Thai VI

ผมเริ่มจากเงิน 1 แสน แต่จะเติมเงินทุกเดือน ... เป้าหมาย แค่อยากมีปันผลพอใช้จ่าย( คาดว่าปีละ 200,000-300,000 คงพอครับ ) ก่อนอายุ 40 ปี( อีก 10 ปี ) โดยไม่ต้องทำงานประจำครับ ...

แต่เงิน 1 แสน ดูจะยากเย็นเหลือเกินครับ

รบกวนมาช่วยแชร์ประสบการณ์ แนวทาง เพื่อเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการลงทุนครับ

ขอบคุณครับ

ถ้าเรามีความตั้งใจที่แน่วแน่ มีความรู้ความเข้าใจที่แจ่มชัด และเชื่อมั่นในพลังของผลตอบแทนทบต้น
ผมว่าไม่ถึง ๑๐ ปีก็ถึงจุดหมายครับ

แนะนำให้อ่านบทความนี้ ... กลยุทธ์การลงทุน กรณีเริ่มต้นเงินทุนน้อยๆ ของคุณลูกอิสาน
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=26058
คุณโจเขียนไว้สมบูรณ์ อ่านแล้วได้แนวความคิดและวิถีทางที่ชัดเจนครับ

ผมเริ่มจาก 0 ครับ

แรกๆ ซื้อหน่วยลงทุนเดือนละ 500
ตอนนั้นศึกษาการลงทุนในหุ้นไปด้วย
ก็เจียดเงินมาก้อนน้อยๆ ลองดูก่อน
ปีสองปีเห็นว่าน่าสนใจก็หันมาลงทุนหุ้นเองเต็มตัว
หน่วยลงทุนที่เก็บๆ ไว้ขายเกลี่ยง
เอามาใส่พอร์ตหุ้นหมด

ในส่วนของเงินลงทุน
ผมทยอยเจียดเงินจากเดือนละ 500
ค่อยๆ เพิ่มครับ เป็น 1,000 บ้าง
1,500 บ้าง เพิ่มไปเรื่อยๆ จนถึง 5,000
พอได้โบนัสก็เอามาใส่หุ้นหมด

ตอนนี้ผ่านไป 8 ปีครับ
และผมก็เลิกเจียดเงินเข้าพอร์ตนานแล้ว
เพราะเลือกซื้อความสะดวกสบายบ้าง

สำหรับเงินที่เติมตอนนี้
ได้จากปันผลที่ reinvest กลับเข้าไป
ส่วนเงินโบนัสก็แบ่งกลับเข้าไปลงทุนเพิ่มบ้าง
เป็นครั้งๆ ครับ

ตอนที่ตั้งเป้าหมายไม่ได้ตั้งเรื่องปันผล
แต่ตั้งในแง่ของขนาดพอร์ต
จากเป้าหมายแรก ก็ผ่านไปสู่เป้าหมายที่สอง

สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่านักลงทุนต้องทำ
คือประเมิน และวัดผลการลงทุน
โดยเทียบเคียงกับผลตอบแทนของตลาดในช่วงระยะเวลาเดียวกัน
เราจะได้รู้ว่าเราลงทุนได้ดีหรือไม่

เพราะถ้าผมทำได้แย่กว่า
ผมจะได้เลิกทำการบ้านเอง
แล้วเอาเงินทั้งหมด ไปซื้อกองทุนหุ้นดัชนีจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
และเอาเวลาที่เหลือ ไปทำอย่างอื่นครับ

อ่านคุณ ส.สลึงแล้วมีกำลังใจครับ ขอบคุณครับ

อย่าขาดทุน
อย่าทำสิ่งที่ไม่รู้
มีสติ
มีความรู้เรื่องกลยุทธในการแข่งขัน บัญชี และการเงิน พอประมาณ
ไม่กดดันตัวเอง
รักษาสุขภาพ

