หน้า 1 จากทั้งหมด 1

Case Study : AIBA ปล้นทอง แล้วนักลงทุนได้เรียนรู้อะไร?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 15, 2012 11:03 pm
โดย Guiman
ชั่วโมงนี้ไม่มีใครรู้จัก “AIBA” หรือชื่อเต็มก็คือ International Boxing Association

เมื่อพูดถึง AIBA สิ่งที่เรานึกตามมาก็คือ การโดนปล้นเหรียญทอง ที่คนไทยทั้งประเทศเจ็บจี๊ดดดดดด

จริงๆแล้วหากดูจากการตัดสินของกรรมการในโอลิมปิคครั้งนี้ ไม่ใช่แค่คู่ของไทยเราเท่านั้นที่ค้านสายตาคนดูนะครับ

คู่แรกที่ค้านสายตาคนดูก็คือ การชกรุ่นแบนตัมเวทคู่ของนักมวยอาเซอร์ไบจันและญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่นักชกจากอาเซอร์ไบจันเอาชนะไปได้ถึงแม้ว่าจะล้มถึง 6 ครั้งในยกสุดท้าย (พิมพ์ไม่ผิดครับ ล้มไป 6 ครั้ง) ทำให้ทางญี่ปุ่นประท้วงคำตัดสิน จนในที่สุดก็ต้องมีการพลิกคำตัดสินให้ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะ และกรรมการชาวเติร์กเมนิสถานถูกส่งกลับประเทศทันที

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน นักมวยจากอาเซอร์ไบจันอีกคนก็เอาชนะคู่แข่งชาวเบลารุสไปได้อย่างหวุดหวิด ท่ามกลางเสียงโห่จากผู้ชมในสนาม โดยในยกสุดท้าย เขาทำฟาวล์อย่างชัดเจนแต่กลับไม่ถูกตัดคะแนน และในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าฝ่ายเบลารุสจะประท้วง ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำตัดสินแต่อย่างใด

และล่าสุด การแข่งขันชิงเหรียญทองระหว่างนักชกไทยและแชมป์เก่าจากจีน สื่อมวลชนในอังกฤษเอง ไม่ว่าจะเป็นบีบีซีหรือรอยเตอร์ ต่างตั้งคำถามกับผลการตัดสินในครั้งนี้ ที่ไทยน่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างน้อยในสองยก

แต่แล้ว AIBA ก็ออกมาแถลงกับสื่อว่า คำตัดสินนั้นถือว่าสิ้นสุด และโปร่งใส (ในสายตาของ AIBA เอง)

เราได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?

นั้นคือคำถามสำหรับคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงอย่างเราๆต้องถามกับตัวเอง

1. ประเด็นแรกเลยก็คือ สะท้อนให้เห็นว่า โลกนี้ ความยุติธรรม ไม่ได้เกิดทันตาเห็น หากคุณจะถามหาความยุติธรรม มันต้องใช้เวลา
เปรียบกับโลกแห่งการลงทุน หากนักลงทุนรายหนึ่ง วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมาแล้วอย่างดี และคิดว่าตนเองละเอียดพอ เมื่อราคาหุ้นลงมาถึงจุดที่ตั้งใจไว้ว่าจะเข้ารับ กลับกลายเป็นว่า ราคากลับหล่นไปต่อ ถ้าไม่เคยศึกษาหรือมีประสบการณ์ในตลาดมาก่อน เจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็เป็นไปได้ที่จะด่าตลาดหุ้นว่า โดนบิดเบือน เจ้าเล่นแรง โชคไม่เข้าข้าง หรือ อ้างไปว่าโดนปัจจัยอื่นๆที่อยู่เหนือการควบคุมของตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่า มันเป็นธรรมดาของการลงทุน และมันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ความยุติธรรม อาจไม่ให้ผลของมันในทันที แต่ผลกรรมของการกระทำ มันจะตามติดตัวคุณไปตลอด

