Thai VI

ช่วงประมาณนี้ของปีที่ผ่านมาหลายปี มีคนชอบบอกว่าปีหน้าจะแย่ ปีหน้าเศรษฐกิจจะไม่ดี

ผมยังไม่เห็นมีใครแม่นซะคน

คิดยังไงกับคนที่มาบอกปีหน้าเศรษฐกิจจะแย่ ถ้าไม่แย่เด๋วปีถัดไปก้อแย่

เมื่อกี้คุยกับเพื่อนมันก็ว่าอย่างนี้ละ

ต้องดูเหตุผลของเขา แล้วเราเอามาคิดตามครับ ว่าสมเหตุสมผลไหม

ถ้าสมเหตุสมผล เราก็ต้องระมัดระวังในการลงทุนครับ อาจจะเปลี่ยนไปลงทุนในหุ้น DEF ครับ

ถ้าไม่สมเหตุสมผล ก็ปล่อยผ่านไป

คนมาพูดเยอะๆดีครับ ไม่ว่าดีหรือไม่ดี เราจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ

ผมคิดว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆเลยครับ เพราะนักวิชาการที่มาพูดนั้นหลายคนมีข้อมูลที่ดีมากๆ ที่เราตามเองคงไม่ทัน แล้วเอามารวบรวมกลั่นกลองมาวิเคราะห์เป็นสถานการณ์ในอนาคตให้เราฟัง

ส่วนตัวผมเลยชอบฟังพวกนักวิเคราะห์มาก และก็ทำให้สมัยก่อนก็รู้สึกกลัวๆในการลงทุนในหุ้นเหมือนกัน เพราะกลัวแย่ตามที่นักวิเคราะห์บอกไว้ แต่ท้ายสุดก็ได้หลักการคิดแบบ VI นี่ล่ะครับ ที่ให้เน้นมองที่กิจการเป็นหลัก เพราะคาดเดาง่ายกว่าเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งผมว่าอันนี้ก็จริงเลยครับ

ท้ายคิดว่าฟังไว้ก็ได้ประโยชน์ดีครับ ให้เป็นข้อมูลและอย่าตื่นกลัวมากไปก็พอ

เห็นด้วยกับคุณxaviครับ ไม่ตื่นกลัว เเต่ไม่มั่นใจเกินไป ให้focusที่กิจการเเล้วกลับมามองว่ากิจการเราเสียประโยชน์หรือได้ประโยชน์จากเหตุการณ์เหล่านั้น

ขอยกตัวอย่างวิกฤติยุโรป ใคร "ล้างport"รอ หรือเเม้เเต่น้ำท่วม ถ้าใครล้างport ผมว่าเสียโอกาสมหาศาลเลยครับ

สำหรับการลงทุนเเนวVI ผมคิดว่าคำว่า "ล้างPort" ไม่ควรมีอยู่ในหัว ต่อให้ภาวะเศรฐกิจเเย่เเต่ถ้าธุรกิจของเรายังทำเงินได้ก็ไม่ต้องกลัว

ขอแชร์อีกมุมนะ

เวลามีคนถามนักวิเคราะห์หรือ บลจ. ว่าปีหน้ามอง SET ยังไง

ผมเห็นตอบสูงกว่าปัจจุบันตลอด

เห็นนักวิเคราะห์บอกปีหน้าทะลุ 1400 จุด หลายรายแล้วด้วยครับ

uthai.l เขียน:เห็นนักวิเคราะห์บอกปีหน้าทะลุ 1400 จุด หลายรายแล้วด้วยครับ

จริงเหรอ อย่างนี้ ขายดีกว่า

ประเทศไทยยังไม่ค่อยมีการวัดผลของนักเคราะห์ เหมือนในต่างประเทศครับ ในกรณีนี้การประกาศการคาดคะเนจะมีผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะ ถ้าถูกก็ดัง ผิดเดี๋ยวคนก็ลืมแล้วค่อยคาดใหม่ปีหน้า

ในอเมริกาตามที่ผมเคยเห็น คือเวลามีชื่อนักวิเคราะห์เนี่ยจะมีการให้ดาวคะแนนความน่าเชื่อถือ โดยการคำนวนจากการคาดคะเนในอดีตกับผลลัพท์ที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้นเวลาจะพูดอะไรเค้าจะคิดมากกว่าเดิมครับ เพราะมีผลเสียกับคะแนนความน่าเชื่อถือด้วย