คุณลงทุนในตลาดเพื่ออะไร

ถ้าเพื่อให้มีเงินมากและเร็วที่สุด พอร์ตโตเร็วที่สุด ถ้าคุณคิดอย่างนี้ก็ลองหาต้นแบบดูแล้วศึกษาว่าเขาทำอย่างไร และอะไรเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาได้รับผลตอบแทนอย่างนั้น
หรือจะให้มากกว่านั้นหน่อย ความสำเร็จที่เขาได้รับได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาในแง่บวก และลบอย่างไรบ้าง

เเค่"เริ่มต้น" ก็เข้าไปใกล้เป้าหมายมากขึ้นเเล้วครับ

ผมขอเเนะนำ"คาถาหัวใจเศรษฐี"...อุ อา กะ สะ
ตามข้างล่างนี้ครับเเล้วportเราจะโตเอง ไม่ใช่เเค่ท่องเเต่ต้องเข้าใจด้วยครับ
http://eakii.wordpress.com/dcfs/

ขอบคุณ อ.เอก ครับ

ต้องมี ความหลงไหลในการลงทุนครับ(ขอยืมคำพูดพี่ bluebloodนะครับ)

+เดินบนถนนแห่งนักลงทุนจริงๆๆ +มุ่งมั่นที่จะเป็น และ ต้องมีปฎิภาณที่แรงกล้า

เคยมีคำกล่าวไว้ว่า กำแพงเมืองจีนไม่ได้สร้างวันเดียว พอรท์หลายร้อยล้านก้ไม่ได้

สร้างกันแค่วันเดียว โดยเฉพาะถ้าเริ่มจากเงินน้อยๆหรือ เงินติดลบ

ความมุ่งมั่นทุ่มเท และเลือกหุ้นลงทุนในถนนสายนี้ สำคัญมาก

ในถนนการลงทุน 80%เจ๊ง 20%รวย ถ้าคุณไม่ทุ่มเทมากพอ คุณก้อาจจะไปอยู่ในกลุ่ม80

หลายคนลงทุนโดยใช้เงินแค่ก้อนเดียวในชีวิต ไม่เติมเงิน ไม่เล่นมาจิ้นท์

ผมเห็นเค้าก้ร่ำรวยมาได้ เพราะเค้าลงทุนในถนนแห่งการลงทุนครับ

ส.สลึง เขียน:ผมเริ่มจาก 0 ครับ

สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่านักลงทุนต้องทำ
คือประเมิน และวัดผลการลงทุน
โดยเทียบเคียงกับผลตอบแทนของตลาดในช่วงระยะเวลาเดียวกัน
เราจะได้รู้ว่าเราลงทุนได้ดีหรือไม่

เพราะถ้าผมทำได้แย่กว่า
ผมจะได้เลิกทำการบ้านเอง
แล้วเอาเงินทั้งหมด ไปซื้อกองทุนหุ้นดัชนีจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
และเอาเวลาที่เหลือ ไปทำอย่างอื่นครับ

ผลตอบแทนผมมีหลายช่วงที่ต่ำกว่าตลาด
แต่เป็นนิสัยดี หรือนิสัยเสียของผม ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ที่ไม่ได้ใช้เวลาสนใจตลาด หรือ Set index สักเท่าไหร่ ทำให้ผมไม่ค่อยได้เปรียบเทียบกับตลาด และแทบจะไร้ความกดดัน

โดยส่วนตัวผม ผมคิดว่าการวัดผลการลงทุนของเรา ควรจะมองจากผลกำไร และความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของกิจการเป็นหลัก และถ้าเราถูกต้องจริง สักวันตลาดก็จะคล้อยตาม

ผมคิดว่าเพื่อนๆนักลงทุนหลายๆท่านก็เริ่มลงทุนจากพอร์ตประมาณเท่านี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือก่อนลงทุนเราได้เตรียมความพร้อมมาดีแล้วหรือยัง
ผมคิดว่าทุกคนที่ลงทุนเริ่มแรกน่าจะเหมือนกันหมดคืออยากรวยเร็วๆ อยากมีอิสรภาพทางการเงินเร็วๆ
แต่จะทำยังไงให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งยากกว่ามากครับ

สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ระยะเวลาในการลงทุนที่ใช้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ แต่อยู่ที่การเลือกธุรกิจที่ลงทุนมากกว่าครับ
และอีกหนึ่งอย่างที่ลืมไม่ได้คือความสุขในการลงทุน ต้องมีไว้เสมอเพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราไม่รู้สึกท้อในยาม
ที่ตลาดผันผวนครับ

อิฐก้อนเล็กๆยังเรียงกันเป็นกำแพงเมืองจีนได้เลย นับประสาอะไรกับเงินตั้งหนึ่งแสน หากรู้จักนำมาลงทุนอย่างรู้คุณค่าและมีวินัย ดอกผลที่ได้มากกว่าที่คิดแน่นอนครับ


กำหนดเป้าหมาย รักษาวินัยในการลงทุนและมีความสุขกับมันครับ

เพิ่มอีกข้อให้ครับ "อย่าหมดศรัทธาแม้ภาวะตกต่ำ"

หาหุ้นในดวงใจของคุณให้เจอคับและที่สำคัญต้องมีโอกาสโดนใจmr.marketด้วยคับ

เรื่องเป้าหมายผมว่าเป็นไปได้ครับ Port ที่ต้องการน่าจะประมาณ 6MB Dividend Yield 5%
ถึงแม้ว่าเงินต้นจะน้อยแต่หากเหนียวแน่นไม่ยอมขาดทุน และได้หุ้น "ตีแตก" ด้วยก็เป็นไปได้
แต่หากคิด Conservative หน่อยก็คืออาจไม่ได้หุ้นตีแตกเลย แต่ให้ได้ Cap Gain ประมาณ 10% ก็ต้องเติมเงินให้เยอะๆด้วยครับ

ผมเลยแนะนำว่าในช่วงนี้น่าจะต้องเน้นที่ชีวิตปัจจุบันและงานประจำให้ดีด้วย การที่เราเติบโตในหน้าที่การงานได้นอกจากจะทำให้เราได้เงินเติมใน Port ในจำนวนที่เยอะแล้ว ยิ่งเติบโตมากขึ้นเราก็จะยิ่งได้มุมมองในการทำธุรกิจมากขึ้น ได้ Connection มากขึ้น เห็นโลกมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราสามารถลงทุนได้ดีมากขึ้น หรือหากพอมีเงินทุนหรือช่องทาง การเรียนโทก็ช่วยได้โดยเฉพาะด้าน MBA หรือ Finance ก็เปิดมุมมองเราให้กว้างขึ้น

คนที่ผมรู้จักหลายคนที่ประสบความสำเร็จในการเล่นหุ้นก็เป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทใหญ่ๆด้วยครับ มุมมองของคนเหล่านี้ต้องยอมรับว่าเฉียบคมหลักแหลม โดยเฉพาะในเรื่องของ Mega Trend ซึ่งผมว่าสำคัญมากในการลงทุนแบบ VI

ส่วนเรื่อง Connection นี่ก็สำคัญเพราะหุ้นในตลาดมีเยอะแต่เวลาเราจำกัดมาก ผมก็อาศัยช่วงเจอเพื่อนๆพี่น้องคอย Screen หุ้นที่เขาสนใจแล้วเราก็มาศึกษาต่ออีกที ช่วยแบ่งเบาภาระได้เยอะมากๆ หุ้นหลายตัวก็ต้องยอมรับเลยครับ ว่าซื้อตามคนอื่นๆด้วย

และที่สำคัญก็กับดักระหว่างทางด้วยครับ บ้าน รถยนต์ เครื่องใช้ เครื่องประดับ ที่มากเกินตัวก็ต้องพยายามอย่าใช้มัน เพราะการต้องผ่อนอะไรในช่วงเริ่มลงทุนนั้นคือการลดค่าของเงินก้อนแรกเป็นอย่างมากครับ ข้อนี้ต้องหาแฟนประหยัดและเข้าใจเรานะครับ

แต่ถ้าเริ่มต้นได้แบบนี้ ผมว่าไปถึงได้แน่นอนครับ

วินัย สำคัญกว่าความรู้ครับ..

wpong เขียน:

