Thai VI

หลักการที่ใช้ได้กับวิถี VI ที่สุด แต่เจ้าของคำกล่าวนี้คือ...

ท่าน พุทธทาส อินทรปัญโญ

ความถูกต้องมีสองสิ่งความจริงแผ่.
ถูกต้องแท้ไม่ถูกใจคนหน่ายหนี
.แต่ถูกใจไม่ถูกต้องมองมากมี.
ความพอดีไม่มีเห็นเป็นรูปธรรม.

...ถ้าเรายึดประพฤติชอบตามกรอบเก่า.
อย่าถือเอาเขาว่าพาถลำ
.เชื่อมั่นในความดีที่เราทำ
แล้วน้อมนำธรรมคุณเป็นบุญบาน.

ถ้าวันนี้สิ่งที่ทำคำว่าถูก.
เราได้ปลูกความดีแท้แผ่ไพศาล.
ทำถูกต้องครรลองนะจะยืนนาน.
วันนี้ผ่าน.วันพรุ่งนี้ไม่มีกลัว

ยิ่งนานวันผมยิ่งมั่นใจในหลักธรรมกับหลักการวีไอ เป็นหลักการที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างที่สุดครับ

ยามนี้ วินาทีต่อจากนี้ ผมว่าหาหลักยึดไว้ให้มั่นกันนะครับ ไม่รู้พายุจะพัดรุนแรงแค่ไหน

กว่าจะปรับทัศนะคติให้ถูกต้องนี้ใช้เวลาพิสูจน์นานไหมครับ

"ถ้าศึกษาปัจจุบันธรรม เราก็เข้าใจทั้งอดีตและอนาคต
เพราะอดีตเป็นเหตุ ปัจจุบันเป็นผล
ปัจจุบันเป็นเหตุ อนาคตเป็นผล
ฉะนั้น ปัจจุบันจึงเป็นที่รวมของเหตุและผล
ปัจจุบันนี่แหละเป็นเหตุ
เหตุ ก็มีเหตุดี กับเหตุไม่ดี เราเลือกทำอะไรก็ได้
ทำดีก็ได้ ทำชั่วก็ได้ เราก็เลือกเอา"
โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก, "อย่าเป็นทาสของความคิด" ,http://www.dhammajak.net/book/gavesako01/g0105.php

Warren Buffett บอกว่า ถ้าทนเห็นหุ้นที่ตัวเองถือ ราคาลดต่ำ 50% โดยไม่รู้สึก Panic ไม่ได้ ก็อย่ามาเล่นหุ้น (อันนี้หมายถึง VI)

ธรรมะ คือ ธรรมชาติ
พระพุทธเจ้าไม่ได้คิดอะไรใหม่
ธรรมชาติมีอยู่นานแล้ว
และเกิดก่อนพระพุทธเจ้าอีก
แต่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ
ความจริงของธรรมชาติครับ

สำหรับหลักการ vi
ผมคิดว่าหลักการเป็นแบบบ้านๆ
ไม่ฝืนธรรมชาติ

ขอบคุณสำหรับข้อคิด และการเตือนสติครับ

กฎอิทัปปัจจยตา กับ การบริหารธุรกิจและทุน

คำว่า "ทุน" นั่นตรงกับความหมายที่
สำคัญที่สุดอย่างยิ่งในพระพุทธศ​าสนาคือสิ่งที่เรียกว่าเหตุว่าปัจจัย สิ่งที่ทั้งหลายมันมีเหตุมีปัจจัยอย่างช่วยเหลือไม่ได้ สิ่งทั้งหลายมันอาศัยเหตุอาศัยปัจจัย มันจึงจะเกิดขึ้นและวิวัฒนาการ

ไอ้เงินหรือทุนเป็นปัจจัยสำคัญเ​บื้องต้นเพื่อความงอกงาม แต่ว่ายังมีส่วนประกอบอื่นๆซึ่ง​จะเรียกว่าเป็นทุนก็ได้ คือ ความสามารถหรือสมรรถนะของผู้ดำเ​นินงาน หรือของตัวเองนี้มันก็เป็นทุนชนิดหนึ่งเหมือนกัน มันเป็นทุนทางสติปัญญา

