หน้า 1 จากทั้งหมด 1
จะรู้ได้อย่างไรว่า ควรออกจากตลาด ขนเงินกลับบ้านได้แล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 14, 2004 12:23 am
โดย tenkafubu
ถึงพี่ๆ ที่เคยผ่านวิกฤต ปี40 และก้คงมีหลายท่านที่ออกจากตลาด ก่อนที่จะขาดทุน มีหลายท่านที่ได้กำไรและกลับมาลงทุนอีกครั้งหลังวิกฤต
ผมอยากทราบว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าตลาดของเรา Over เกินไปแล้ว
ถ้าที่ผมเคยอ่านมา ในสหรัฐ เขาให้ดูกองทุนแบบคุณค่า ที่ถอนตัวออกไป แล้วเมืองไทยละครับดูยัง...อะไรเป็นตัวชี้วัด??? ตัวเลขทางเศรษฐกิจมหภาคหรืออย่างไร???
ผมเชื่อว่า ต้องมีพี่ๆ หลายท่านให้คำตอบได้
ยังไงรบกวน ช่วยชี้แนะเป็นวิทยาทานด้วยครับ
ด้วยความเคารพ...
Tenkafubu
ขอให้โลกนี้สงบสุขและทุกหัวใจมีรัก
จะรู้ได้อย่างไรว่า ควรออกจากตลาด ขนเงินกลับบ้านได้แล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 14, 2004 1:46 am
โดย Ent'
ผมคิดเอาไว้ว่าจะออกจากตลาดเมื่อไม่มีบริษัทไหนที่ดูแล้วน่าลงทุนนะครับ หรือมีทางเลือกอื่นที่น่าให้ผลตอบแทนเยอะกว่า
อย่างตอนต้นปี เป็นช่วงที่ผมคิดว่าน่าอึดอัดมาก เพราะว่าหุ้นแต่ละบริษัทราคาแพง จนซื้อไม่ลงกันทั้งนั้นเลย ก็โชคดีไปครับ ที่ตอนนั้นผมไม่ค่อยมีหุ้นเหลืออยู่แล้ว
แต่พูดถึงเรื่องหุ้นถูกหรือแพงก็เป็นเรื่องที่ มาตรฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกันเสียอีกนะ พูดยากนะพูดยาก หาคำตอบที่ถูกได้ยากว่าจะออกจากตลาดเมื่อไหร่
ถ้าถามใหม่เป็นว่าจะลงทุนในหุ้น ถึงเมื่อไหร่ ก็อาจจะยิ่งตอบยากเข้าไปอีก จนกว่าจะเจ๊งหมดตัว หรือว่าจนกว่าจะเริ่มรู้สึกว่าเลือกหุ้นไม่ไหว สมองไม่ทำงาน แก่แล้ว หรือจนกว่าจะ"รวย"จนไม่อยากได้เงินเพิ่มแล้ว อันนี้ก็ตอบยากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
จะรู้ได้อย่างไรว่าตลาดของเรา Over เกินไปแล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 14, 2004 7:05 am
โดย 9A
P/E นะครับ ว่ามันสูงกว่าที่ควรจะเป็นหรือเปล่า
และบริษัทนั้นพื้นฐานเป็นอย่างไร สมเหตุสมผลในการทำกำไรหรือเปล่า
มูลค่าหุ้นสูงเกินเหตุหรือเปล่า
อันนี้ก็พูดอยากนะครับ เพราะปี 35-36 อะไรมันก็โตจนคิดว่าดีมากๆ โบนัสเพียบ การใช้จ่ายสุรุยสุร่าย กันถ้วนหน้า รัฐบาลสร้างภาพ ปั่นที่ดิน และอีกหลายอย่าง ผมยังจำคำว่า นิกค์ เสือตัวที่ 11 และหลายคำได้ ตอนนั้นผมยังเด็กไม่ค่อยสนใจเรื่อง เศรษฐกิจ การเมือง
นักเรียนนักศึกษา ตอนนั้น สนใจว่าจบแล้วบริษัทไหนจะมาซื้อตัว ตอนนี้สถาบันที่ผมศึกษา รุ่นพี่ถูกจองตัวกันตั้งแต่ปี 3 ปี 4 แต่รุ่นผมหางานกันงกๆ
ยิ่งรุ่นน้องจบแล้วไม่ต้องพูดถึง มีตังก็เรียนต่อได้เลย ไม่มีตังค์ก็ขายเตี๋ยว หรือไม่ก็ขาย ตั๊ว
ตอนนี้ก้อยู่ในช่วงกำลัง growing ก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป บวมเมื่อไหร่ ผมว่าคงอีกสัก 2-3 ปีมั้งครับ
ในทัศนะของผมนะครับ คุณลองศึกษาเอาจากแหล่งอื่นๆ บ้างนะครับ แล้วมาแลกเปลี่ยนกัน
จะรู้ได้อย่างไรว่า ควรออกจากตลาด ขนเงินกลับบ้านได้แล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 14, 2004 10:37 am
โดย chatchai
ถ้าถามถึงวิกฤตครั้งก่อน สิ่งที่ทำให้ผมถอยออกจากตลาดก็คือตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคของไทยครับ ที่สำคัญก็คือเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และการลดลงของการส่งออกครับ
แต่วิกฤตครั้งต่อไป อาจจะเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุครับ ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่ของโลก สภาพเศรษฐกิจของไทยเอง สงคราม
หรือแม้แต่อาจจะเกิดวิกฤตในขอบเขตที่เล็กลงมา เช่น เฉพาะในบางอุตสาหกรรม บางกลุ่มธุรกิจ หรือบางบริษัท
จะรู้ได้อย่างไรว่า ควรออกจากตลาด ขนเงินกลับบ้านได้แล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 14, 2004 2:56 pm