ส.สลึง เขียน:ผมเริ่มจาก 0 ครับ

สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่านักลงทุนต้องทำ
คือประเมิน และวัดผลการลงทุน
โดยเทียบเคียงกับผลตอบแทนของตลาดในช่วงระยะเวลาเดียวกัน
เราจะได้รู้ว่าเราลงทุนได้ดีหรือไม่

เพราะถ้าผมทำได้แย่กว่า
ผมจะได้เลิกทำการบ้านเอง
แล้วเอาเงินทั้งหมด ไปซื้อกองทุนหุ้นดัชนีจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
และเอาเวลาที่เหลือ ไปทำอย่างอื่นครับ

ผลตอบแทนผมมีหลายช่วงที่ต่ำกว่าตลาด
แต่เป็นนิสัยดี หรือนิสัยเสียของผม ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ที่ไม่ได้ใช้เวลาสนใจตลาด หรือ Set index สักเท่าไหร่ ทำให้ผมไม่ค่อยได้เปรียบเทียบกับตลาด และแทบจะไร้ความกดดัน

โดยส่วนตัวผม ผมคิดว่าการวัดผลการลงทุนของเรา ควรจะมองจากผลกำไร และความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของกิจการเป็นหลัก และถ้าเราถูกต้องจริง สักวันตลาดก็จะคล้อยตาม

ผมเริ่มมาจากการลงทุนใน index fund ครับ
ถึงจะมาลงทุนหุ้นเอง
benchmark ของผม จึงเป็น set index

ที่ทำสถิติเก็บไว้
ก็เพื่อวัดผลตอบแทนของพอร์ต
โดยใช้ค่าเฉลี่ยหลายปี และไม่ได้วัดกันปีต่อปีครับ

เจตนาก็อย่างที่ผมโพสไว้
คือถ้าทำค่าเฉลี่ยได้แย่กว่าตลาด
ผมก็จะเลิกลงทุนเอง
และไปใช้บริการของ บลจ. ดีกว่า

ปกติ การจดสถิติของผม
จะทำแบบย้อนหลังครับ
บางทีลืมไป 3 เดือนก็เคย
เรื่องความเคลื่อนไหวของ set index
จึงไม่มากดดันการทำการบ้านของผม

สาเหตุที่ผมต้องจดบ่อยๆ
ไม่มีอะไรมากครับ
คือกลัวลืมจด เพราะถ้าลืมแล้ว
กลับไปตามหาเอกสารยาก

แล้วผมก็ยังบันทึกหุ้นของผม
ในแต่ละช่วงเวลาไว้ด้วย

ที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อติดตามการลงทุน
ของตัวเองว่าปีนึงๆ แพ้ตลาดเพราะอะไร
ชนะตลาดเพราะอะไร
และถ้าเรายังถือตัวนั้นตัวนี้ต่อไป
ผลตอบแทนเป็นอย่างไร
พอร์ตโตขึ้น หรือแย่ลง
และมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า ฯลฯ

สรุปคือผมคิดว่าเรื่องจด
และทำสถิติไว้เป็นเรื่องสำคัญ
เพราะสถิติจะเป็นตัวบอกว่า
ตัวเราเหมาะที่จะเป็นนักลงทุนเชิงรุก
หรือว่าเป็นนักลงทุนเชิงรับครับ

specialonez เขียน:ผมเริ่มจากเงิน 1 แสน แต่จะเติมเงินทุกเดือน ... เป้าหมาย แค่อยากมีปันผลพอใช้จ่าย( คาดว่าปีละ 200,000-300,000 คงพอครับ ) ก่อนอายุ 40 ปี( อีก 10 ปี ) โดยไม่ต้องทำงานประจำครับ ...

