บทเรียนนักช้อป = ซื้อถัวเฉลี่ยขาลง
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 11, 2012 7:58 pm
» บทเรียนนักช้อป : ส่งตรงจากตลาดรัสเซีย ณ ปักกิ่ง
"ตลาดรัสเซีย" นั้นเป็นที่เลื่องลือว่าอุดมด้วยสินค้าแบรนด์เนม ไม่ว่ายี่ห้อใดสัญชาติใด หากเป็นแบรนด์เนมระดับโลกแล้ว ที่นั่นมีหมด แถมราคายังถูกแสนถูก
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเป็น “ของเก๊” ทั้งนั้น ทำได้เนียนมากเหมือนของจริง แต่จะซื้อได้ถูกแค่ไหน ขึ้นอยู่กับฝีมือในการต่อราคา
----
กระนั้นก็ตามต่อเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้จักทำใจด้วย ไม่เช่นนั้น...อาจต้องแบกความเสียใจ หรือเจ็บแค้นกลับเมืองไทย เพราะพบว่าของที่ซื้อมานั้น เสียตั้งแต่ตอนอยู่เมืองจีน
บางคนพอกลับขึ้นมา บนรถทัวร์แล้วรู้ว่าตนซื้อแพงกว่าเพื่อนร่วมคณะ คืนนั้นถึงกับนอนไม่หลับเลยทีเดียว
ในตลาดรัสเซียนั้นความดีใจและเสียใจอยู่ใกล้กันมาก เมื่อกี้ยังดีใจอยู่เลยที่ได้ซื้อของถูกมากๆ แต่แล้วใจก็วูบจิตก็ตกทันที เมื่อไปเจอพ่อค้าที่บอกราคาสินค้าต่ำกว่าที่ตัวเองเพิ่งซื้อมา
ถ้าคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้ทำอย่างไรจะกู้ความรู้สึกดีๆ ให้กลับคืนมา
----
สาวไทยผู้หนึ่งพบทางออก เรื่องของเรื่องก็คือเธออยากได้กระเป๋าถือยี่ห้อดัง แม่ค้าบอกราคา ๓๐๐ หยวน
เธอต่อแล้วต่ออีกจนซื้อได้ราคา ๑๕๐ หยวน ด้วยความดีใจ...เธอจึงซื้อ ๒ ใบ
จากนั้นก็ไปดูสินค้าร้านอื่นต่อ มีร้านหนึ่งขายกระเป๋าชนิดเดียวกับที่เธอ เพิ่งซื้อมา พ่อค้าอยากขายสินค้าตัวนี้ให้เธอ แต่รู้ว่าถ้าบอกราคาสูงเธอต้องเมินแน่ จึงเสนอราคา ๑๕๐ หยวนโดยที่เธอไม่ทันเอ่ยปาก
พอเธอได้ยิน ก็อึ้งทันที เพราะรู้แล้วว่ากระเป๋าที่เธอเพิ่งซื้อมานั้น ราคาจริงต่ำกว่านี้มาก
เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจที่ซื้อของแพง เธอจึงตัดสินใจต่อราคากระเป๋าในร้านนั้นทันทีในที่สุด ก็ซื้อมาด้วยราคา ๑๐๐ หยวน ด้วยความดีใจเธอ ซื้อ ๒ ใบเลย
จากนั้นก็เดินเที่ยวต่อ ไม่นานก็เจออีกร้านที่ขายกระเป๋าชนิดเดียวกับที่เธอซื้อมา เจ้าของร้านเห็นเธอหิ้วมา ๔ ใบก็รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรจึงจะขายสินค้าของตัวได้ เขาเสนอขาย ทันที ๘๐ หยวน
เท่านั้นเองความภาคภูมิใจที่เธอเคยมี เพราะซื้อของได้ถูกก็ไม่เหลืออีกต่อไป เธอเลือกที่จะกอบกู้ความภาคภูมิใจด้วยการกัดฟันต่อราคากระเป๋าจนเหลือ ๖๐ หยวน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสอันดี เธอจึงซื้ออีก ๒ ใบ
----
เรื่องทำท่าจะจบเท่านี้เพราะเธอซื้อกระเป๋ามาแล้ว ๖ ใบ แต่พ่อค้าอีกร้านไม่ยอมให้เธอเดินผ่านไปง่าย ๆ
ทีแรกเขาบอกราคา ๑๐๐ หยวน เธอต่อเล่นๆ ๕๐ หยวน ปรากฏว่าเขาตอบรับทันทีเพราะรู้ดี ว่ามีแต่ราคาต่ำขนาดนี้เท่านั้นที่จะทำให้เธอยอมซื้อกระเป๋าเพิ่มเป็นใบที่ ๗ ได้
แล้วเขาก็คาดไม่ผิด เธอตกลงซื้อ ไม่ได้ซื้อแค่ใบเดียว แต่ซื้อ ๒ ใบ เพราะรู้ดีว่าโอกาสที่จะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมอย่างนี้ด้วยราคา ๕๐ หยวนหาไม่ได้ง่ายนัก
----
เข้าตลาดรัสเซียได้ไม่ถึงชั่วโมงปรากฏว่าเธอหอบ หิ้วกระเป๋าชนิดเดียวกันถึง ๘ ใบ ทั้งๆ ที่ที่แต่เดิม เธอต้องการแค่ใบเดียวเท่านั้น เฉพาะกระเป๋าถืออย่างเดียวเธอหมดเงินไป ๗๒๐ หยวน แทนที่จะเสียเพียง ๓๐๐ หยวน
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลประการ เดียวคือเพื่อกอบกู้จิตใจไม่ให้ย่ำแย่จากการซื้อของแพง แต่แม้จะเสียเงินเพิ่มกว่าเท่าตัว เธอก็ยังปลอบใจตัวเองว่า กระเป๋าที่ซื้อมานี้เฉลี่ยแล้วใบ ละ ๙๐ หยวนเท่านั้นเอง ถูกอะไรอย่างนี้
อะไรทำให้เธอซื้อกระเป๋าไม่หยุดทั้ง ๆ ที่มีแล้ว ๒ ใบ คำตอบก็คือ ความไม่พอใจในกระเป๋าทั้งสอง นั่นเอง กระเป๋าทั้งสองนั้นไม่มีตำหนิอะไรเลย เธอ ดีใจด้วยซ้ำตอนที่ซื้อมาใหม่ ๆ แต่ความไม่พอใจเกิดขึ้นทันทีที่เห็นกระเป๋าใบอื่นมีราคาถูกกว่า
ขณะเดียวกันก็เกิดความอยากได้กระเป๋าใบใหม่ขึ้นมา ยิ่งเห็นกระเป๋าราคาถูกมากเท่าไรก็อดใจ ซื้อไม่ได้ ประกอบกับกลัวเสียหน้าว่าซื้อของแพง ทำให้เธอยอมเสียเงินเพิ่มเพื่อจะได้ของถูก
----
เราอยากซื้อของถูกเพื่ออะไร มิใช่เพราะประหยัดเงินหรอกเหรอ แต่น่าแปลกไหมว่ายิ่งอยากได้ของ ถูกหญิงสาวผู้นี้กลับต้องจ่ายเงินมากขึ้น ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะอะไร หากไม่ใช่เพราะ...ความไม่พอใจสิ่งที่มี...ไม่ยินดีสิ่งที่ได้
"พอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้" เป็นคาถาสำคัญสำหรับ นักช็อปปิ้งและคนทั่วไป
คาถานี้ไม่เพียงช่วย ประหยัดเงินในกระเป๋าเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ เรามีความสุขได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องดิ้นรนไล่ล่าหาสิ่ง ใหม่ จนกระทั่งมันสามารถหลอกล่อจูงจมูกให้เรา ทำอะไรก็ได้เพื่อมัน
----
Credit : ภาวัน
FB: Life 101 Co.,Ltd.
"ตลาดรัสเซีย" นั้นเป็นที่เลื่องลือว่าอุดมด้วยสินค้าแบรนด์เนม ไม่ว่ายี่ห้อใดสัญชาติใด หากเป็นแบรนด์เนมระดับโลกแล้ว ที่นั่นมีหมด แถมราคายังถูกแสนถูก
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเป็น “ของเก๊” ทั้งนั้น ทำได้เนียนมากเหมือนของจริง แต่จะซื้อได้ถูกแค่ไหน ขึ้นอยู่กับฝีมือในการต่อราคา
----
กระนั้นก็ตามต่อเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้จักทำใจด้วย ไม่เช่นนั้น...อาจต้องแบกความเสียใจ หรือเจ็บแค้นกลับเมืองไทย เพราะพบว่าของที่ซื้อมานั้น เสียตั้งแต่ตอนอยู่เมืองจีน
บางคนพอกลับขึ้นมา บนรถทัวร์แล้วรู้ว่าตนซื้อแพงกว่าเพื่อนร่วมคณะ คืนนั้นถึงกับนอนไม่หลับเลยทีเดียว
ในตลาดรัสเซียนั้นความดีใจและเสียใจอยู่ใกล้กันมาก เมื่อกี้ยังดีใจอยู่เลยที่ได้ซื้อของถูกมากๆ แต่แล้วใจก็วูบจิตก็ตกทันที เมื่อไปเจอพ่อค้าที่บอกราคาสินค้าต่ำกว่าที่ตัวเองเพิ่งซื้อมา
ถ้าคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้ทำอย่างไรจะกู้ความรู้สึกดีๆ ให้กลับคืนมา
----
สาวไทยผู้หนึ่งพบทางออก เรื่องของเรื่องก็คือเธออยากได้กระเป๋าถือยี่ห้อดัง แม่ค้าบอกราคา ๓๐๐ หยวน
เธอต่อแล้วต่ออีกจนซื้อได้ราคา ๑๕๐ หยวน ด้วยความดีใจ...เธอจึงซื้อ ๒ ใบ
จากนั้นก็ไปดูสินค้าร้านอื่นต่อ มีร้านหนึ่งขายกระเป๋าชนิดเดียวกับที่เธอ เพิ่งซื้อมา พ่อค้าอยากขายสินค้าตัวนี้ให้เธอ แต่รู้ว่าถ้าบอกราคาสูงเธอต้องเมินแน่ จึงเสนอราคา ๑๕๐ หยวนโดยที่เธอไม่ทันเอ่ยปาก
พอเธอได้ยิน ก็อึ้งทันที เพราะรู้แล้วว่ากระเป๋าที่เธอเพิ่งซื้อมานั้น ราคาจริงต่ำกว่านี้มาก
เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจที่ซื้อของแพง เธอจึงตัดสินใจต่อราคากระเป๋าในร้านนั้นทันทีในที่สุด ก็ซื้อมาด้วยราคา ๑๐๐ หยวน ด้วยความดีใจเธอ ซื้อ ๒ ใบเลย
จากนั้นก็เดินเที่ยวต่อ ไม่นานก็เจออีกร้านที่ขายกระเป๋าชนิดเดียวกับที่เธอซื้อมา เจ้าของร้านเห็นเธอหิ้วมา ๔ ใบก็รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรจึงจะขายสินค้าของตัวได้ เขาเสนอขาย ทันที ๘๐ หยวน
เท่านั้นเองความภาคภูมิใจที่เธอเคยมี เพราะซื้อของได้ถูกก็ไม่เหลืออีกต่อไป เธอเลือกที่จะกอบกู้ความภาคภูมิใจด้วยการกัดฟันต่อราคากระเป๋าจนเหลือ ๖๐ หยวน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสอันดี เธอจึงซื้ออีก ๒ ใบ
----
เรื่องทำท่าจะจบเท่านี้เพราะเธอซื้อกระเป๋ามาแล้ว ๖ ใบ แต่พ่อค้าอีกร้านไม่ยอมให้เธอเดินผ่านไปง่าย ๆ
ทีแรกเขาบอกราคา ๑๐๐ หยวน เธอต่อเล่นๆ ๕๐ หยวน ปรากฏว่าเขาตอบรับทันทีเพราะรู้ดี ว่ามีแต่ราคาต่ำขนาดนี้เท่านั้นที่จะทำให้เธอยอมซื้อกระเป๋าเพิ่มเป็นใบที่ ๗ ได้
แล้วเขาก็คาดไม่ผิด เธอตกลงซื้อ ไม่ได้ซื้อแค่ใบเดียว แต่ซื้อ ๒ ใบ เพราะรู้ดีว่าโอกาสที่จะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมอย่างนี้ด้วยราคา ๕๐ หยวนหาไม่ได้ง่ายนัก
----
เข้าตลาดรัสเซียได้ไม่ถึงชั่วโมงปรากฏว่าเธอหอบ หิ้วกระเป๋าชนิดเดียวกันถึง ๘ ใบ ทั้งๆ ที่ที่แต่เดิม เธอต้องการแค่ใบเดียวเท่านั้น เฉพาะกระเป๋าถืออย่างเดียวเธอหมดเงินไป ๗๒๐ หยวน แทนที่จะเสียเพียง ๓๐๐ หยวน
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลประการ เดียวคือเพื่อกอบกู้จิตใจไม่ให้ย่ำแย่จากการซื้อของแพง แต่แม้จะเสียเงินเพิ่มกว่าเท่าตัว เธอก็ยังปลอบใจตัวเองว่า กระเป๋าที่ซื้อมานี้เฉลี่ยแล้วใบ ละ ๙๐ หยวนเท่านั้นเอง ถูกอะไรอย่างนี้
อะไรทำให้เธอซื้อกระเป๋าไม่หยุดทั้ง ๆ ที่มีแล้ว ๒ ใบ คำตอบก็คือ ความไม่พอใจในกระเป๋าทั้งสอง นั่นเอง กระเป๋าทั้งสองนั้นไม่มีตำหนิอะไรเลย เธอ ดีใจด้วยซ้ำตอนที่ซื้อมาใหม่ ๆ แต่ความไม่พอใจเกิดขึ้นทันทีที่เห็นกระเป๋าใบอื่นมีราคาถูกกว่า
ขณะเดียวกันก็เกิดความอยากได้กระเป๋าใบใหม่ขึ้นมา ยิ่งเห็นกระเป๋าราคาถูกมากเท่าไรก็อดใจ ซื้อไม่ได้ ประกอบกับกลัวเสียหน้าว่าซื้อของแพง ทำให้เธอยอมเสียเงินเพิ่มเพื่อจะได้ของถูก
----
เราอยากซื้อของถูกเพื่ออะไร มิใช่เพราะประหยัดเงินหรอกเหรอ แต่น่าแปลกไหมว่ายิ่งอยากได้ของ ถูกหญิงสาวผู้นี้กลับต้องจ่ายเงินมากขึ้น ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะอะไร หากไม่ใช่เพราะ...ความไม่พอใจสิ่งที่มี...ไม่ยินดีสิ่งที่ได้
"พอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้" เป็นคาถาสำคัญสำหรับ นักช็อปปิ้งและคนทั่วไป
คาถานี้ไม่เพียงช่วย ประหยัดเงินในกระเป๋าเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ เรามีความสุขได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องดิ้นรนไล่ล่าหาสิ่ง ใหม่ จนกระทั่งมันสามารถหลอกล่อจูงจมูกให้เรา ทำอะไรก็ได้เพื่อมัน
----
Credit : ภาวัน
FB: Life 101 Co.,Ltd.