ถ้าไม่มีทุนทางสติปัญญา ไอ้ทุนที่เป็นเงินเป็นทองมันก็เ​ป็นไปไม่ได้ ขอให้มองเห็นว่าสติปัญญามันก็เป็นทุนอย่างยิ่งเป็นทุนเหลือประม​าณ ที่จะทำให้ทุนที่เป็นวัตถุเป็นเ​งินเป็นของเป็นกำลังเป็นนี่ล่ะ สำเร็จประโยชน์ได้ด้วยดี เราจึงเรียกว่ามีทุนที่ถูกต้อง ทั้งทางฝ่ายวัตถุและฝ่ายจิตใจ คือทั้งฝ่ายรูปธรรมและทั้งฝ่ายน​ามธรรม นี่ล่ะเป็นการบริหารทุน มันมีความถูกต้องในฝ่ายที่เป็นเ​หตุ ในฝ่ายที่เป็นปัจจัย สิ่งทั้งหลายเป็นไปตามเหตุตามปั​จจัย

ตามหลักพุทธศาสนาเรียกว่าตาม " กฎอิทัปปัจจยตา " มันจะนอกไปจากนั้นไม่ได้ทุกอย่า​งมันเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตาของ​ตัวมันเอง ที่มันจะวินาศฉิบหายขาดทุน มันก็เป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตาฝ่​ายนั้น ที่มันจะมีกำไรดีมีประโยชน์ดี มันก็ตามกฎอิทัปปัจจยตาเป็นไปใน​ฝ่ายนั้น เราต้องมีความรู้ เหตุปัจจัยหรือที่เรียกว่ากฎอิทัปปัจจยตา ที่ว่าทำอย่างไรแล้วอะไรจะเกิดขึ้น

กฎอิทัปปัจจยตาว่า
เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด
เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ

กฎอิทัปปัจจยตาครอบงำจักรวาลทุก​ ๆ ฝุ่น ทุก ๆ ปรมาณูแห่งฝุ่น กระทั่งทุกสิ่งทุกอย่าง กระทั่งเพื่อการบรรลุพระนิพพานมันต้องเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา ขอให้มีสติปัญญาเรื่องกฎเกณฑ์แห่งความเป็นไปตามเหตุปัจจัยนี้ให้มาก ๆ นี้จะเป็นทุนที่สำคัญยิ่งกว่าเงิน

คนมีเงินเยอะแยะลงทุนไม่ได้ ต้องไปจ้างผู้จัดการที่มีสติปัญ​ญามาช่วยจัดการ อย่าเห็นว่าเงินอย่างเดียวก็เป็​นทุนที่พอแล้ว มันต้องมีความสติปัญญา ไอ้การที่ใช้เงินหรือควบคุมเงิน​เหล่านั้นให้ถูกต้อง

พุทธทาสภิกขุ

ขอเชิญฟังเสียงท่านพุทธทาสได้จา​ก BIA Podcast http://itunes.apple.com/th/​podcast/sar ... d554931714 หรือผ่าน iTunes หัวข้อ การบริหารธุรกิจแบบพุทธ 05

By: หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives

************************

ปัจจุบันนี่แหละเป็นเหตุ

เหตุ ก็มีเหตุดี กับเหตุไม่ดี เราเลือกทำอะไรก็ได้
ทำดีก็ได้ ทำชั่วก็ได้ เราก็เลือกเอา

เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

มีเพื่อนส่งมาให้อ่าน เลยได้อ่าน

ถ้าวันนี้ผมถูกต้อง ผมคงไม่ต้องอยู่ตรงนี้แล้วหละครับ

ถ้าถูกต้องจริง คงไม่ต้องมาวนเวียนยึดในสิ่งที่เป็นทุกข์ซ้ำซากอยู่อย่างนี้
ถุกต้องคือออกจากทุกข์ ไม่ใช่ยึดทุกข์ในแง่ใดแง่หนึ่งว่าเป็นสุข

ส.สลึง เขียน:ธรรมะ คือ ธรรมชาติ
พระพุทธเจ้าไม่ได้คิดอะไรใหม่
ธรรมชาติมีอยู่นานแล้ว
และเกิดก่อนพระพุทธเจ้าอีก
แต่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ
ความจริงของธรรมชาติครับ

สำหรับหลักการ vi
ผมคิดว่าหลักการเป็นแบบบ้านๆ
ไม่ฝืนธรรมชาติ

+1ครับ ลองเอาคนนอนมานอนในท่านั่ง คนกินมากินในท่านอน

อะไรที่มันฝืน ธรรมชาติ

มักจะถูกธรรมชาติกลืนหายไป