แต่เงิน 1 แสน ดูจะยากเย็นเหลือเกินครับ

รบกวนมาช่วยแชร์ประสบการณ์ แนวทาง เพื่อเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการลงทุนครับ

ขอบคุณครับ

คุณ specialonez ตั้งใจว่าจะเติมเงินเดือนละเท่าไรหรอครับ

ออมเงินเพื่อมาลงทุนเยอะๆ และลงทุนได้ผลตอบแทนดีต่อเนื่อง
พลังผลตอบแทนทบต้นจะช่วยคุณ specialonez เอง

ขอแชร์ในฐานะมือใหม่เหมือนกันครับ ^^"

ลองพุ่งเป้าไปที่ตัวบริษัทเลยครับ ว่าเค้าขาย/บริการอะไร ขายดีมั้ย คนเข้าหรือรู้จักเค้าเยอะมั้ย(ดูที่มาของรายได้และกำไรนั่นแหละครับ) ทั้งในความรู้สึกของเราเองและชาวบ้าน(อาหารบางอย่างเราชอบมาก แต่เพื่อนอีก 7 คนส่ายหัว มันก็อาจจะขายไม่ดีรึปล่าวครับ 55)

แล้วยืนยันความคิดโดยข้อมูลเชิงปริมาณ : ตัวเลขอัตราส่วนต่างๆ งบการเงิน ข้อมูลภาพใหญ่เชิงเศรษฐกิจ ทำ trend analysis ทำ common size ฯลฯ

และข้อมูลเชิงคุณภาพ : การลงหน้างานจริง การสังเกตสอบถามข้อมูลจากทั้งคนขายและลูกค้าเค้า คู่แข่งทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์(บางธุรกิจกลับมีคู่แข่งที่หน้ากลัวแต่เราดันไม่เห็นเป็นตัวอักษรย่อที่เราคุ้นชิน เราก็อาจหลงผิดคิดไปเองว่าบริษัทที่เราสนใจนั้นเจ๋งแล้วเก่งแล้ว) แล้วจะมาทำ 5 forces ทำ SWOT analysis หรือเอามานั่งขบนั่งคิดแบบบ้านๆเพราะอย่างนั้นเพราะอย่างนี้ก็ว่ากันไป(แต่อย่าคิดคนเดียวนะครับ ใจเอนเอียงมันเกิดขึ้นได้ตลอด ^^)

สุดท้ายก็มาหาจังหวะเข้าครอบครองบริษัทดีๆที่เราเหนื่อยเค้นคั้นจนเจอครับ จะด้วย sentiment ตลาด fundflow เอาสัญญาณเทคนิคมาช่วย(ส่วนตัวเลิกวิธีนี้ไปเลยครับ เพราะธาตุไฟเข้าแทรก ^^") หรือการประเมิน MOS ที่เหมาะสม ให้รู้ว่าถูกแพงสำหรับทั้งปัจจุบันและอนาคต

ถึงจุดนึงคุณจะเบื่อในหลักการ Value Investing เองแหละครับ ... อ๊ะๆ ใจเย็นนะครับพี่ๆ ^^ ผมหมายถึงจะร้อยแปดพันเก้าหลักคิดสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็จะกลับมาที่ต้องลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานที่ดีอยู่ดีครับ แต่"ดีคืออะไร" ก็ต้องเป็นช่วงเวลาของการรวบรวม "วิธีทำการบ้านด้วยตนเอง" แล้วครับ ฟังเยอะๆอ่านเยอะๆ ว่าวิธีทำโจทย์อันจะได้มาซึ่ง "หุ้นตีแตก" นั้นทำอย่างไร

แล้วลง action plan + ทำจริงๆด้วยตนเองอย่างอดทนไปเลย + ทบทวนหลักการ Value Investing อย่างสม่ำเสมอครับ จะ 8 ปี 10 ปี 20 ปี 50 ปีก็ทำไปเถอะครับ ... แค่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตก็ต้องดีขึ้นแน่นอนครับ ผมเชื่ออย่างนั้น

แค่ลองแชร์ดูอะครับ ยังไงขอบคุณครับ ^^

เมื่อ 6 ปีที่แล้วผมก็เป็นมือใหม่ที่มีความคิดเหมือนพี่จขกท.ครับ
ตอนนั้นผมเลยจำลองข้อมูลลงไฟล์ excell เอาครับ
เนื้อหาในไฟล์ก็ประกอบด้วย เงินเริ่มต้น เงินที่ผมจะเอามาลงทุนเพิ่มในแต่ละปี
ผลตอบแทนที่ผมคาดว่าจะได้รับในแต่ละปี(ตอนนั้นคิดที่15เปอร์เซ็นต์/ปี) แล้วก็จำนวนปีที่เราจะถึงเป้าหมาย