โดย บุคคลทั่วไป
แล้วครั้งก่อน ตัวเลขมหภาคเป้นยังไงครับ?? ถึงแสดงว่าเตรียมตัวได้แล้ว
ยังไงพี่ chatchai ช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ
Tenkafubu
จะรู้ได้อย่างไรว่า ควรออกจากตลาด ขนเงินกลับบ้านได้แล้ว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 14, 2004 9:02 pm
โดย chatchai
ปัญหาครั้งก่อนนั้นเกิดจาก
บัญชีเดินสะพัดของเราขาดดุลมานานและเพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณ 8%ของ GDP (บัญชีเดินสะพัดของประเทศก็คล้ายกับกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานรวมกับกระแสเงินสดสุทธิจากการลงทุนในบัญชีกระแสเงินสดนะครับ) หมายประเทศเรามีเงินสดไม่เพียงพอในการลงทุน จำเป็นต้องอาศัยจากการกู้ยืมมาลงทุน
ข้ออ้างที่มักจะใช้บ่อยก็คือว่าประเทศเรากำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จึงมีการซื้อสินค้าทุน ประเภทเครื่องจักร เพื่อนำมาผลิตสินค้าเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น กล่าวคือขาดดุลตอนนี้ก็เหมือนกับบริษัทที่มีการขยายกำลังการผลิต โดยหวังว่าเมื่อเครื่องจักรที่ซื้อมาใหม่ผลิตสินค้าออกขายได้แล้ว ยอดขายก็จะโตเพียงพอจนไม่ขาดดุลและมีเงินไปชำระหนี้ที่กู้มา
แต่จุดที่ทำให้ผมตัดสินใจล้างพอร์ตก็คือ การประกาศยอดการส่งออกที่ลดลงนะครับ แถมลดลงต่อเนื่องซะด้วย นั่นหมายถึงมีปัญหาละครับ กู้เงินมาขยายกำลังการผลิต แต่แทนที่ยอดขายจะเพิ่มขึ้นกลับลดลง ใช้แผนการตลาดอย่างไรก็ไม่ได้ผล
ทางออกสุดท้ายคืออะไรครับ ลดราคาสินค้า ซึ่งก็คือการลดค่าเงินบาทนั่นเอง ดังนั้นตราบใดที่ไม่ลดค่าเงินบาท เศรษฐกิจของไทยตอนนั้นก็ยังจมกับปัญหาครับ
จะรู้ได้อย่างไรว่า ควรออกจากตลาด ขนเงินกลับบ้านได้แล้ว
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 16, 2004 12:25 pm
โดย mr.bean
ขอเรียนถามพี่ chatchai ครับว่า
พี่มีมุมมองอย่างไรกับ การขาดดุลเดินบัญชีสะพัดของพี่เบิ้ม (น้าบุช)
ว่าจะเอาตัวรอดได้ไหม และในสภาวะปัจจุบันความรุนแรงของปัญหามีมากน้อยแค่ไหน
จะรู้ได้อย่างไรว่า ควรออกจากตลาด ขนเงินกลับบ้านได้แล้ว
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 16, 2004 3:09 pm
โดย chatchai
ผมเองก็กังวลเรื่องการขาดดุลการค้าและการค้าดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่บ้าง
แต่จากการติดตามจะรู้สึกว่าการขาดดุลการค้าและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดนั้นถึงแม้จะอยู่ในระดับสูง แต่ก็ยังไม่เท่ากับของประเทศไทยในสมัยนั้นครับ
อีกทั้งสภาพเงินเหรียญสหรัฐและสถานะของบริษัทในสหรัฐก็แตกต่างจากเงินบาทและสถานะบริษัทของไทยครับ
เงินเหรียญนั้นเป็นสกุลหลักของโลก ในขณะที่เงินบาทนั้นเป็นแค่สกุลท้องถิ่น
บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐก็เป็นบริษัทข้ามชาติที่มีการลงทุนนอกสหรัฐเยอะมาก การขาดดุลการค้าส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากบริษัทสหรัฐนั้นได้ย้ายฐานการผลิตไปนอกสหรัฐ แล้วผลิตสินค้ากลับเข้าไปขายในสหรัฐ ส่วนบริษัทในไทยเป็นเพียงบริษัทท้องถิ่นเท่านั้น
ผมเองก็คงจะวิเคราะห์เจาะลึกไม่ได้มากนัก คงจะต้องติดตามข้อความจากนักเศรษฐศาสตร์และบทความต่างประเทศครับ
แต่น่าติดตามนะครับว่า การขึ้นดอกเบี้ยของ FED นั้นย่อมทำให้ค่าเงินเหรียญแข็งค่าขึ้น แล้วจะส่งผลต่อการขาดดุลการค้าและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นหรือไม่และเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน
*** การขาดดุลการค้าล่าสุดของสหรัฐลดลงครับ ***
จะรู้ได้อย่างไรว่า ควรออกจากตลาด ขนเงินกลับบ้านได้แล้ว
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 17, 2004 5:00 am
โดย big
ไม่ยากครับ จับตาดูพี่ฉัตรชัยไว้สั่งโดดเมื่อไหร่ :lol: