Thai VI

เริ่มมีการเทรดหุ้นที่เป็นเอเชียนลิ้งค์กันแล้ว ควรเปิดบอร์ดที่ให้ข้อมูลหุ้นรายตัวแบบร้อยคนร้อยหุ้น ดีไหม ที่มีอยู่ใน การลงทุนต่างประเทศมันดูสับสน หรือเพื่อนๆมีความเห็นอย่างไร ครับ

เห็นด้วยครับ

เห็นด้วยครับผม จะได้แบ่งแยกข้อมูลได้อย่างชัดเจนครับ

ว่าแต่ถ้าเราจะเทรด เราจะเริ่มต้นอย่างไร ต้องทำอย่างไรบ้างรึครับ

เห็นด้วยครับเพราะจะเป็นการกรองหุ้นนที่ดีได้

Agree krab. Study first, invest later.

แห่ซื้อ'ไทยเบฟ-สิงเทล-แอร์เอเชีย' รับอาเซียนลิงก์
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th), Friday, October 19, 2012


เปิดอาเซียนลิงก์ 4 วัน นักลงทุนไทยซื้อ "ไทยเบฟ-สิงเทล-แอร์เอเชีย"สูงสุด หวังได้ประโยชน์จากกระแสอาเซียน ตลาดฯเล็งโรดโชว์ยุโรป-อเมริกา

น.ส.ศิริพร ผลโพธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายการลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศและซื้อขายตราสารหนี้ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ผลจากการเปิดเชื่อมโยงการซื้อขายหุ้นอาเซียน หรืออาเซียนลิงก์ 3 ตลาด คือ ตลาดหุ้นไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.หรือในช่วง 4 วันที่ผ่านมา พบว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ทั้งที่มีการลงทุนต่างประเทศอยู่แล้ว และยังไม่เคยมีการลงทุน โดยหุ้นที่ลูกค้าของบริษัทไปลงทุนมากที่สุด คือไทยเบฟเวอเรจ (THAIBEV) สิงเทล (SINGTEL) ในสิงคโปร์ และแอร์เอเชีย (AIRASIA) ในมาเลเซีย

"นักลงทุนสนใจอาเซียนลิงก์มาก เพราะมองว่าหลังเปิดการเชื่อมโยงตลาดหุ้นในอาเซียนจะปรับขึ้น ซึ่งไทยเบฟในสิงคโปร์ได้รับความสนใจมากสุด เพราะจากข่าวการซื้อกิจการเอฟแอนด์เอ็น ประกอบกับหุ้นในกลุ่มนี้ในไทยได้ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง แต่ไทยเบฟในสิงคโปร์ยังไม่ค่อยขยับ"

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกลูกค้าของบริษัทยังใช้ช่องทางการซื้อขายหุ้นต่างประเทศทางเดิมมากกว่าการใช้ช่องทางผ่านอาเซียนลิงก์ เป็นปกติเพราะเพิ่งจะเปิด แต่เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีนักลงทุนเทรดผ่านอาเซียนลิงก์มากขึ้น ส่วนการลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาไทยนั้น ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง

นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การเปิดอาเซียนลิงก์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนพอสมควร แต่ยังไม่อยากเปิดเผยมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม) เพราะเป็นช่วงแรกเริ่ม โดยอาเซียนลิงก์ทำให้ตลาดหุ้นในอาเซียนได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น โดยกลุ่มที่โดดเด่นและมีมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม)สูงที่สุด คือ แบงก์ สินค้าอุตสหกรรม และเทเลคอม ในส่วนที่เป็นบริษัทมือถือ

สำหรับตลาดหุ้นไทย กลุ่มที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในอาเซียนคือ กลุ่มเคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง โรงพยาบาล น้ำมันและก๊าซ และกลุ่มค้าปลีก ขณะที่มาเลเซียจะเด่นเรื่องแบงก์ ชิปปิ้ง ทำให้มาเสริมซึ่งกันและกันมากกว่าจะมาแข่งขันกัน