ถ้าพี่จขกท.กำหนดระยะเวลาลงทุนแล้ว ก็คงเหลืออีก2ปัจจัยที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้
คือผลตอบแทน/ปี และเงินที่เราจะเติมลงไปในแต่ละปีครับ
สำหรับมือใหม่ ผลตอบแทนแต่ละปี หากหวังสูงเกินไปอาจทำให้เราต้องเสี่ยงมากขึ้น
(แต่ความเสี่ยงผมว่า ทำให้ลดลงได้ด้วยความรู้ของเราครับ)
ก็จะเหลือประเด็นเรื่องเงินที่ต้องเติมลงไปครับ พยายามหาเงินมาเติมให้มากที่สุด
พร้อมๆกับทำยังไงก็ได้ให้เราเก่งให้เร็วที่สุดครับ

ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจจริง เอาใจช่วยครับ

สำหรับคำถามเรื่องหุ้นตีแตก...
ตั้งแต่ผมลงทุนมาผมเจอ2-3ตัวครับ
ตัวที่ผมกล้าตีแตกคือตัวที่ผมประเมินมูลค่าออกครับ

ถ้าหุ้นตัวไหนเราเข้าใจธุรกิจมันดี แล้วก็พบว่าอนาคตมันจะมีกำไรโตเยอะๆ
แล้วก็ราคายังไม่สะท้อนมูลค่า เจอเมื่อไหร่ อย่าเพิ่งรีบซื้อครับ...


PM มาบอกให้ผมซื้อก่อนครับ ฮ่า...
(ลอกมุขจากหนังสือเล่มใหม่ของน้องฮงมาครับ อย่าเก็บค่าลิขสิทธิ์ผมน๊ะครับ ฮ่า...อีกที )

ค่อยๆ หาความรู้ไป ในนี้ก็ดี ครับ ถ้าหลักการดี ประยุกต์ใช้ได้ถูกต้อง ถูกเวลา การลงทุนก็จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

1.เพิ่มเงินใหม่เข้าไป
2.หุ้นที่ซื้อเก็บไว้เติบโต
3.ปันผลที่ได้ใส่เข้าไป
เท่าที่คิดออกก็มีเท่านี้ คงไม่มีวิธีที่พิเศษกว่นี้อีกแล้ว

blueplanet เขียน:1.เพิ่มเงินใหม่เข้าไป
2.หุ้นที่ซื้อเก็บไว้เติบโต
3.ปันผลที่ได้ใส่เข้าไป
เท่าที่คิดออกก็มีเท่านี้ คงไม่มีวิธีที่พิเศษกว่นี้อีกแล้ว

ยืนยันตาม blueplanet

ขอบคุณ คุณส.สลึงที่ตอบนะครับ

ผมเองก็เห็นด้วยว่าเราควรจดบันทึกข้อมูล นักลงทุนเก่งๆส่วนใหญ่เขาก็จดกัน

ตัวผมเองก็มีนิสัยเสียไม่ค่อยได้จด เพราะส่วนใหญ่สิ่งที่ทำจะสรุปได้ภายใน 1 บรรทัด

2 ปักว่าที่แล้วเริ่มกลับมาลงทุนในหุ้นหลัก ที่ PE ต่ำ มูลค่าทรัพย์สินสูงกว่าราคาตลาดมาก
ถัดมาอีกปี หุ้นหลักคือหุ้น turnaround ที่เติบโตสูง และตรวจสอบกิจการได้ง่าย
ถัดมา เปลี่ยนเป็นหุ้นที่เติบโตอย่างมั่นคง

ผมไม่แน่ใจว่าการลงทุนผมเกี่ยวกับภาวะตลาด หรือ fundflow หรืออะไรกันแน่ รู้แต่ว่าผมลงทุนในสิ่งที่รู้ และยินดีต้อนรับผลตอบแทนจากการทำในสิ่งที่รู้

ผมจะวัดเพียงแต่ว่า ผลประกอบการ มูลค่ากิจการ และความสามารถในการแข่งขัน เป็นไปอย่างที่ผมคาดไว้หรือเปล่า

ค่อยๆ เก็บไปเดี๋ยวก็ได้เองครับ ใจเย็นๆ

มีเพื่อนของผมเริ่มจากเงิน 10,000 บาท แต่ค่อยๆ เก็บเงินค่าสังสรรค์บ้าง
ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นบ้าง เก็บไป เก็บมา เงินค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนแล้วครับ
เค้าบอกว่าไม่เคยรู้เลยว่าค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นจะมีมากขนาดนี้ (โดยเฉพาะค่าเหล้าน่ะครับ)

sorawut เขียน:

specialonez เขียน:ผมเริ่มจากเงิน 1 แสน แต่จะเติมเงินทุกเดือน ... เป้าหมาย แค่อยากมีปันผลพอใช้จ่าย( คาดว่าปีละ 200,000-300,000 คงพอครับ ) ก่อนอายุ 40 ปี( อีก 10 ปี ) โดยไม่ต้องทำงานประจำครับ ...

แต่เงิน 1 แสน ดูจะยากเย็นเหลือเกินครับ

รบกวนมาช่วยแชร์ประสบการณ์ แนวทาง เพื่อเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการลงทุนครับ

ขอบคุณครับ

คุณ specialonez ตั้งใจว่าจะเติมเงินเดือนละเท่าไรหรอครับ

ออมเงินเพื่อมาลงทุนเยอะๆ และลงทุนได้ผลตอบแทนดีต่อเนื่อง
พลังผลตอบแทนทบต้นจะช่วยคุณ specialonez เอง

เงินเดือนผมไม่เยอะเท่าไหร่ครับ คิดว่าจะหาหุ้นตัวที่ราคาไม่เกิน 10 บาท ตอนนี้กำลังหาอยู่ครับ

saichon เขียน:สำหรับคำถามเรื่องหุ้นตีแตก...
ตั้งแต่ผมลงทุนมาผมเจอ2-3ตัวครับ
ตัวที่ผมกล้าตีแตกคือตัวที่ผมประเมินมูลค่าออกครับ

ถ้าหุ้นตัวไหนเราเข้าใจธุรกิจมันดี แล้วก็พบว่าอนาคตมันจะมีกำไรโตเยอะๆ
แล้วก็ราคายังไม่สะท้อนมูลค่า เจอเมื่อไหร่ อย่าเพิ่งรีบซื้อครับ...


PM มาบอกให้ผมซื้อก่อนครับ ฮ่า...
(ลอกมุขจากหนังสือเล่มใหม่ของน้องฮงมาครับ อย่าเก็บค่าลิขสิทธิ์ผมน๊ะครับ ฮ่า...อีกที )

PM ให้ผมด้วยนะครับ

saichon เขียน:เมื่อ 6 ปีที่แล้วผมก็เป็นมือใหม่ที่มีความคิดเหมือนพี่จขกท.ครับ
ตอนนั้นผมเลยจำลองข้อมูลลงไฟล์ excell เอาครับ
เนื้อหาในไฟล์ก็ประกอบด้วย เงินเริ่มต้น เงินที่ผมจะเอามาลงทุนเพิ่มในแต่ละปี
ผลตอบแทนที่ผมคาดว่าจะได้รับในแต่ละปี(ตอนนั้นคิดที่15เปอร์เซ็นต์/ปี) แล้วก็จำนวนปีที่เราจะถึงเป้าหมาย

ถ้าพี่จขกท.กำหนดระยะเวลาลงทุนแล้ว ก็คงเหลืออีก2ปัจจัยที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้
คือผลตอบแทน/ปี และเงินที่เราจะเติมลงไปในแต่ละปีครับ
สำหรับมือใหม่ ผลตอบแทนแต่ละปี หากหวังสูงเกินไปอาจทำให้เราต้องเสี่ยงมากขึ้น
(แต่ความเสี่ยงผมว่า ทำให้ลดลงได้ด้วยความรู้ของเราครับ)
ก็จะเหลือประเด็นเรื่องเงินที่ต้องเติมลงไปครับ พยายามหาเงินมาเติมให้มากที่สุด
พร้อมๆกับทำยังไงก็ได้ให้เราเก่งให้เร็วที่สุดครับ

ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจจริง เอาใจช่วยครับ

ไม่ทราบว่า ที่ว่าผลตอบแทน 15 %ต่อปี

เค้าคิดจากอะไรครับ คิดจากราคาที่หุ้นขึ้น(Capital Gain) คิดจากเงินปันผล หรือคิดจากการขายหุ้น ครับ

specialonez เขียน:

sorawut เขียน:

specialonez เขียน:ผมเริ่มจากเงิน 1 แสน แต่จะเติมเงินทุกเดือน ... เป้าหมาย แค่อยากมีปันผลพอใช้จ่าย( คาดว่าปีละ 200,000-300,000 คงพอครับ ) ก่อนอายุ 40 ปี( อีก 10 ปี ) โดยไม่ต้องทำงานประจำครับ ...

แต่เงิน 1 แสน ดูจะยากเย็นเหลือเกินครับ

รบกวนมาช่วยแชร์ประสบการณ์ แนวทาง เพื่อเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการลงทุนครับ

ขอบคุณครับ

คุณ specialonez ตั้งใจว่าจะเติมเงินเดือนละเท่าไรหรอครับ

ออมเงินเพื่อมาลงทุนเยอะๆ และลงทุนได้ผลตอบแทนดีต่อเนื่อง
พลังผลตอบแทนทบต้นจะช่วยคุณ specialonez เอง

เงินเดือนผมไม่เยอะเท่าไหร่ครับ คิดว่าจะหาหุ้นตัวที่ราคาไม่เกิน 10 บาท ตอนนี้กำลังหาอยู่ครับ

ทำไมถึงต้องหาหุ้นตัวที่ราคาไม่เกิน 10 บาท ???

specialonez เขียน:ผมเริ่มจากเงิน 1 แสน แต่จะเติมเงินทุกเดือน ... เป้าหมาย แค่อยากมีปันผลพอใช้จ่าย( คาดว่าปีละ 200,000-300,000 คงพอครับ ) ก่อนอายุ 40 ปี( อีก 10 ปี ) โดยไม่ต้องทำงานประจำครับ ...

แต่เงิน 1 แสน ดูจะยากเย็นเหลือเกินครับ

รบกวนมาช่วยแชร์ประสบการณ์ แนวทาง เพื่อเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการลงทุนครับ

ขอบคุณครับ

ทำงานไปด้วยลงทุนไปด้วยดีกว่าคับ เงินปันผล 2-3 แสน เมื่อคุณอายุ 40 ปี ก็ไม่มากแล้วคับ (เพราะผลของเงินเฟ้อ
ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นแน่นอน จากต้นทุนพลังงานโดยเฉพาะในเมืองไทยที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานอยู่ตลอดไป)

ถ้าคุณมีครอบครัวให้เลี้ยงดู และตอบแทนพ่อแม่ที่เลี้ยงดูคุณมา คุณจำเป็นต้องทำงานประจำไปด้วย ลงทุนไปด้วย ศึกษาแนวทาง VI ให้ชัดเจนก่อน

การเป็นนักลงทุนอาชีพอย่างเดียว

ถ้าไม่มีความรู้ความสามารถจริงๆ(ต้องรู้ตัวเองจริงๆว่าเราเป็นอย่างไร) และพอร์ตการลงทุนใหญ่พอแล้ว ก็ไม่ควรทำ

ถ้าจะเป็นนักลงทุนอย่างเดียวโดยปกติควรมีพอร์ต 20 ล้านขึ้นไปก่อน ถ้าให้ดีจริงควรมีพอร์ตไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลล์ล่า ถ้าในปัจจุบันก็ประมาณ 30 ล้าน

ตลาดหุ้นไม่แน่นอนคับ อย่าฝากความหวังไว้ขนาดนั้น

อยากเตือนสติไว้หน่อยนึง ไม่งั้นก็เห็นตามๆกันหมด