจำนวนหุ้นในตลาด หรือ Free float นั้นเอง
มองลึกลงไปคือกับดัก ทางการลงทุนด้วย เพราะเมื่อมีข่าวเรื่องแตกพาร์คนก็เห่ลงไปสังคกรรมด้วยเสนอไป
ทุกยุคทุกสมัยเลยล่ะ