Thai VI

"บัฟเฟตต์" ฉลองวันเกิด บริจาคหุ้น 3 พันล้านดอลล์

updated: 31 ส.ค. 2555 เวลา 12:39:57 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนฉลองครบรอบวันเกิด 82 ปีด้วยการประกาศบริจาคสินทรัพย์เป็นมูลค่า 3.1 พันล้านดอลลาร์ให้กับองค์กรการกุศลที่ดูแลโดยลูกๆ 3 คน


ซีเอ็นเอ็นมันนีรายงานว่า ในปี 2549 บัฟเฟตต์เผยว่าได้มอบหุ้นสามัญประเภท ′คลาสบี′ จำนวน 17.5 ล้านหุ้นของเบิร์กไชร์ แฮตธาเวย์ บริษัทเพื่อการลงทุนของตนให้กับมูลนิธิของลูกแต่ละคน และปีนี้บัฟเฟตต์ระบุในจดหมายเปิดผนึกลงวันที่วันพฤหัส (30 ส.ค.) ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของเขาว่า ลูกทั้ง 3 คน "ทำได้เกินความคาดหมายที่ตั้งไว้สูงของเขา" ในการนำหุ้นที่เขามอบให้เป็นของขวัญไปใช้ประโยชน์ จึงตัดสินใจยกหุ้นให้เพิ่มอีกคนละ 12.2 ล้านหุ้น



ราคาหุ้นเบิร์กไชร์ปิดตลาดวันพฤหัสอยู่ที่หุ้นละ 84.19 ดอลลาร์ ซึ่งเท่ากับว่าบัฟเฟตต์บริจาคสินทรัพย์ครั้งนี้เป็นมูลค่ารวม 3.1 พันล้านดอลลาร์


องค์กรการกุศลในความดูแลของลูกๆ บัฟเฟตต์ได้แแก่ มูลนิธิ โฮเวิร์ด จี. บัฟเฟตต์ของโฮเวิร์ด ลูกชายคนโต ซึ่งทำงานร่วมกับประเทศกำลังพัฒนาเพื่อปรับปรุงการเกษตรและแหล่งน้ำสะอาด, มูลนิธิ โน โว ที่บริหารโดยปีเตอร์ ลูกชายคนรอง ซึ่งอุทิศให้กับการต่อสู้กับเพื่อความเป็นธรรมและความเท่าเทียมทางเพศ และมูลนิธิเชอร์วู้ด ภายใต้การดูแลของซูซาน ลูกสาวคนเดียว ซึ่งสนับสนุนองค์กรไม่แสวงหากำไรในโอมาฮา บ้านเกิดของบัฟเฟตต์ และการศึกษาแก่เด็กทั่วสหรัฐ


ทั้งนี้ จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ บัฟเฟตต์เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ด้วยความมั่งคั่ง 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้เขาประกาศว่าวางแผนจะบริจาคสินทรัพย์ 99% ของทั้งหมดให้กับการกุศลในระหว่งที่ยังมีชีวิตหรือเมื่อเสียชีวิตแล้ว

http://www.prachachat.net/news_detail.p ... catid=0000

คนที่มีความสุขที่สุด ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงรู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี
เขาก้จะกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุด
วอเรนท์ บัฟเฟต

การให้ที่ดีที่สุด นอกจากการให้ทานแล้ว การให้ โอกาศ และปัญญา
แก่ผู้ที่ยังไม่เข้าถึง ย่อมจะนำพามาซึ่ง ความสุข ครับ

ปิรามิดแห่งความสุข ชั้นบนสุด คือ คำว่า การให้ (โดยไม่หวังผลอตบแทน)

เงินซื้อชีวิตในวันนี้ ได้ แต่ซื้อความดีและความสุขหลังความตายไม่ได้

ผมเชื่อว่า ปู่บัฟเฟต เข้าถึงแล้ว ซึ่ง สัจธรรมของชีวิต

เมื่อรวยจนเงินมากพอแล้ว เงินก้ไม่ใช่ทุกสิ่ง

ความดีต่างหาก ที่จะอยู่ติดตัวเราไปทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

เงินคือพระเจ้าของโลกนี้ แต่พอตายไป ความดีคือพระเจ้า ในโลกหน้า

การให้ไม่เคยมีคำว่าหมด ยิ่งให้ก้ยิ่งได้ ยิ่งให้ก้ยิ่งจะมีแต่สิ่งดีๆเข้าตัว


เหมือนการตูนไอ้มดแดง แม้ว่าช่วงแรกๆ ไอ้มดแดงจะแพ้ต่อเหล่าตัวร้าย แต่

ไม่เคยมีตอนจบไหน ที่ สิ่งที่ถูกต้องจะไม่มีวันชนะ

ความดีและความถูกต้อง ชนะทุกสิ่ง

...
เงินคือพระเจ้าของโลกนี้ แต่พอตายไป ความดีคือพระเจ้า ในโลกหน้า
...

กรรมต่างหากที่เป็นพระเจ้าของโลกนี้และโลกหน้า

หากมีเงินแต่ไม่มีความสุขจะมีไปทำไม หากเพื่อที่จะมีเงินแต่ต้องเบียดเบียนคนอื่น ก่อบาป หาเงินด้วยวิธีที่ไม่สุจริต เงินที่ได้มาเป็นพระเจ้าจริงๆ หรือ?

picatos เขียน:

...
เงินคือพระเจ้าของโลกนี้ แต่พอตายไป ความดีคือพระเจ้า ในโลกหน้า
...

กรรมต่างหากที่เป็นพระเจ้าของโลกนี้และโลกหน้า

หากมีเงินแต่ไม่มีความสุขจะมีไปทำไม หากเพื่อที่จะมีเงินแต่ต้องเบียดเบียนคนอื่น ก่อบาป หาเงินด้วยวิธีที่ไม่สุจริต เงินที่ได้มาเป็นพระเจ้าจริงๆ หรือ?

+1ให้นะครับ กรรม=การกระทำครับ กรรมดี ก้จะไปสู่ภพที่ดี กรรมชั่วก้ไปอยู่ในภพที่ไม่ดี

มีเงินก้มีความสุข แต่จะให้ดี การมีเงินก้ต้องไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่นเช่น

ไปปล้น ไปโกง หรือ ไปหลอกเค้ามา

กรรมไม่ดี โลกหน้าก้คงไม่มีที่ให้ยืนครับ ผมจึงเน้นว่า ความดี=กรรมดี ยังไงโลกนี้และ

โลกหน้าก้มีที่ให้ยืน

กรรมมันติดจรวด โกงเค้าเด๋วเค้าก้โกงคืน ไปปล้นเค้าสักวันเด๋วเราก้โดนปล้น

กรรมชั่ว action=reaction ใส่แรงลงไป10 ผลที่สะท้อนไม่วันนี้ก้วันหน้าก้=10

ผมก้ยังเชื่อใน นิยามที่บัฟเฟตเขียนไว้

มันแปลได้ว่า รวยแล้วต้องรู้จัก พอ และรู้จัก ให้ ถ้าไม่พอ ชีวิตก้ไม่รู้จักคำว่ารวย

มี100ล้านก้อยากได้ 1000 ล้าน มี1000ล้านก้อยากได้มากไปอีก

ชีวิตคนเรา เหมือนนักรบ วัยหนุ่มอาจจะอยากสร้างชื่อเสียงเกียรติยศ

แต่วัยแก่ ก้อยากจะทำอะไรเพื่อ คืนแก่สังคมบ้าง

ขอบคุณพี่ picatos ที่มาคอมเม้นท์ครับ

เมื่อพอ ก้จะ หยุด เมื่อ หยุด ก้จะสำเร็จครับ

หยุดโกรธ หยุดโลภ หยุดหลง หยุดกลัว

เมื่อนั้น ไฟที่มอดไหม้ในใจ ก้จะไม่มีครับ

ต้องเห็น สัจธรรม คือ เกิด แก่ เจ็บ และก้ตาย เมื่อนั้นก้จะหยุด ที่จะรัก โลภ โกรธ หลง ได้

ล่าสุด แถวบ้านผม รวยเป็นร้อยล้าน ทำเรือ ไม่เคยทำบุญ พอตายไป เงินสักบาทก้เอา

ไปไม่ได้ กรรมของแต่ละคนจะเริ่ม พิพากษา ในวันแรก ที่หมดลม ครับ

สำหรับผม การนั่งตรองลมหายใจ และการหลับตา เพื่อพิจารณาธรรมชาติของคน

สำคัญมาก เรานอน เรานั่ง เรายืน เราเดิน เรากำลังหายใจเรากำลังทำอะไร

การหลับตา ก้เป็นการทำให้เราได้เห็น ความจริง

เมื่อหลับตา ก้มีแต่ ความมืด ต้นไม้ บ้าน พระอาทิตย์ คน รถยนต์ ของเครื่องใช้ไฟฟ้า

ของที่เรารัก เราเกลียด เราอยากได้ เราไม่อยากได้

ทุกอย่างเป็น อนัตตา คือ มันไม่มีตัวตน เป็นสิ่งที่เราได้ สมมติและเรียกมันขึ้นมา

เมื่อนั้น จิตก้จะไม่ิยินดี ไม่ยินร้าย เพราะ นี่คือ แก่นแท้ของธรรมชาติ

ธรรมะ คือ ธรรมชาติ

ผู้มีดวงตาเห็นธรรม ก้คือ ผู้ที่มองเห็นซึ่งแก่นแท้ ของธรรมชาติ

นับถือครับ แต่ถ้าผมรวยแบบเค้าผมก็บริจาคเหมือนกันครับ เพราะรวยจนเงินมันไม่มีที่จะเก็บแล้วอะ

เหมือนคุณตันเลยครับ สุดยอดมาก ข้าน้อยขอคาราวะ

สุดยอดเลยครับคนอย่างนี้โลกน่าอยู่ขึ้นเยอะ

ยังไม่เห็น VI คนไทยที่ประสบความสำเร็จออกมาประกาศบริจาคเพื่อการกุศลแบบ Buffett เลย

investor9000 เขียน:ยังไม่เห็น VI คนไทยที่ประสบความสำเร็จออกมาประกาศบริจาคเพื่อการกุศลแบบ Buffett เลย

เค้าก็อาจจะบริจาคแต่ไม่ประกาศก็ได้นี่ครับ

การบริจาคเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของการทำบุญ เท่านั้นนะครับ ผมว่า VI ในไทยเก่งๆ หลายท่าน ได้ให้ความรู้เป็นธรรมทาน ไว้มากมาย ซึ่งผมว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ

investor9000 เขียน:ยังไม่เห็น VI คนไทยที่ประสบความสำเร็จออกมาประกาศบริจาคเพื่อการกุศลแบบ Buffett เลย

เรื่องแบบนี้ อย่าไปถามคนอื่นเลย ว่าบริจาคหรือไม่

ควรถามตัวเองมากกว่า

ผมหมายถึงทุกคนนะครับ

คุณแบ่งปันความรู้ แบ่งปันแนวความคิดที่ถูกต้อง

ผู้คนได้ใช้ประโยชน์ แล้วนำไปต่อยอด สร้างความมั่งคั่งได้อย่างชอบธรรม

เป็นการให้ทานที่ได้อนิสงสูงครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงินมากมายเลยครับ

หากคนใดมีกำลังที่จะแบ่งปันทรัพย์ได้มาก ก็ต้องคิดให้มากด้วยว่าทรัพย์เหล่านั้นต้อง

ไปก่อประโยชน์อย่างชอบธรรมเช่นกัน