2. ประเด็นที่สอง เราเรียกร้องความยุติธรรมจนลืมดูแลจิตใจตัวเอง
ถ้าลองค้นหาใน google คำว่า AIBA ณ ตอนนี้ สิ่งที่คุณเจอจะเป็น Clip ต่างๆ รวมถึงลิงค์ไปสู่เว็ปบอร์ดซึ่งรุมวิจารณ์การตัดสินและความเป็นกลางของ AIBA ในโอลิมปิคครั้งนี้ และเกินกว่า 70% เป็นคนไทย เรื่อง AIBA ปล้นเหรียญของจาก แก้ว พงษ์ประยูร ก็เรื่องหนึ่ง เรื่องความเกลียดที่เกิดขึ้นในใจเรา มันก็อีกเรื่องหนึ่ง ความไม่ยุติธรรม มักทำให้จิตใจของเราขาดความเป็นกลาง ซึ่งในแง่มุมของนักลงทุน ถือเป็นสิ่งต้องห้ามเลยทีเดียว

ตลาดหุ้นตกแรงๆ มักมาพร้อมข่าวร้าย และเมื่อมีข่าวร้าย ก็ย่อมเกิดความกลัว ผลจากความกลัว ทำให้เรามักจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับกลยุทธ์ที่ควรทำ (ทั้งๆที่รู้ว่าต้องทำยังไง) นั้นก็คือ แทนที่จะซื้อเมื่อหุ้นตกแรงๆจนต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน กลับกลายเป็นขายทิ้งเพราะคิดว่าถือไม่ไหวแล้ว ทั้งๆที่ขาดทุนมา 20-30% ยังอุตส่าห์ถือมาได้

สำหรับใครที่ไม่คุ้นกับการบริหารสภาพจิตใจตัวเองในการลงทุน ขอให้ลองใช้วิธีนี้ดูครับ “ซื้อ เมื่ออยากขายมากๆ” และ “ขาย เมื่ออยากซื้อมากๆ” ผลจากการทำเช่นนี้ ผมไม่คิดว่าจะถูกต้อง 100% นะ อาจจะออกมา 50:50 ด้วยซ้ำไป แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่า อารมณ์ของเรา ไม่ได้มีอิทธิพล หรือเป็นปัจจัยอะไรเลยด้วยซ้ำกับการลงทุน

สุดท้าย การที่เราเกลียด AIBA และวิจารณ์การทำงานของเขา รวมกันมากๆ อาจกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (ซึ่งสุดท้าย อาจลงเอยด้วยการโกงรูปแบบอื่นก็เป็นได้) แต่สิ่งที่เราลืมคิดไปก็คือ การดูจิตใจ การดูแลหัวใจตัวเองไม่ให้ถูกความเกลียดครอบงำ ไม่ว่าจะเรื่องนี้ หรือเรื่องไหนก็ตาม ลองนึกดูสิครับ ความเกลียด ทำให้ใครได้ดีบ้าง? ที่เห็นๆ สงครามไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ก็เริ่มจากจุดเล็กๆที่เรียกว่า ความเกลียดทั้งนั้น

จากบล็อกมิสเตอร์เมสเซนเจอร์ครับ :mrgreen:

Re: Case Study : AIBA ปล้นทอง แล้วนักลงทุนได้เรียนรู้อะไร?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 15, 2012 11:13 pm
โดย multipleceilings
นักลงทุนได้เรียนรู้ว่า แก้วเล่นมวยปล้ำครับ :mrgreen:

Re: Case Study : AIBA ปล้นทอง แล้วนักลงทุนได้เรียนรู้อะไร?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 15, 2012 11:21 pm
โดย pooklook
สำหรับผมแล้วไม่ได้เรียนรู้จากการดูมวย แต่เป็นการมองในอีกด้านนึงที่เป็นมุมมองที่ได้มาจากการลงทุนในหุ้นมานานระยะหนึ่งนั่นก็คือ แล้วมันก็จะผ่านไป ซึ่งมุมมองนี้ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น โดนรถคันอื่นปาดหน้า ก็ไม่ค่อยตกใจและไม่ค่อยโกรธเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่ก็เป็นข้อดีอีกอย่างที่ได้จากการเข้าใจตลาดครับ

Re: Case Study : AIBA ปล้นทอง แล้วนักลงทุนได้เรียนรู้อะไร?