แต่หากมองในแง่ศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทย(บจ.) เทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน พบว่าสามารถแข่งขันได้ โดยมีถึง 7 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราส่วนกำไรต่อทุน (ROE) สูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีถึง 5 กลุ่มที่มี ROE สูงที่สุดในอาเซียน คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มีROE ที่ระดับ 18.9% กลุ่มประกันอยู่ที่ 18.3% กลุ่มสื่ออยู่ที่ 52.6% กลุ่มที่อยู่อาศัย 11.8% และกลุ่มค้าปลีก มีROE ที่ระดับ 29.4%

"แต่ละตลาดมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน ไทยจะมีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ขณะที่มาเลยเซีย มีนักลงทุนสถาบันเยอะ ส่วนสิงคโปร์มีหลายประเภท แต่จะเด่นพวกไฮเน็ตเวิร์ค ซึ่งการเปิดอาเซียนลิงก์นอกจากจะทำให้นักลงทุนรายย่อยไทยไปลงทุนหุ้นต่างประเทศได้สะดวก และมีทางเลื่อกการลงทุนมากขึ้น เราจะโรดโชว์เพื่อดึงนักลงทุนสถาบันจากมาเลเซียมาไทยด้วย ขณะที่รายย่อยของมาเลเซียก็สนใจที่จะลงทุนไทย โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เช่น ปตท. เพราะกลุ่มพลังงานในมาเลเซียมีน้อย"

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ มีแนวคิดที่จะชวนบริษัทแต่ละกลุ่มที่อยู่ในอาเซียนลิงก์ไปโรดโชว์ร่วมกันที่สหรัฐและยุโรป แทนที่แต่ละประเทศจะแยกกันไป เช่นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน เป็นต้น เพราะเมื่อรวมกันจะทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น

โหวตให้อีกหนึ่งเสียงครับ

pak เขียน:แห่ซื้อ'ไทยเบฟ-สิงเทล-แอร์เอเชีย' รับอาเซียนลิงก์
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th), Friday, October 19, 2012


เปิดอาเซียนลิงก์ 4 วัน นักลงทุนไทยซื้อ "ไทยเบฟ-สิงเทล-แอร์เอเชีย"สูงสุด หวังได้ประโยชน์จากกระแสอาเซียน ตลาดฯเล็งโรดโชว์ยุโรป-อเมริกา

น.ส.ศิริพร ผลโพธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายการลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศและซื้อขายตราสารหนี้ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ผลจากการเปิดเชื่อมโยงการซื้อขายหุ้นอาเซียน หรืออาเซียนลิงก์ 3 ตลาด คือ ตลาดหุ้นไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.หรือในช่วง 4 วันที่ผ่านมา พบว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ทั้งที่มีการลงทุนต่างประเทศอยู่แล้ว และยังไม่เคยมีการลงทุน โดยหุ้นที่ลูกค้าของบริษัทไปลงทุนมากที่สุด คือไทยเบฟเวอเรจ (THAIBEV) สิงเทล (SINGTEL) ในสิงคโปร์ และแอร์เอเชีย (AIRASIA) ในมาเลเซีย

"นักลงทุนสนใจอาเซียนลิงก์มาก เพราะมองว่าหลังเปิดการเชื่อมโยงตลาดหุ้นในอาเซียนจะปรับขึ้น ซึ่งไทยเบฟในสิงคโปร์ได้รับความสนใจมากสุด เพราะจากข่าวการซื้อกิจการเอฟแอนด์เอ็น ประกอบกับหุ้นในกลุ่มนี้ในไทยได้ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง แต่ไทยเบฟในสิงคโปร์ยังไม่ค่อยขยับ"

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกลูกค้าของบริษัทยังใช้ช่องทางการซื้อขายหุ้นต่างประเทศทางเดิมมากกว่าการใช้ช่องทางผ่านอาเซียนลิงก์ เป็นปกติเพราะเพิ่งจะเปิด แต่เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีนักลงทุนเทรดผ่านอาเซียนลิงก์มากขึ้น ส่วนการลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาไทยนั้น ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง

นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การเปิดอาเซียนลิงก์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนพอสมควร แต่ยังไม่อยากเปิดเผยมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม) เพราะเป็นช่วงแรกเริ่ม โดยอาเซียนลิงก์ทำให้ตลาดหุ้นในอาเซียนได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น โดยกลุ่มที่โดดเด่นและมีมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม)สูงที่สุด คือ แบงก์ สินค้าอุตสหกรรม และเทเลคอม ในส่วนที่เป็นบริษัทมือถือ

สำหรับตลาดหุ้นไทย กลุ่มที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในอาเซียนคือ กลุ่มเคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง โรงพยาบาล น้ำมันและก๊าซ และกลุ่มค้าปลีก ขณะที่มาเลเซียจะเด่นเรื่องแบงก์ ชิปปิ้ง ทำให้มาเสริมซึ่งกันและกันมากกว่าจะมาแข่งขันกัน

แต่หากมองในแง่ศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทย(บจ.) เทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน พบว่าสามารถแข่งขันได้ โดยมีถึง 7 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราส่วนกำไรต่อทุน (ROE) สูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีถึง 5 กลุ่มที่มี ROE สูงที่สุดในอาเซียน คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มีROE ที่ระดับ 18.9% กลุ่มประกันอยู่ที่ 18.3% กลุ่มสื่ออยู่ที่ 52.6% กลุ่มที่อยู่อาศัย 11.8% และกลุ่มค้าปลีก มีROE ที่ระดับ 29.4%

"แต่ละตลาดมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน ไทยจะมีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ขณะที่มาเลยเซีย มีนักลงทุนสถาบันเยอะ ส่วนสิงคโปร์มีหลายประเภท แต่จะเด่นพวกไฮเน็ตเวิร์ค ซึ่งการเปิดอาเซียนลิงก์นอกจากจะทำให้นักลงทุนรายย่อยไทยไปลงทุนหุ้นต่างประเทศได้สะดวก และมีทางเลื่อกการลงทุนมากขึ้น เราจะโรดโชว์เพื่อดึงนักลงทุนสถาบันจากมาเลเซียมาไทยด้วย ขณะที่รายย่อยของมาเลเซียก็สนใจที่จะลงทุนไทย โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เช่น ปตท. เพราะกลุ่มพลังงานในมาเลเซียมีน้อย"

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ มีแนวคิดที่จะชวนบริษัทแต่ละกลุ่มที่อยู่ในอาเซียนลิงก์ไปโรดโชว์ร่วมกันที่สหรัฐและยุโรป แทนที่แต่ละประเทศจะแยกกันไป เช่นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน เป็นต้น เพราะเมื่อรวมกันจะทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น

ที่งงก็คือ
แล้วตกลงรายย่อยซื้อได้ไหม
มีแต่ข่าวว่าคนนั้น คนโน้นซื้อ
เซ็ง

ถ้าเป็นได้จะดีมากๆ เลยครับ
แต่ความจริงก็รวมมาในบอร์ดร้อยคนร้อยหุ้นเลยก็ได้เหมือนกันนะครับ

ยังไม่ครบทุกโบรคเลย
ข้อมูล คงจะต้องรอสักระยะ


น่าจะเปิดห้องหุ้นอาเชียนลิ้งค์ หุ้นรายตัว เฉพาะหุ้นในกลุ่มอีกห้องนะครับ




ตลท.สานโอกาสคนไทย จัดเสวนาเสนอข้อมูลลงทุนหุ้นอาเซียน

ตลท.เปิดตัว ASEAN Trading Link จัดเสวนา “รู้เขารู้เรา...หุ้นเด่นอาเซียน”
สานโอกาสการลงทุนให้กับผู้ลงทุนไทย ด้วยการนำเสนอข้อมูลการลงทุน
ในภูมิภาคอาเซียน โดยมีผู้บริหารจากตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์และมาเลเซีย
ร่วมแสดงข้อมูล...

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การเข้าร่วมโครงการ ASEAN Trading Link ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์อาเซียนสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยการจัดงานเสวนาครั้งนี้ เป็นเวทีสำคัญที่ผู้ลงทุนไทยได้เห็นถึงโอกาสการลงทุนตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียน เป็นการเพิ่มโอกาสการลงทุนให้กับผู้ลงทุน และบริษัทจดทะเบียนไทย รวมถึงเพิ่มโอกาสทางธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์ไทย

“การจัดงานเสวนาครั้งนี้ นอกเหนือจากแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์อาเซียนแล้ว ยังเป็นการสร้างความเข้าใจในการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ทั้งกระบวนการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่าน ASEAN Trading Link สภาพแวดล้อมในการลงทุนและหุ้นเด่นของประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่องให้กับผู้ร่วมตลาดทุนไทย ทั้งบริษัทจดทะเบียนและบริษทหลักทรัพย์ รวมถึงได้นำเสนอศักยภาพตลาดหุ้นไทย และความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย แก่ผู้ลงทุนทั้งในมาเลเซียและสิงคโปร์มาแล้ว” นายจรัมพร กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีบริษัทหลักทรัพย์ไทยที่พร้อมให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่าน ASEAN Trading Link จำนวน 9 แห่ง และภายใน ม.ค. 2556 นี้ จะมีบริษัทหลักทรัพย์ที่เปิดให้บริการเพิ่มเติมอีก 6 แห่ง ได้แก่ บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด รวมทั้งสิ้น 15 แห่ง

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ 9 แห่ง ที่เปิดให้บริการซื้อขาย ASEAN Trading Link
แล้วตั้งแต่ 15 ต.ค. 2555 ได้แก่

บริษัท หลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
บริษัท หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัท หลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด
บริษัท หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
บริษัท หลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) บ
ริษัท หลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท หลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์
บริษัท หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน).



โดย ไทยรัฐออนไลน์
19 ตุลาคม 2555,

วันนี้อีเมล์ไปถามโบรคดู เขาบอกว่ายังไม่ประกาศค่าธรรมเนียมเลย เอ... แล้วคนอื่นที่เขาซื้อขายได้เขาทำไงหว่า...

ดีมากครับ พอดีไม่เก่งภาษาอังกฤษ ก็จะช่วยได้มากกับการหาข้อมูล

เบื๊อก เขียน:วันนี้อีเมล์ไปถามโบรคดู เขาบอกว่ายังไม่ประกาศค่าธรรมเนียมเลย เอ... แล้วคนอื่นที่เขาซื้อขายได้เขาทำไงหว่า...

ค่าธรรมเนียมประมาณ 0.45% รวม vat แล้ว (แต่ละโบรก
จะแตกต่างกันนิดหน่อย ซื้อผ่านเน็ตกับมาร์ ก็แตกต่างกันนิดหน่อย)
แต่ช่วงแรก เขาแนะนำให้ซื้อผ่านมาร์ เพราะมาเลย์ สิงคโปร์
จำนวน lot ของหุ้น ไม่เหมือนของเรา ถ้า key เอง เรายังไม่คุ้น
อาจจะผิดพลาดได้ครับ

เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ
และพอดีอ่านเจอข่าวนี้ ไม่เกี่ยวกันกับหัวข้อเท่าไหร่ แต่น่าสนใจดี

http://www.ryt9.com/s/iq05/1512798

โบรกฯ แนะหุ้นเด่นมาเลย์-สิงคโปร์รับเชื่อมโยงกระดานเทรดอาเซียน
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 19 ตุลาคม 2555 15:32:55 น.
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การเปิดตัว ASEAN Trading Link 3 ประเทศเชื่อมโยงตลาดหุ้นไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมาเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนในแต่ละประเทศที่ทำได้สะดวกมากขึ้น อีกทั้งมองว่าตลาดหุ้นไทยมีจุดเด่นสามารถแข่งขันได้กับตลาดหุ้นมาเลเซีย และสิงคโปร์ เพราะบริษัทจดทะเบียน มีความแข็งเกร่ง ทั้งภาคธุรกิจบริการ อุตสาหกรรม พลังงาน และสถาบันการเงิน

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ หุ้นเด่นในอาเซียน โดยในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ได้แก่ ธุรกิจชอปปิ้งมอลล์ เช่น แคปปิตอลมอลล์,สิ่งพิมพ์ สิงคโปร์เพรสโฮลดิ้ง,ธุรกิจสื่อสาร เช่น สตาร์ฮับ และ กลุ่มธุรกิจอื่นๆ เช่น สิงคโปร์เทคโนโลยีเอ็นจิเนียริ่ง,แคปเปิล คอร์ป,เซมบ์คอร์ป มารีน รวมทั้งหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงิน และบริษัทข้ามชาติ แมนเชจเตอร์ยูไนเต็ด

สำหรับจุดเด่นที่สำคัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ คือหุ้นปันผลสูง โดยบริษัทที่มีพื้นฐานดีในสิงคโปร์ยินดีที่จะจ่ายปันผลสูงถึง 70-80% ของกำไรสุทธิ ส่วนในตลาดหุ้นมาเลเซีย แนะนำหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าเกษตร โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นจุดแข็งของมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม อยากจะให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับการเข้าถึงข้อมูลของโบรกเกอร์ด้วย

นายโกสินทร์ เจือศิริภักดี ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดต่างประเทศ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า หุ้นที่น่าสนใจในอาเซียน แนะนำกลุ่มสถาบันการเงิน สื่อสาร เกษตร เพาะปลูก และ บันเทิง

เริ่มจากตลาดหุ้นสิงคโปร์ แนะนำ ธนาคารดีบีเอส ซึ่งมีความแข็งแกร่งสุดในภูมิภาค ธนาคารโอซีบีซี ธนาคารยูโอบี,กลุ่มสื่อสาร แนะนำ สิงเทล และสตาร์ฮับ ,เพาะปลูก แนะนำ โกลเด้นอะกริ ซึ่งทำปาล์มน้ำมัน โอแลม อินเตอร์ เป็นบริษัทที่ซัพพลายเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ รวมทั้งงา กาแฟโรบัสต้า โกโก้

ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซีย แนะ ธนาคารเมย์แบงก์ ธนาคารซีไอเอ็มบี, กลุ่มสื่อสาร แนะนำ เทเลคอมมาเลย์, กลุ่มเพาะปลูก แนะนำ ไอโอไอคอก

ข้อแตกต่างของตลาดหุ้นมาเลเซียและตลาดหุ้นสิงคโปร์ กับตลาดหุ้นไทย คือ การขึ้นเครื่องหมายต่างๆ เช่น การลดทุนคือการจ่ายเงินคืนให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งขั้นตอนการปฏิบัติงานของแต่ละที่จะไม่เหมือนกัน หรือการจ่ายปันผลอาจจะช้ากว่าตลาดหุ้นบ้านเรา เพราะต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง หรือข้อมูลการซื้อขายที่เป็น real-time เป็นสิ่งที่ต้องเสียเงินค่าบริการ ไม่ใช้บริการฟรีเหมือนตลาดหุ้นไทย

น.ส.ศิริพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายการลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศและซื้อขายตราสารหนี้ บล.ธนชาต กล่าวว่า การลงทุนในบริษัทจดทะเบียนสิงคโปร์ แนะนำกลุ่มบริการด้านสุขภาพ คือ ไบโอเซนเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยาอันดับ 4 ของโลก และกลุ่มบันเทิง ท่องเที่ยว โดยเฉพาะบริษัทที่มีคาสิโนเพราะเป็นธุรกิจที่ทำรายได้เติบโตสูงทุกปี และ กลุ่มเครื่องดื่มแอกอฮอล์ ส่วนในมาเลเซียแนะนำ เทเลคอมมาเลย์ เพราะมีการกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจอื่น เช่น อสังหาริมทรัพย์

--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--

เห็นด้วยครับ

สงสัยต่อไปต้องมีจัดcompany visitไปmalasia&singaporeด้วยก็สนุกดีนะ...อิอิอิ

ผมว่าห้องการลงทุนต่างประเทศเองก็ค่อนข้างไม่ active อยู่แล้วนะครับ
โพสต์ในห้องนั้นเลยน่าจะดีกว่าครับ ถ้าสุดท้าย Hot มากๆ ค่อยจับแยกออกมาครับ