แอบหวังว่าถ้าประเทศไทยมีระบบแบบนี้คงดีนะครับ จะได้เอามา track ทั้งผบห และ นักวิเคราะห์เลย ^.^

ในมุมมองของผมคิดว่า ตอนนี้ เศรษฐกิจยุโรปซบเซา อเมริกาก็ไม่ได้ดี

จึงต้องมีมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ อย่างพวก QE ทั้งหลาย

ซึ่งแน่นอนเมื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบมากๆ จะทำให้เงินเฟ้อตามมา และทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง

ดังนั้นพวกที่ลงทุนในตราสารหนี้ก็จะหาแหล่งตราสารหนี้ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งก็คือแถวๆ เอเชีย

เมื่อเงินดังกล่าวไหลบ่ามาที่เอเชีย จะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง (ไม่ว่าจะด้วย Demand Supply หรือ

มาตรการแบงก์ชาติ ที่สะกัดกั้นไม่ให้เงินตราต่างประเทศไหลเข้ามามากเกิน ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก

ซึ่งขณะนี้ทางแบงก์ชาติเองก็ขาดทุนไปเยอะแล้ว เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง แน่นอนเงินส่วนหนึ่งต้องหันไปหา

ตลาดทุน ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นสูง เกิดฟองสบู่รอบใหม่ แต่คงยังไม่ใช่ 1-2 ปีนี้

เห็นด้วยกับท่าน superboy ได้ยินมาเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะแท๊กซี่ บ่นตลอดแบบนี้ มาหลายสิบปี

ไม่เคยบอกว่าดีเลย

ผมคิดว่าเเล้วเเต่คนครับ คนที่ทำเงินหายากก็บอกว่าไม่ดี คนที่หาเงินง่ายก็บอกว่าดี ดีหรือไม่ดีก็ดูที่ SET นี่หละครับ ถ้าพูดให้ดีหน่อยก็ดู GDP เอาก็ได้ โตละกี่เปอร์เซ็นต์ดีนี่

คำว่าแย่ หมายถึงอะไร บางที่ แย่อาจหมายถึงไม่ได้กำไรเท่าที่คาด หรือขาดทุนไปเลย

แต่ที่สำคัญคือเวลาเศรษฐกิจดี คนพวกนี้ก็จะเงียบเป็นเป่าสาก

ผมเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กลับคำตามผลของตลาดหุ้นปิดในแต่ละวันซะส่วนใหญ่อะครับ เมื่อก่อนเคยโหลดที่โบรกเกอร์วิเคราะห์รายวันส่งอีเมล์มาทุกวัน จนเริ่ม (...) ก็เลยพอเข้าใจว่า นักวิเคราะห์บางทีก็เหมือนหมอดู บางทีวิเคราะห์กลางๆเอาแบบยังไงก็ถูก แต่คนฟังก็รู้สึกว่าแบบ (...) เหมือนไม่ได้เพิ่มความรู้เท่าไหร่

แต่ก็คงไม่ได้เป็นทุกคนนะครับ ผมว่าดีที่สุด คือ ดูว่าเขามีเหตุผลอะไรที่ลึกซึ้งและเป็นข้อมูลใหม่หรือเปล่า ไม่ใช่วันไหนหุ้นตก ตอนเย็นก็มาให้เหตุผลว่าเป็นการกังวลต่อวิกฤตหนี้ยุโรป วันต่อมาหุ้นขึ้นก็บอกตอนนี้สหรัฐเริ่มฟื้นตัวจากนโยบายเศรษฐกิจ (.. อ้าว ผ่านไปแค่วันเดียว แล้ววันนี้พี่ไม่กังวลต่อหนี้ยุโรปแล้วหรอครับ = =!) พอวันต่อมาตกอีกบอกกังวลต่อหนี้ยุโรปอีกแล้ว ... ส่วนตัวผมอยากให้นักวิเคราะห์หนักแน่นในมุมมองของตัวเองและมีหลักการที่มั่นคง + เพิ่มข้อมูลใหม่ๆ (ไม่รีรันเหตุผลเดิม) จะเป็นประโยชน์มากครับ