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 16, 2012 12:39 am
โดย ศิษย์เซียน007


หลังจากดูคลิปนี้แล้วทำให้ผมรู้สาเหตุว่าทำไมจีนถึงชนะ อาจจะเป็นเพราะว่าจีนได้ไปซุ่มฝึกท่าไม้ตายใหม่มาที่มีชื่อว่า buffalo attacktion หรือพุ่งชนถ้าใช้ท่านี้เข้าเป้าแล้วกรรมการAIBAจะให้คะแนนเยอะมากซึ่งนักมวยจากจีนได้ใช้ท่านี้อยู่บ่อยๆจึงได้แชมป์ไป เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าบางทีนักมวยอาจจะจำเป็นต้องฝึกท่าพุ่งชนเอาไว้บ้างคับ :D

Re: Case Study : AIBA ปล้นทอง แล้วนักลงทุนได้เรียนรู้อะไร?

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 16, 2012 9:09 am
โดย syj
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ก็คือว่า ....

ไม่ว่าคุณจะซ้อมหนักแค่ไหน ทำการบ้านมามากมาย
เท่าไร สุดท้าย บางครั้งบางที มีมือที่มองไม่เห็น
มาปล้นสิ่งที่ควรได้จากการทำงานหนักๆ ของเรา
ได้เหมือนกัน ...

แถมกรรมการก็อาจอยู่ข้างเดียวกับคนที่มาปล้นก็ได้

Re: Case Study : AIBA ปล้นทอง แล้วนักลงทุนได้เรียนรู้อะไร?

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 16, 2012 9:36 am
โดย saichon
ในเรื่องการลงทุน ถ้าผมคิดและทำดีที่สุดแล้ว
ผลจะออกมายังไงผมก็จะยินดีกับผลนั้นครับ...

(แฮ่...เกี่ยวกันไม๊เนี๊ย :la: )

Re: Case Study : AIBA ปล้นทอง แล้วนักลงทุนได้เรียนรู้อะไร?

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 16, 2012 9:52 am
โดย newbie_12
เห็นเหตุการณ์เปรียบเทียบเป็นความ Bias ของคนในตลาดครับ

Re: Case Study : AIBA ปล้นทอง แล้วนักลงทุนได้เรียนรู้อะไร?

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 16, 2012 10:51 am
โดย punyavee
หลังจากที่อ่าน บทความที่ บิล เกตส์ ที่บอกว่าชีวิตนี้ไม่มีความยุติธรรมหรอก ผมก็เริ่มคิดได้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คิดย้อยหลังไปหลายๆ เรื่อง ทำไมคนรวยที่เอาเปรียบคนถึงยังรวยอยู่ได้เหมือนเดิม ทำไมนักการเมืองถึงโกงกินบ้านเมืองแต่ก็ไม่ติดคุก ทำไมคนทำผิดแต่มีอิทธิพลไม่ถูกลงโทษสักที ทำไมคนที่ผลงานห่วยแต่เก่งแต่ปากยังอยู่ในตำแหน่งได้อยู่ หรือกระทั่งล่าสุดเรื่องแก้ว ลุยต่อยเกือบตาย ซ้อมเกือบตาย แต่ก็แพ้เส้นสายความใหญ่ เป็นต้น ทำให้คิดได้และกลับมาคิดเกี่ยวกับหุ้น สุดท้าย ที่พึ่งที่ดีที่สุดคือตัวเอง อย่าไปคิดว่าใครจะช่วยคุณได้

Re: Case Study : AIBA ปล้นทอง แล้วนักลงทุนได้เรียนรู้อะไร?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 17, 2012 10:25 am
โดย นักดูดาว
รู้ว่า หากรู้ว่าจะแพ้บนสังเวียน จงสู้จนชนะใจคนไทย