ตอนนี้เผาหลอก ยังไ่ม่เผาจริง ครับ

torpongpak เขียน:เห็นด้วยกับคุณxaviครับ ไม่ตื่นกลัว เเต่ไม่มั่นใจเกินไป ให้focusที่กิจการเเล้วกลับมามองว่ากิจการเราเสียประโยชน์หรือได้ประโยชน์จากเหตุการณ์เหล่านั้น

ขอยกตัวอย่างวิกฤติยุโรป ใคร "ล้างport"รอ หรือเเม้เเต่น้ำท่วม ถ้าใครล้างport ผมว่าเสียโอกาสมหาศาลเลยครับ

สำหรับการลงทุนเเนวVI ผมคิดว่าคำว่า "ล้างPort" ไม่ควรมีอยู่ในหัว ต่อให้ภาวะเศรฐกิจเเย่เเต่ถ้าธุรกิจของเรายังทำเงินได้ก็ไม่ต้องกลัว

อันนี้เห็นด้วยเป็นอย่างมากครับ เพราะผมล้างมันทั้งสองครั้งยังนึกเสียใจจนถึงวันนี้ครับ

ผมก็ว่า คำว่าแย่ มันแล้วแต่คนจริงๆ มีเพื่อนคนนึงมันก็บ่นๆ ว่าแย่ แต่ก็ออกรถBenzใหม่ เพีียงแต่ว่า ตอนแรกจะออกS Class ก็เปลี่ยนมาออก E Class แทน มันบอกแย่ อะช่วงนี้ ฟังแล้วเซ็งเลย

แย่หรือไม่คาดเดาได้ยาก แต่โอกาศน่าจะมีทุกเวลานะ

คำว่า เศรษฐกิจ วัดจากตรงไหนละครับ
ถ้า gdp มันก็คือค่าเฉลี่ย
ถ้าซาเล้ง เดือนนี้ เก็บของได้เยอะได้ราคาดี ก็เรียกว่าเศรษฐกิจดี
ต่างประเทศร่อแร่ ผู้ส่งออกกมองว่า เศรษฐกิจไม่ดี
รถยนต์ขายดี คนขายรถก็มองว่า เศรษฐกิจดี

ข้อดีของหุ้น คือเราเลือกเศรษฐกิจ ได้

ถ้าเปลี่ยน เศรษฐกิจ ปีหน้าจะดีสุดๆ ผมว่างานนี้สนุกแน่

เงินร้อนทะลักแน่ 'เอชเอสบีซี' ระบุไทยเป็นเป้าหมาย พันธบัตรสกุลบาทให้ผลตอบแทนดี [ โพสต์ทูเดย์, 7 พ.ย. 55 ]

"เอชเอสบีซี" ประเมินมาตรการคิวอี 3 ส่งผลเงินทะลักไทยมาเลเซีย เกาหลีใต้ คาดธนาคาร
แห่งประเทศไทยหั่นดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เพื่อลดความร้อนแรง

นายอองเดร เดอ ซิลวา ผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์วิจัยอัตราดอกเบี้ยตลาดเอเชีย ธนาคารเอชเอส
บีซี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่มาตรการดำเนินนโยบายผ่อนปรนเชิงปริมาณ
(คิวอีรอบที่ 3) ของสหรัฐ จะทำให้มีปริมาณเงินไหลเข้าสู่เอเชียสูงกว่าการทำคิวอีในช่วง 2 ครั้งที่ผ่านมา
เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้มียุโรปมาเกี่ยวข้องด้วย

ปีหน้าเศรษฐกิจจะแย่ ผมเห็นพูดกันทุกปี

ผมได้ยินตั้งแต่ปี '46 ว่าจีนจะฟองสบู่แตกจนบัดนี้ก็ยังได้ยินคนพูดอยู่เช่นกันครับ

โหร 'ก้องเกียรติ' ชี้เป้าดัชนีวิ่งยาว 1,450 จุด [ ข่าวหุ้น, 27 พ.ย. 55 ]

"ก้องเกียรติ" มองหุ้นไทยปี 56 ดัชนีวิ่งขึ้นสนุกสนาน ลากยาวไปไกล 1,450 จุด เติบโต 12%
แนวโน้มการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศหนุนต่อเนื่อง ปีหน้า P/E โต 14 เท่าสมเหตุสมผล หุ้น
สหรัฐฟื้นตัวช่วยหนุนการเมืองในประเทศไม่น่าห่วง